Home > Cover Story (Page 100)

สงครามการค้าอุบัติ กระทบส่งออกไทย?

ฟันเฟืองตัวสำคัญในระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างการส่งออก ที่หลายคนให้ความเชื่อมั่นว่าจะเป็นกำลังหลักที่ทำให้เกิดเสถียรภาพและแรงผลักสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งอัตราการขยายตัวที่มีความต่อเนื่องอยู่ในระดับที่ดีนับตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าจะเป็นรูปแบบการค้าที่ขาดดุลในรอบ 43 เดือนก็ตาม หากแต่สภาพการณ์ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องจึงไม่น่าแปลกที่หลายฝ่ายยังคงมองว่า การส่งออกของไทยน่าจะยังมีแรงเหวี่ยงที่ดีในช่วงครึ่งปีที่เหลือ แม้จะต้องจับตามองต่อประเด็นการเกิดสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจอย่างจีนและสหรัฐฯ ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่คลื่นลมสงบ เพราะเหตุผลจากการให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ตอบโต้ทางการค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้น ทำให้บรรดานักธุรกิจส่งออก ศูนย์วิจัย ที่ต่างลุ้นว่าทิศทางการค้าระหว่างประเทศจะเป็นอย่างไรนั้น เบาใจอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ทว่าห้วงยามนี้คลื่นลมที่เคยสงบตามคำมั่นสัญญา กลับเริ่มแสดงสัญญาณบางอย่าง เพราะเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25 เปอร์เซ็นต์ วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรการโต้กลับจีน ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งเตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราและวงเงินเดียวกัน ซึ่งเป้าหมายอยู่ที่สินค้าเกษตร รถยนต์ นับว่าการรีดภาษีของทั้งสองประเทศเป็นการเปิดศึกแลกหมัดอย่างเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าสงครามการค้าที่มีชนวนเหตุมาจากสหรัฐฯ และจีน ทำให้สถานการณ์ส่งออกของไทยได้รับผลกระทบอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อสินค้าส่งออกของไทยจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในวงจรการค้าโลก กระทั่งล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สั่งจับตาสถานการณ์นี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่มีหน้าที่โดยตรง การงัดมาตรการทางภาษีตอบโต้กันระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้ไทยต้องรักษาฐานที่มั่นซึ่งเป็นตลาดค้าเดิม และยังต้องหามาตรการอื่นๆ มารองรับหากสถานการณ์ไม่สู้ดี นั่นคือการมองหาตลาดใหม่สำหรับสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าในครั้งนี้ ขณะที่รองอธิบดีกรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สุพพัต อ่องแสงคุณ อธิบายแนวทางว่า “สถานการณ์สงครามการค้านี้ ต้องมอนิเตอร์เป็นรายกลุ่ม และต้องพยายามรักษาแรงเหวี่ยงของการส่งออกในทุกตลาด” นอกจากนี้กรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังได้พิจารณาตลาดใหม่ไว้สำหรับสถานการณ์สงครามการค้าที่อาจกระทบไทยในอนาคต เช่น ตลาดตะวันออกกลาง

