Home > Export

ปัจจัยเสี่ยงใหม่ ทำส่งออกไทย 2565 สะดุด?

ยังคงรักษามาตรฐานการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับอุตสาหกรรมการส่งออกของไทยที่เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 แม้ว่าจะมีอุปสรรคในช่วงแรกของการระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่บ้าง ทว่า ตัวเลขการขยายตัวสามารถการันตีได้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลกส่งผลดีต่อภาคการส่งออกไทย แน่นอนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโต ทว่า อีกเหตุผลสำคัญน่าจะมาจากการใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) และภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) นับตั้งแต่ปี 2564 โดยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมกราคม 2565 มีการขยายตัว 8% มูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 708,312 ล้านบาท แม้ว่าจะยังมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 และในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 การส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่องและสูงถึง 16.2% ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ รัสเซีย 33.4% อาเซียน5 31.5% ฮ่องกง 29.8% เกาหลีใต้ 28.9% และสหรัฐอเมริกา 27.2% นั่นทำให้เห็นว่า สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่สร้างผลกระทบมากนัก อาจเป็นเพราะว่าสงครามเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้ศูนย์วิจัยและวิเคราะห์เศรษฐกิจมองและประเมินทิศทางการค้าระหว่างประเทศของไทยไปในทิศทางเดียวกันว่า ปี 2565

Read More

ส่งออกไทยโต อานิสงส์จากตลาดโลกฟื้น สวนทางการค้าในประเทศ

แม้การพึ่งพาตลาดต่างชาติมากเกินไปจะส่งผลเสียเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เมื่อยามที่เกิดวิกฤตเช่นปัจจุบัน ที่โลกกำลังเผชิญหน้าและต่อสู้กับสงครามไวรัส ทว่า การฟื้นตัวของตลาดโลกในหลายประเทศในเวลาอันรวดเร็วกลับส่งผลดีต่อภาคการส่งออกของไทยในหลายมิติ โดยเฉพาะจีนที่เอาชนะโควิด-19 ได้ในเวลาไม่นาน และเริ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศของตัวเอง ซึ่งนั่นไม่เพียงแต่จะสร้างแรงกระเพื่อมในระบบเศรษฐกิจของประเทศตัวเองเท่านั้น แต่ยังแผ่อานิสงส์ไปสู่ประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่ค้าสำคัญอีกด้วย ในเวลานี้อุตสาหกรรมที่กลายเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญในระบบเศรษฐกิจไทยคือ ภาคการส่งออก ที่แม้ว่าจะทำงานอย่างหนักแต่เมื่อเห็นผลลัพธ์แล้วคงพอหายใจหายคอได้ เพราะยามนี้ภาคการลงทุนหรือภาคการท่องเที่ยวยังไม่สามารถสร้างรายได้แก่ไทยได้อย่างที่เคยเป็นมา และยังไม่มีคำตอบว่าเครื่องจักรสำคัญนี้จะสามารถกลับมาเดินเครื่องแบบเต็มสูบได้อีกครั้งเมื่อไหร่ แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวไทย ที่กำลังพยายามอย่างหนักและน่าจะฝากความหวังไว้ได้กับโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ทว่า เงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ คือการไม่มีผู้ติดเชื้อในจังหวัดภูเก็ตสูงเกินกว่า 90 รายต่อวัน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยแวดล้อมที่น่าเป็นกังวลว่าอาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในจังหวัด นั่นคือการชุมนุมทางการเมือง ที่อาจสร้างความเสียหายและกระทบต่อโครงการนำร่องครั้งนี้ รายงานสรุปจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตัวเลขภาคการส่งออกในเดือนมิถุนายนขยายตัวสูงตามการค้าโลกที่ปรับเพิ่มต่อเนื่องและฐานต่ำในระยะต่อไป ส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกเดือนมิถุนายน 2021 ขยายตัวถึง 43.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 11 ปี และหากหักทองคำการส่งออกจะขยายตัว 43.4% ทำให้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 มูลค่าการส่งออกขยายตัวที่ 15.5% และหากไม่รวมทองคำการส่งออกจะเติบโตถึง 22.4% ด้านการส่งออกรายสินค้าพบว่าการส่งออกสินค้าสำคัญทุกประเภทมีการขยายตัว โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ผลิตภัณฑ์ยาง

