Home > Suwatcharee Pormbunmee (Page 15)

จากสินมั่นคงสู่ฟู้ดแพนด้า บทเรียนที่แบรนด์ไม่ควรมองข้าม

การดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวการณ์ปัจจุบันที่โลกต้องประสบกับปัญหาโรคระบาดที่ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะประคองธุรกิจให้ผ่านคลื่นลมพายุที่โหมกระหน่ำทุกทิศทาง นอกจากความท้าทายที่กล่าวไปในข้างต้น ความขัดแย้งทางสังคมไทยในปัจจุบันที่แบ่งออกเป็นฝักฝ่ายอย่างชัดเจน ดูจะเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่บรรดาผู้ประกอบการธุรกิจจำเป็นจะต้องนำมาขบคิด ในห้วงยามนี้ หากนักการตลาดหรือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลภาพลักษณ์สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ พยายามจะยึดโยงแบรนด์ที่ก่อร่างสร้างตัวมานาน โดยมุ่งหวังเพียงแค่จะเกาะกระแสเพื่อให้ได้พื้นที่หน้าข่าวจากประเด็นความขัดแย้ง ด้วยการไปเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ดูจะเป็นการไม่เหมาะสมนัก เพราะนอกจากจะผิดจากหลักการตลาดพื้นฐานแล้ว ยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของแบรนด์ทางอ้อมด้วยเช่นกัน บทเรียนจากประกาศยกเลิกกรมธรรม์โควิดแบบ “เจอ จ่าย จบ” ของ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม 2564 สร้างความเสียหายในหลายมิติต่อแบรนด์ ทั้งแง่มุมของความน่าเชื่อถือที่สินมั่นคงสร้างเอาไว้มาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ที่เริ่มดำเนินธุรกิจในวันที่ 27 มกราคม 2494 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกเพียง 2 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ บริษัท ป้วนฮงเซ้งประกันภัย จำกัด ซึ่งได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น สินมั่นคงประกันภัย ในเวลาต่อมา ความมั่นคงที่แบรนด์ได้สร้างไว้เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นในปี 2534 ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และแปรสภาพเป็น บริษัท มหาชน จำกัด ในปี 2537 การประกาศยกเลิกกรมธรรม์โควิดในช่วงเวลานี้สร้างความสั่นคลอนให้แก่ธุรกิจประกันภัยโดยรวมทั้งประเทศ แน่นอนว่าประชาชนผู้ซื้อและถือครองกรมธรรม์ ต่างมีคำถามผุดขึ้นในใจในเวลาไม่นานว่า บริษัทเจ้าของกรมธรรม์ที่ตัวเองทำข้อตกลงไว้

Read More

การฆ่าคนด้วยข้อมูลเท็จ บนโลกโซเชียล

ท่ามกลางสถานการณ์อันยากลำบากที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ความพยายามของภาครัฐของแต่ละประเทศคือการเอาชนะไวรัสโควิด-19 ในสงครามครั้งใหม่ มนุษยชาติกำลังพัฒนาอาวุธที่สยบไวรัสที่กำลังกลายพันธุ์อยู่ตลอด นอกจากสงครามไวรัสที่ยังไม่รู้บทสรุป ทว่า เรากลับต้องเปิดศึกครั้งใหม่บนโลกออนไลน์กับข้อมูลเท็จที่กำลังแพร่กระจายในวงกว้าง แม้ว่าสงครามด้านข้อมูลเท็จบนสื่อโซเชียลจะดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะยาวนานแล้วก็ตาม ทว่า ในช่วงเวลานี้เป็นเวลาอันยากลำบากที่จะจำกัดวงและกำจัดข้อมูลปลอมเหล่านี้ รวมไปถึงการขุดให้ลึกถึงต้นตอของข้อมูล การถูกซ้ำเติมสถานการณ์ด้วยการเผยแพร่และกระจายข้อมูลอันเป็นเท็จในช่วงเวลานี้ ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายผู้คนด้วยกันเอง “พวกเขากำลังฆ่าผู้คน” คำตอบของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับบทบาทของสื่อโซเชียลอย่างเฟซบุ๊ก ที่ถูกกล่าวหาว่า แพร่กระจายข้อมูลแบบผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีนและโรคโควิด-19 ส่งผลให้ทำเนียบขาวเพิ่มความกดดันต่อเหล่าบริษัทโซเชียลมีเดียมากขึ้น ในการให้จัดการขจัดข้อมูลแบบผิดๆ บนแพลตฟอร์มของตนเอง ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว นางเจน ซากี ยังระบุด้วยว่า เฟซบุ๊กและแพลตฟอร์มอื่นๆ ไม่ได้ดำเนินการมากเพียงพอในการต่อสู้กับการกระจายข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน ด้านนายเควิน แมคอลิสเตอร์ โฆษกเฟซบุ๊ก ตอบโต้ว่า เฟซบุ๊กได้ดำเนินการอย่างแข็งกร้าว ในการขจัดข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 และวัคซีน เพื่อปกป้องสาธารณสุข โดยเฟซบุ๊กได้ลบข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับโรคโควิดจำนวนมากกว่า 18 ล้านชิ้นออกไปจากแพลตฟอร์มแล้ว และยังได้ทำการปิดบัญชีผู้ใช้ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จด้วย คำถามคือ นโยบายและความพยายามของเฟซบุ๊กต่อกรณีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จบนแพลตฟอร์มของตัวเองนั้น เพียงพอแล้วหรือยังที่จะสกัดกั้นไม่ให้ข้อมูลเท็จถูกนำมาเผยแพร่ในช่วงเวลาที่ผู้คนสมควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน รวมไปถึงการที่ข้อมูลเหล่านั้นต้องไม่ถูกบิดเบือนจากกลุ่มคนไม่หวังดี แน่นอนว่าแพลตฟอร์มอย่างเฟซบุ๊กตกเป็นที่วิจารณ์ว่า ยังปล่อยให้มีข้อมูลที่สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคโควิดเผยแพร่อยู่บนแพลตฟอร์มของพวกเขาอย่างกว้างขวางและเฟซบุ๊กยังไม่ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังมากพอ ขณะที่ประเทศไทยพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