Read More

Unseen-Unsafe Thailand มาตรฐานความปลอดภัยที่ต้องปรับปรุง

แม้ว่าภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่ดำเนินต่อเนื่องมากว่า 2 สัปดาห์จะลุล่วงและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี พร้อมกับกระแสที่สร้างความตื่นตัวขจรขจายกลายเป็นข่าวดังไปทั่วทุกมุมโลก และส่งผ่านความน่ายินดีมาสู่ปฏิบัติการกู้ชีพกู้ภัยที่อาจเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในสังคมไทยในรอบหลายปี หากแต่ท่ามกลางปฏิบัติการกู้ชีพกู้ภัยนำพาชีวิตทีมหมูป่าออกจากถ้ำ เพื่อมาสู่แสงสว่างแห่งชีวิตอีกครั้ง ในอีกด้านหนึ่งของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจท่องเที่ยวไทยกลับต้องประสบเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อเรือท่องเที่ยวซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนเกือบร้อยชีวิตไม่สามารถฝ่าคลื่นลมจนต้องประสบภัยจมดิ่งสู่ก้นทะเล พร้อมกับคร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 43 ราย และยังมีผู้สูญหายอีก 2 ราย ภาพที่ตัดกันของนักท่องเที่ยวเด็กในนาม ทีมหมูป่า ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจของผู้คนทั่วทุกมุมโลก กับภาพของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เผชิญเหตุประสบภัยกลางทะเลอันดามัน จังหวัดภูเก็ต นอกจากจะสะท้อนการนำเสนอข่าวสารของสื่อสารมวลชนในยุคที่โลกโซเชียลออนไลน์มีส่วนสำคัญ ในการนำพาอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนในสังคมแล้ว กรณีดังกล่าวยังนำไปสู่การตั้งคำถามหลากหลายในการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยอีกด้วย แต่จุดเชื่อมของคำถามที่เหลื่อมซ้อนกันจากเหตุดังกล่าวก็คือ การท่องเที่ยวของไทยมีมาตรการด้านความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด และประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยในระดับใดกันแน่ ภาพสะท้อนกรณีดังกล่าว ถูกนำเสนออย่างเด่นชัดเมื่อสื่อมวลชนระดับนำของญี่ปุ่น “นิกเคอิ เอเชียน รีวิว” ตีพิมพ์รายงานเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ด้วยการตั้งคำถามแหลมคมต่อสังคมไทย ซึ่งบางส่วนกำลังอยู่ในอารมณ์คลายกังวลและชื่นชมที่ปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำและรักษาชีวิตของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไว้ได้สำเร็จ ว่าการท่องเที่ยวไทยมีความปลอดภัยเพียงใด เป็นคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่ากรมอุทยานฯ ได้สั่งปิดการท่องเที่ยวถ้ำจำนวน 169 แห่ง จนกว่าจะมีการประเมินความปลอดภัยช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ ยังระบุว่าต่อไปจะต้องมีการลงทะเบียนผู้เข้า-ออกถ้ำในเขตอุทยานฯ และวนอุทยานฯ ด้วย ก่อนหน้านี้

Read More

“แบรนด์เนมมือสอง” บูม พลิกสมรภูมิธุรกิจใหม่

การพลิกกลยุทธ์ของโรงรับจำนำยี่ห้อเก่าแก่กว่า 40 ปี “ปิ่นคู่” ทั้งการสร้างภาพลักษณ์ใหม่และดึงร้านแบรนด์เนมมือสองยักษ์ใหญ่ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น Brand Off Tokyo เข้ามาเปิดร้าน Brand Off Tokyo by Money Cafe แฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ระดมสินค้ามากกว่า 300 ไอเท็ม ทั้งกระเป๋า นาฬิกา จิวเวลรี ที่พร้อมการันตีเรื่องคุณภาพและราคา ถือเป็นจุดเปลี่ยนจากธุรกิจโรงรับจำนำแบบเดิมสู่ Lifestyle Pawn Shop และเร่งสมรภูมิการแข่งขันธุรกิจแบรนด์เนมมือสองแนวใหม่รุนแรงมากขึ้น แน่นอนว่า หากพูดถึงแหล่งซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองยอดฮิตของเหล่านักชอปแบบเดิมๆ ทุกคนต้องไปตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เนื้อที่ขนาดใหญ่กว่า 66 ไร่ และรวบรวมสินค้ามากมายมหาศาล จัดแบ่งเป็นโซนหลักๆ ตั้งแต่โซนรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า แต่มีข้อเสีย คือมีทั้งของแท้และของก๊อบผสมกันจนแยกไม่ออก ทำให้ต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการคัดสินค้า หรือจะเป็นตลาดขายสินค้ามือสองที่เจ้าของนำมาขายเอง ซึ่งมีทั่วไปตามตลาดนัดทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าจะเป็นตลาดนัดจตุจักร (JJ) ตลาดรถไฟ ตลาดนัดเลียบด่วน ตลาดหัวมุม ตลาดนกฮูก