Read More

การส่งออกไทยกระเตื้อง สัญญาณดีหรือภาพลวงตา

สัญญาณว่าด้วยการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มจะกระเตื้องขึ้น หลังจากที่ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41.59 ซึ่งนับเป็นการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 11 ปี โดยมีมูลค่ารวม 23,057 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ภาพรวมการส่งออกไทย 5 เดือนระหว่างมกราคมถึงพฤษภาคม 2564 การส่งออกมีมูลค่า 108,635 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.78 ซึ่งกลไกรัฐพยายามระบุว่าเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่เริ่มกระเตื้องขึ้น และทำให้การคาดการณ์การขยายตัวด้านการส่งออกทั้งปีถูกขยับตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 4 ข้อมูลที่น่าสนใจจากการขยายตัวเป็นประวัติการณ์ดังกล่าวในอีกด้านหนึ่ง พบว่าการนำเข้าของไทย มีมูลค่ารวม 107,141 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.52 ซึ่งทำให้ดุลการค้า 5 เดือนแรกของไทย เกินดุล 1,494 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกไทยที่ขยายตัวดังกล่าวนี้ได้รับการตอกย้ำว่าเป็นไปตามแผนการส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง บวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยธนาคารโลกมองว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ จากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน ประเด็นที่น่าสนใจประการหนึ่งอยู่ที่สินค้าที่มีการขยายตัวดี เป็นสินค้าในกลุ่มเกษตรและอาหาร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการ Work from Home และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซึ่งขยายตัวเกือบทุกหมวดสินค้า สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด โดยเฉพาะเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ รวมถึงถุงมือยาง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของภาคการผลิต และสินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง

Read More

ส่งออกไทยปี 64 สดใส? จับตาตลาดโลกฟื้นตัว

ข่าวเรือขนส่งสินค้า Ever Given ที่ติดอยู่ในคลองสุเอซ และส่งผลกระทบต่อการเดินเรือจำนวนมาก สถานการณ์ดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะใช้เวลาในการคลี่คลายนานเท่าไร และสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจมากน้อยเพียงใด ทว่า ในที่สุดเรือ Ever Given ก็สามารถกลับมาเดินเรือได้เป็นปกติ และตอนนี้อยู่ระหว่างหาสาเหตุที่ทำให้เรือติดริมตลิ่ง การที่เรือ Ever Given ขวางคลองสุเอซอยู่นั้นส่งผลต่อการค้าโลก และแน่นอนว่าภาคการส่งออกไทยได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยตลาดยุโรปเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยที่ใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ ซึ่งไทยส่งสินค้าไปยุโรปปีละไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สัดส่วนประมาณ 9% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย และเป็นตลาดส่งออกหลักอันดับ 4 ของไทย รองจากสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น โดยในแต่ละเดือนสินค้าไทยส่งออกไปยังตลาดยุโรปมีมูลค่าประมาณ 1,500-2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสินค้าส่งออกที่ผ่านเส้นทางนี้ได้แก่ อาหารสด เช่น ไก่แปรรูป โดยไทยส่งออกในรูปแช่เย็นแช่แข็ง และพึ่งพาตลาดยุโรปอย่างมากถึง 30% ของการส่งออกไก่แปรรูปทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ ยังมีสินค้าฟุ่มเฟือยไม่ต่ำกว่า 40% อาจกล่าวได้ว่ายุโรปเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยสินค้าไทยแต่ละรายการพึ่งพาตลาดยุโรปพอสมควร โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศพึ่งพาตลาดยุโรป 20% รถยนต์และส่วนประกอบ 5.2% รถจักรยานยนต์