Read More

จากสงครามการค้า สู่สงครามไวรัส-ข้อมูล คนไทยควรรู้เท่าทัน

ไทยต้องเผชิญกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ห้ำหั่นกันระหว่างสองมหาอำนาจจากสองซีกโลกอย่างจีนกับสหรัฐอเมริกาที่อุบัติขึ้นนับตั้งแต่ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีในช่วงต้นปี 2560 ผลพวงจากความพยายามที่จะดำเนินตามนโยบายที่นายทรัมป์หาเสียงไว้ นั่นคือ อเมริกันเฟิร์ส ส่งผลให้การค้ากับต่างประเทศต้องชะงัก แน่นอนว่าประเทศที่กลายเป็นเป้าหมายสำคัญในครั้งนั้นคือ จีน เมื่อจีนกอบโกยเงินจำนวนมหาศาลกลับประเทศจากการส่งสินค้าจำนวนมากมาขายยังสหรัฐฯ สหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากจีน 25% ในระยะแรกเริ่มที่เครื่องจักร อุปกรณ์และชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมพลังงาน ต่อมาพิจารณาเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าประเภทเหล็ก เครื่องจักรไฟฟ้า ชิ้นส่วนรถไฟ และ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สินค้าเกษตร สิ่งทอ อุปกรณ์ก่อสร้าง ชิ้นส่วนรถยนต์ เรียกว่าหมัดแลกหมัด เมื่อจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษี 25% จากสินค้าที่มาจากสหรัฐฯ จำนวน 545 ราย เช่น ผลิตภัณฑ์เกษตร รถยนต์ ผลิตภัณฑ์จากทะเล รวมมูลค่ากว่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สงครามการค้าระหว่างสองประเทศนี้ไม่มีใครยอมใคร และยังคงยืดเยื้อยาวนาน แม้จะมีความพยายามที่จะพูดคุยตกลงกันเพื่อพักการทำสงครามการค้าลงชั่วคราว แต่แน่นอนว่าผลกระทบได้เกิดขึ้นไปแล้วต่อประเทศคู่ค้าที่ต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังสองประเทศนี้ ในเวลานั้นรัฐบาลไทย โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการค้าระหว่างประเทศ พยายามมองหาโอกาสที่เกิดขึ้นระหว่างสงคราม ทั้งการเล็งที่จะจูงใจนักลงทุนในกรณีที่นักลงทุนเตรียมย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐฯ เพื่อหลีกหนีฐานภาษีสินค้านำเข้าที่ค่อยๆ เพิ่มเพดานสูงขึ้น และมองหาฐานการผลิตใหม่โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ในขณะที่ไทยกำลังเริ่มต้นการเจรจาโดยเฉพาะกับนักลงทุนชาวจีนที่เตรียมจะยึดหัวหาดและลงเม็ดเงินสร้างฐานการผลิตในไทย ทว่า การเปลี่ยนผ่านขั้วการเมืองทำให้หลายเรื่องที่กำลังถูกต่อยอดและน่าจะสร้างแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก กระทั่งสงครามไวรัสเริ่มอุบัติขึ้นเป็นครั้งแรกบนแผ่นดินจีนในช่วงปลายปี 2562 และเริ่มแพร่ระบาดไปในอีกหลายประเทศทั่วโลก