Read More

“สหพัฒน์” ทรานส์ฟอร์ม เร่ง “บิ๊กดาต้า” สู้ทุกวิกฤต

เสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ ออกมาประกาศนโยบาย 5 ปี ตั้งเป้าหมายผลักดันบริษัทในเครือที่มีมากกว่า 200 บริษัท ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้ามากกว่าพันรายการ รวมถึงเครือข่ายค้าปลีกที่กำลังเร่งขยายอย่างครบวงจร ก้าวเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เต็มรูปแบบ โดยมีรายได้กว่า 3 แสนล้านบาท เป็นเดิมพันสำคัญ เหตุผลไม่ใช่แค่การประเมินปัจจัยในระยะสั้น 1-2 ปี แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันจะจัดการเลือกตั้งภายในปี 2562 หรือแม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวเกินคาด ชนิดที่หลายๆ หน่วยงานแห่ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ตัดสินใจปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2561 จากเดิม 3.6-4.6% เป็นคาดว่าจะเติบโต 4.2-4.7% ตามด้วยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับจีดีพีไทยปี 2561 คาดว่าจะเติบโต 4.3-4.8% จากเดิมคาดไว้ 4.0-4.5% ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%

Read More

โคเมเฮียว บุกไทย จับมือ “สหพัฒน์” เจาะกลุ่มลักชัวรี

การประกาศลงนามสัญญาความร่วมมือระหว่างบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กับยักษ์ใหญ่ธุรกิจร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมมือสอง “Komehyo” (โคเมเฮียว) จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อผุดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ด้านหนึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์เจาะรีเทลกลุ่มใหม่ของเสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ซึ่งไม่ใช่แค่รับเทรนด์การเติบโตของตลาดแบรนด์เนมมือสอง แต่ยังเกาะกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเรียกร้องพฤติกรรม Reuse สินค้าให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญ เสี่ยบุณยสิทธิ์กำลังรุกขยายเครือข่ายร้านค้าปลีกให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าต่างๆ มากขึ้นและฉีกกลยุทธ์ชนิดที่สหพัฒน์ไม่ต้องการวิ่งไล่หลังใครอีกแล้ว ไม่ให้เหมือน “ลอว์สัน” ที่ยังทิ้งห่างจากเซเว่นอีเลฟเว่นและแฟมิลี่มาร์ท หรือ “ซูรูฮะ” ซึ่งยังต้องไล่บี้คู่แข่งอย่างวัตสันและบู๊ทส์ แต่โคเมเฮียวที่มีทั้งทุนเต็มหน้าตักและโนว์ฮาวระดับเบอร์ 1 จากญี่ปุ่น น่าจะเปิดทางการก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดรีเทลกลุ่มแบรนด์เนมมือสองได้ไม่ยากนัก ว่ากันว่า เคยมีการคาดการณ์ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสอง หรือ Pre-owned luxury ในตลาดโลก มีมูลค่าสูงถึง 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.7 แสนล้านบาท เฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องหนังและเสื้อผ้ามือสองมีมูลค่าสูงถึง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ยิ่งเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และอาจเจอวิกฤตอีกหลายรอบ ยอดขายสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังระดับโลกหลายค่ายไม่ได้พุ่งกระฉูดเหมือนก่อน แม้มีความพยายามเจาะตลาดประเทศใหม่ๆ มากขึ้น ทั้งการเปิดชอปและการส่งสินค้าจำหน่ายผ่านเอาต์เล็ตระดับโลก เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าหันไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมมือสองมากขึ้น ชนิดที่ว่า ตลาดแบรนด์เนมมือสองระดับหรูมีอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างเห็นข้อดีหลายอย่าง

Read More

พลังงานไทยบน Solar Roof แสงสะท้อนที่หักเหของนโยบายรัฐ

จากประเด็นข่าวเรื่อง “กฟผ. เสนอเรื่องให้ กกพ. จัดเก็บค่าระบบสำรองไฟฟ้า ที่ 100-200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่ผลิตไฟฟ้าใช้เองจาก Solar Roof Top ที่ถูกโพสต์ และแชร์ไปบนโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา สร้างความแปลกใจ รวมไปถึงความไม่พอใจจากประชาชนไม่น้อย ความคิดเห็นส่วนใหญ่แสดงออกมาในเชิงลบ และต่อว่าต่อขานผู้บริหาร กฟผ. ถึงนโยบายนี้ ว่าไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่หันมาใช้พลังงานทางเลือก ทั้งที่ภาครัฐควรจะสนับสนุนส่งเสริม ให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาด ทั้งเพื่อเป็นการลดภาวะโลกร้อน และประหยัดพลังงานหลัก หลังจากกระแสธารของข่าวนี้ที่ถูกส่งต่อและแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว วันถัดมา ผู้บริหารระดับสูงของ กฟผ. ออกมาแก้ไขความดังกล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน “กฟผ. ไม่ได้เสนอการจัดเก็บค่าไฟฟ้าสำรองต่อ กกพ. แต่อย่างใด กรณีการจัดเก็บค่าไฟฟ้าสำรองนั้นเป็นเพียงการยกตัวอย่างกรณีที่ต่างประเทศใช้ดำเนินการเท่านั้น” สหรัฐ บุญโพธิภักดี โฆษกการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อธิบาย แม้ว่าจะมีการแก้ไขความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้องแล้ว กระนั้นก็ไม่อาจลดทอนความเคลือบแคลงใจที่ประชาชนมีไปได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จากกรณีดังกล่าวทำให้เราต้องย้อนกลับมาดูว่า ภาครัฐมีนโยบายในเรื่องพลังงานทดแทน หรือพลังงานสะอาดอย่างไร “ความมั่นคงด้านพลังงานเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของทุกประเทศในอาเซียน โดยหน่วยงานด้านพลังงานระหว่างประเทศคาดว่า ความต้องการพลังงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 37 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี

Read More

ถอดรหัสจังหวะก้าว ชาตรี โสภณพนิช บนรอยต่อบริบทธุรกิจไทย

ข่าวการถึงแก่กรรมของชาตรี โสภณพนิช หรือ “เจ้าสัวชาตรี” อดีตหัวเรือใหญ่ของอาณาจักรธนาคารกรุงเทพ ที่ได้ชื่อว่าเป็นสถาบันการเงินอันดับหนึ่งของไทย และในระดับภูมิภาค รวมถึงโครงข่ายธุรกิจในเครือโสภณพนิชอีกหลากหลาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจติดตามมาด้วยถ้อยความสรรเสริญและสดุดีผลงานที่ผ่านมาของผู้วายชนม์ ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของสังคมไทย หากแต่บนรอยทางแห่งชีวิตในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง สิ่งที่ชาตรี โสภณพนิชได้ฝากไว้ให้ผู้คนในยุคหลังได้ย้อนพินิจ และศึกษาเก็บรับประสบการณ์ ล้วนมีมิติ สีสัน และข้อควรพิจารณาที่สะท้อนยุคสมัยและบริบทสังคมการเมืองไทยในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ชาตรี โสภณพนิช เกิดในครอบครัวชาวจีน เป็นบุตรของชิน โสภณพนิช กับชาง ไว เลาอิง เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2476 โดยระบุสถานที่เกิดว่าเป็นที่โรงพยาบาลจุฬาฯ มีอีกชื่อหนึ่งว่า อังเดร ส่วนชื่อจีนดั้งเดิมนั้นชื่อ อู้เข่ง แซ่ตั้ง ในวัย 6 ปีได้เดินทางติดตามแม่กลับประเทศจีน ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ชาตรีต้องพำนักอยู่ในต่างแดนจนโต พร้อมกับศึกษาด้านบัญชีและการธนาคาร โดยสำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาชั้นสูงสาขาบัญชี จากวิทยาลัย Kwang Tai High Accountancy College ที่ Hong Kong ในปี

Read More

“สยามพิวรรธน์” ชน “เซ็นทรัล” ผุดโอเอซิส ลักชัวรีเอาท์เล็ต

“สยามพิวรรธน์ทำศูนย์การค้า 40 กว่าปี พัฒนาและลงทุนอภิมหาโปรเจกต์ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก สร้างเดสทิเนชั่นของเมืองหรือของประเทศประสบความสำเร็จ มีความเชื่อมั่นและแข็งแรง หลายคนถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะออกต่างจังหวัด วันนี้เรากำลังจะก้าวออกนอกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เป็นก้าวย่างสำคัญและไม่ใช่การทำศูนย์การค้าแบบเดิมอีกแล้ว” ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ กล่าวถึงทิศทางการลงทุนครั้งใหม่และแผนการร่วมทุนกับไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ซึ่งใช้เวลาเจรจาแนวคิดและประสบการณ์ต่างๆ กว่าจะตกผลึกยาวนานร่วม 1 ปี เพื่อสร้าง “เมือง” หรือโอเอซิสแห่งใหม่ของประเทศไทยที่ตั้งเป้าดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกันได้ทุกวัน โดยมี “ลักชัวรีพรีเมียมเอาท์เล็ต” เป็นแม็กเน็ตชิ้นสำคัญ แน่นอนว่า ธุรกิจเอาท์เล็ตไม่ใช่โมเดลค้าปลีกรูปแบบใหม่ในตลาดไทย แต่มีมานานมากกว่า 20 ปี โดยบริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด ของปรีชา ส่งวัฒนา ที่ต้องการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์ “Flynow” ในช่วงธุรกิจในเมืองไทยเจอวิกฤตเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” ในราคาที่ไม่บวกค่าขนส่งและค่าการตลาด ภายใต้แนวคิด “คุณภาพส่งออก ราคาผู้ผลิต” เวลานั้น เอาท์เล็ทฟลายนาวสามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน เนื่องจากสินค้าของเอฟเอ็นเป็นแบรนด์เสื้อผ้าระดับพรีเมียมและมีสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องนุ่งห่ม