Read More

ส่งออกติดลบฟื้นยาก สินค้าเกษตร-อาหาร ความต้องการพุ่ง

ส่งออกของไทยไม่อาจฟื้นตัวได้ไว แม้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศจะอยู่ในเกณฑ์ดี ที่แสดงให้เห็นถึงการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดได้ เมื่ออีกหลายประเทศยังมีจำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูง และยังมีมาตรการคุมเข้มกึ่งล็อกดาวน์ ซึ่งป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการส่งออก เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ อยู่ในภาวะชะลอตัว เมื่อกำลังซื้อของประชากรโลกยังจับกลุ่มอยู่ในหมวดสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์การส่งออกของไทยที่หดตัวลงในกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตัวเลขมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยที่ พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2563 มีมูลค่า 16,444.29 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 23.17% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 14,833.89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 18.05% การค้าเกินดุล 1,610.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งแรกของปี 2563 การส่งออกมีมูลค่า 114,342.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 7.09% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 103,642.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 12.62% และการค้าเกินดุล 10,700.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การหดตัวของการส่งออกไทยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงและการบังคับใช้มาตรการปิดเมืองในหลายระดับในต่างประเทศ ส่งผลให้อุปสงค์โลกอ่อนกำลังลงและสายโซ่อุปทานบางส่วนในต่างประเทศชะงักงัน รวมถึงการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศใช้ระยะเวลายาวนานมากขึ้น สินค้าส่งออกศักยภาพของไทยที่หดตัวสูงในเดือนมิถุนายน

Read More

ปลดล็อกเฟสห้า หวังค้าชายแดน-ส่งออกฟื้น

การเรียกร้องให้ ศบค. หรือศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ประกาศมาตรการผ่อนปรนเฟส 5 เพื่อให้กิจการและกิจกรรมในหลายๆ ส่วนสามารถเปิดดำเนินการได้ หลังจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายวันลดลง โดยผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์ติดต่อกันเกิน 30 วัน ด้วยความคาดหวังว่า คำสั่งดังกล่าวจะเป็นเสมือนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องจักรทางเศรษฐกิจไทย ให้สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ หลังจากหยุดชะงักมานานหลายเดือน คำสั่งปลดล็อกเฟสก่อนหน้า แม้ว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจภายในประเทศสามารถขับเคลื่อนไปได้ ทว่า นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของโครงสร้างเครื่องจักรของเศรษฐกิจไทย ฟันเฟืองแต่ละตัวในระบบเศรษฐกิจไทยมีบริบทแตกต่างกันไป และสำหรับการค้าชายแดน และการส่งออก เป็นเสมือนกุญแจดอกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เส้นกราฟของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจพุ่งสูงขึ้น คำสั่งประกาศปิดด่านชายแดนทั้งของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศคู่ค้า ส่งผลกระทบในด้านลบต่อผู้ประกอบการส่งออกและนำเข้า ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ นั่นเพราะไทยยังต้องพึ่งพาตลาดต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกและไทยจะอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าอ่อนแรง และตัวเลขการส่งออกในระยะไม่กี่ปีให้หลัง จะไม่สวยหรูนัก แต่ก็ยังไม่เข้าขั้นติดลบ อีกทั้งการที่เศรษฐกิจไทยและอีกหลายประเทศไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อเจอกับเชื้อโควิดที่มีพิษแทรกซึมที่สามารถทำลายล้างไปทั่วโลก ส่งผลให้หลายตลาด หลายอุตสาหกรรมต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก และในบางอุตสาหกรรมต้องเจอกับความถดถอย ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC) ประเมินมูลค่าการส่งออกในเดือนพฤษภาคมว่ามีอัตราการหดตัวอยู่ในระดับสูงถึง -22.5% หากหักทองคำ การส่งออกจะหดตัวเพิ่มเติมเป็น -27.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นับเป็นอัตราการหดตัวมากสุดในรอบเกือบ 11 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2009 เป็นต้นมา ทั้งนี้

Read More

ส่งออกไทยติดลบหนัก ผลจากทั่วโลก Lockdown หนีโควิด-19

นอกเหนือไปจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เป็นเครื่องจักรสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศแล้ว ภาคการส่งออกก็เป็นอีกฟันเฟืองสำคัญที่ไทยหวังพึ่งพิงตลอดมา การมาถึงของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ โควิด-19 เป็นเสมือนการดับฝันที่เป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยในห้วงยามนี้ จากสถานการณ์การส่งออกของไทยในปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขที่เป็นการติดลบในรอบ 4 ปี และปัจจัยที่ส่งผลลบโดยตรงคือภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ราคาน้ำมัน รวมไปถึงการแข่งขันกันเองของผู้ประกอบการส่งออก หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในปี 2563 อาจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นบ้าง เมื่อตลาดส่งออกสินค้าไทยน่าจะผ่านพ้นจุดตกต่ำไปแล้ว โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 สินค้าส่งออกของไทยลดลงในทุกตลาด ตั้งแต่ตลาดญี่ปุ่นติดลบ 1.3 เปอร์เซ็นต์ ยุโรปลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ จีนลดลง 4.7 เปอร์เซ็นต์ เอเชียใต้ลดลง 7.7 เปอร์เซ็นต์ ฮ่องกงลดลง 6.8 เปอร์เซ็นต์ เกาหลีใต้ลดลง 5.4 เปอร์เซ็นต์ ตะวันออกกลางลดลง 2.9 เปอร์เซ็นต์ แอฟริกาลดลง 10.9 เปอร์เซ็นต์ ทว่า โรคอุบัติใหม่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัวเลขการส่งออกในเดือนเมษายน 2563 ติดลบอย่างหนัก แม้ว่าภาพรวมมูลค่าการส่งออกรวมในเดือนเมษายนจะมีการขยายตัวที่

Read More

พินิจภาคส่งออก ฟันเฟืองแห่งความหวังของเศรษฐกิจไทย

อย่างที่ทราบกันดีว่า การส่งออกเป็นฟันเฟืองตัวสำคัญของเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันไทยพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกประมาณ 70-75 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี หรือผลิตภัณฑ์มวลรวม หมายความว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์การค้าโลกอยู่ในภาวะระส่ำและกระทบต่อการส่งออก นั่นจะเป็นต้นเหตุแห่งปัจจัยลบของเศรษฐกิจไทย นับตั้งแต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอุบัติขึ้น ไทยในฐานะประเทศคู่ค้าได้รับผลกระทบในทุกระนาบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่สร้างให้เกิดภาวะเฉื่อยในภาคการส่งออกของไทย ทั้งกรณีที่ไทยถูกตัดสิทธิ GSP จากสหรัฐฯ หรือกรณีเขตการค้าเสรี FTA ที่ไทยยังอยู่ในขั้นตอนของการเร่งเจรจา มูลเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้ประเทศไทยประสบกับภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจอย่างไม่อาจต้านทานได้ แม้จะมีปัจจัยบวกจากด้านอื่นอยู่บ้าง ทว่า ไม่อาจช่วยให้ตัวเลขของการส่งออกบวกขึ้นได้ เมื่อตัวเลขการส่งออกของปี พ.ศ. 2562 ติดลบ 2.7% สถานการณ์วิกฤตที่กำลังรายล้อมอยู่รอบด้าน รวมไปถึงการสรุปผลตัวเลขการส่งออกปีที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องปรับเป้าประมาณการการส่งออกในปี 2563 ว่าน่าจะมีโอกาสเติบโต 1-3% เท่านั้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินภาคการส่งออกของไทยว่า น่าจะยังมีโอกาสเติบโตท่ามกลางมรสุมที่หลายชาติกำลังเผชิญ เพราะมองเห็นปัจจัยที่เอื้อให้เกิดกระแสธารเชิงบวก ได้แก่ การคาดการณ์จาก IMF (International Monetary Fund) ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ดีในปีนี้ถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ปี 2562 ขยายตัวได้เพียง 2.9