Read More

“เจริญ” รุกเกม Synergy กินรวบค้าปลีก-อสังหาฯ

เจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของอาณาจักรธุรกิจแสนล้าน “ทีซีซีกรุ๊ป” ดูเหมือนจะเร่งเดินหน้าแผน Synergy ธุรกิจค้าปลีก “บิ๊กซี” กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเครือ โดยเฉพาะโครงการเกิดใหม่ในทำเลทองตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งจะเปิดให้บริการอีกหลายเส้นทาง ชนิดที่ยึดเครือข่ายทั่วกรุงเทพมหานคร ที่สำคัญ บิ๊กซีเองกำลังใช้จังหวะนี้ยกเครื่องสาขาใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายและแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ ทั้งเทสโก้โลตัสและกลุ่มเซ็นทรัล หลังจากทุ่มเม็ดเงินกว่า 2 แสนล้านบาท ฮุบกิจการ “บิ๊กซี” ในประเทศไทยจากกลุ่มคาสิโนเมื่อปี 2559 เพื่อหวังเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญตามแผนขยายธุรกิจค้าปลีกอย่างครบวงจรของทีซีซีกรุ๊ป ตั้งแต่ธุรกิจศูนย์การค้าหลากหลายรูปแบบสู่ธุรกิจค้าปลีกปลายน้ำทุกโมเดล ทั้งห้างค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ชอปปิ้งเซ็นเตอร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต จนถึงร้านสะดวกซื้อ ที่ผ่านมา อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือบีเจซี ในฐานะซีอีโอ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ใช้เวลาปรับระบบต่างๆ เพื่อแก้จุดอ่อนทั้งหมดของ “บิ๊กซี” แต่ต้องยอมรับว่า บิ๊กซียังต้องเสริมจุดแข็งหลายด้าน โดยเฉพาะการรีโนเวตสาขาเก่าเพื่อสร้างความสดใหม่การเพิ่มแม็กเน็ตสินค้าต่างๆ ตามเทรนด์การบริโภคของกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

Read More

นับถอยหลัง “ไอคอนสยาม” ศึกค้าปลีกโค้งน้ำเจ้าพระยา

นับถอยหลังอีกไม่กี่เดือน อภิมหาโครงการ “ไอคอนสยาม” ของกลุ่มร่วมทุน 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ คือ สยามพิวรรธน์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) และแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (ในเครือซีพี) จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พร้อมๆ กับการเริ่มต้นลุยสมรภูมิค้าปลีกริมฝั่งน้ำเจ้าพระยาระลอกใหม่ที่มีทั้ง “เอเชียทีค” ของเจริญ สิริวัฒนภักดี และโครงการ “ล้ง 1919” ของกลุ่มตระกูลหวั่งหลี ที่ฉีกแนวเจาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบแนวศิลปวัฒนธรรมชนชาติจีน แน่นอนว่า โค้งน้ำเจ้าพระยากำลังจะพลิกโฉมอีกครั้ง ซึ่งหัวเรือใหญ่ไอคอนสยาม ชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ย้ำกับสื่อมาตลอดว่า ไอคอนสยามจะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สร้างเมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ (The Icon of Eternal Prosperity) จุดประกายคุณค่าของแม่น้ำเจ้าพระยา 3 เรื่อง เรื่องแรก คือการสัญจรไปมาทุกระบบการขนส่ง สอง คือเรื่องเศรษฐกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด และสาม คือการพัฒนาชุมชนรอบๆ โดยตั้งเป้าหมายดึงดูดผู้คนเข้ามาใช้ชีวิต ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมกว่า

Read More