Read More

อนาคตส่งออกไทย ความหวังในปีหนู

ความสิ้นหวังเกี่ยวกับสถานการณ์ส่งออกไทยในปี 2562 ที่ดูจะเลวร้ายกว่าที่ทุกฝ่ายคาดการณ์ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า การส่งออกไทยในปีหมูจะอยู่ในอัตราที่ติดลบหดตัวลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 2.5-3.0 โดยการส่งออกสินค้าในเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี 2562 มีแนวโน้มที่จะหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่มูลค่าการส่งออกของไทยช่วง 11 เดือนแรกปี 2562 ว่า ยังติดลบต่อเนื่องที่ระดับร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการส่งออกรวม 227,090.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนล่าสุด มีมูลค่ารวม 19,657 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบร้อยละ 7.39 กลายเป็นข้อบ่งชี้ถึงความตกต่ำทางเศรษฐกิจไทยอย่างยากปฏิเสธ และเกินกว่าที่จะเยียวยาได้ทัน การส่งออกสินค้าของไทยในเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 19,657 ล้านเหรียญสหรัฐ นับเป็นมูลค่าการส่งออกที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน และนับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยติดลบระดับร้อยละ 7.4 ซึ่งนับเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบ 43 เดือน (ตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 เป็นต้นมา)

Read More

เศรษฐกิจโลกทรุด ต้นเหตุส่งออกไทยติดลบ?

ดูเหมือนว่าฟันเฟืองตัวสำคัญในระบบเศรษฐกิจไทยยากที่จะเข็นขึ้นเสียแล้ว เมื่อการวาดหวังว่าห้วงเวลาสุดท้ายของปี สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยอาจจะกระเตื้องขึ้นบ้าง จะเห็นได้จากบรรยากาศสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เวลานี้ที่คลื่นลมสงบ นั่นเพราะทั้งสองฝ่ายต่างเห็นว่าการฟาดฟันกันด้วยกลยุทธ์ทางภาษีอาจไม่ใช่หนทางที่ดี และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายต่างพยายามหาทางออกที่เหมาะสม การเว้นวรรคจากการห้ำหั่นกันของสองชาติมหาอำนาจไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศดีขึ้นเท่าใดนัก เมื่อหลายประเทศกำลังประสบกับสภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ หลายประเทศต้องออกมาตรการและนโยบายด้านการเงินและการคลัง โดยหวังว่าจะช่วยกระตุ้นชีพจรให้เครื่องจักรเศรษฐกิจทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อลองพิจารณาชาติมหาอำนาจอย่างจีนที่มีอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจต่ำกว่าเป้าประสงค์ของรัฐบาลจีน นั่นเพราะปัจจัยทั้งภายในประเทศที่ทำให้ทางการจีนต้องออกมาตรการเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง ทว่า คงไม่ใช่แค่ประชากรในประเทศจีนเท่านั้นที่จะต้องติดตามว่ามาตรการทางเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลจีนนำออกมาใช้จะเพียงพอให้เศรษฐกิจจีนหลุดพ้นจากภาวะชะงักงันได้หรือไม่ เมื่อยังมีความเสี่ยงภาคการเงินจากหนี้ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งนั่นทำให้จีนต้องระวังที่จะใช้นโยบายทางการเงินมากพอสมควร ขณะที่ไทยเองยังต้องติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีน นั่นเพราะจีนถือว่าเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญ และไทยพึ่งพาเศรษฐกิจโลกในสัดส่วนที่สูง ทำให้การส่งออกเชิงดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม ติดลบ 2.0 เปอร์เซ็นต์ แต่ในรูปเงินบาทหดตัวติดลบ 2.43 เปอร์เซ็นต์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกมาคาดการณ์ว่าในไตรมาส 4/2562 ทางการจีนน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้นโยบายการคลัง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีนในไตรมาส 4/2562 น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ 6.0 และทั้งปี 2562 เศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตที่ร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน อย่างไรก็ดี ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มอ่อนแรงลง และในปี 2563 จะชะลอตัวต่ำลงกว่าในปีนี้ โดยอาจขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 6 ซึ่ง IMF ได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนเหลือ 5.8 แล้วในปีหน้า โดยความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อและประสิทธิผลในการดำเนินนโยบายแบบขยายตัวของทางการจีนที่น่าจะมีจำกัดมากขึ้นจะเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อไป แม้สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ

Read More