Read More

หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูง เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ประชาชนขาดสภาพคล่อง

บ่อยครั้งที่ “ผู้จัดการ 360 องศา” นำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่ไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจภาพรวมเกินคำว่าถดถอยไปมาก ปี พ.ศ. 2564 ล่วงเลยมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว ทว่าสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่ทุเลา ขณะที่รัฐบาลไทยต้องประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง และกลับไปใช้มาตรการที่เคยนำมาใช้เมื่อช่วงเดือนเมษายนของปีก่อน หลายฝ่ายคาดหวังว่า “เจ็บแต่จบ” ครั้งนี้จะเป็นของจริงเสียที ภาคเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงพิจารณาได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพี ที่ติดลบมาอย่างต่อเนื่องนับแต่ปีก่อนหน้า รวมไปถึงความสามารถในการจับจ่ายของภาคประชาชน ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับ “หนี้ครัวเรือนไทย” ดูจะทำสถิติสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีที่แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงานตัวเลขหนี้ครัวเรือนของปี 2563 โดยไตรมาส 1 หนี้ครัวเรือนไทยสูงถึง 80.1% ต่อจีดีพี ในเวลานั้น สำนักข่าวส่วนใหญ่พาดหัวไปในลักษณะเดียวกันว่า หนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ใครจะรู้ว่าสถิติในครั้งนั้นจะถูกทำลายลงในไตรมาสต่อมา ด้วยตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทยที่ยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไตรมาส 2/2563 พุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 83.8% ต่อจีดีพี ไตรมาส 3/2563 อยู่ที่ 86.8% ต่อจีดีพี และไตรมาส 4/2563 แตะ 89.3%

Read More

อยู่อย่างไรให้รอดจากโควิดระลอก 4

ณ เวลานี้ เราคงต้องยอมรับว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดในบ้านเรา ยอดติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นจนตัวเลขเกินครึ่งหมื่นต่อเนื่องมาหลายวัน ความคาดคิดและคาดหวังของคนส่วนใหญ่คงเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อีกไม่ช้าไม่นานคงจะจบลงเสียที แบบระลอกแรกและระลอกสอง ที่จบลงภายในเวลาไม่กี่เดือน แต่ทิศทางการแพร่ระบาดจากระลอกสามกลับไม่จบลงง่ายๆ เช่นเดิม กระทั่งเราเดินทางมาสู่ระลอกสี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กล่าวว่า “ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งโลกมีการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์เดลตาอย่างมาก ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้ว 96 ประเทศ ส่วนประเทศไทย 2 เดือนที่แล้ว 85-90 เปอร์เซ็นต์ของเชื้อที่ตรวจพบคือ สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) พอมิถุนายนถึง กรกฎาคม ทั้งประเทศเป็นเชื้อเดลตา 30 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเร็วมาก เฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นเดลตา 50 เปอร์เซ็นต์ ความสามารถในการแพร่เชื้อเร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา 40 เปอร์เซ็นต์ คาดว่า 1-2 เดือน ทั้งไทยและโลกจะเป็นเดลตาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด “เชื้อตัวนี้ภาพรวมไม่ได้มีความรุนแรงมากกว่าอัลฟา แต่มีลักษณะพิเศษทำให้ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะออกซิเจนต่ำกว่าปกติเร็วขึ้น ปอดอักเสบเร็วขึ้น อย่างอัลฟาใช้เวลา 7-10 วัน

Read More

CLMV ได้รับอานิสงส์ที่แตกต่าง หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) อย่างหนักในปี 2020 ไม่แตกต่างจากที่ไทยได้รับ แต่ในปี 2021 ขณะที่ไทยยังคงเผชิญหน้ากับการขยายวงการแพร่ระบาดและจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทว่า กลุ่มประเทศ CLMV กลับมีผู้ติดเชื้อลดจำนวนลง โดยล่าสุดข้อมูลวันที่ 29 มิถุนายน 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเมียนมา 1,225 ราย กัมพูชา 883 ราย เวียดนาม 398 ราย และ สปป. ลาว 0 ราย นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่าประเทศในกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มการเติบโตหรือการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราที่สูงขึ้น ศูนย์วิจัยกรุงศรีระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ (CLMVIP) ได้รับผลกระทบอย่างหนักในปี 2020 อย่างไรก็ดี ในปี 2021 หลายประเทศในกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงราวร้อยละ

Read More

ก่อน-หลังฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ปฏิบัติตัวอย่างไรดี

หลังจากที่โลกเราทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตของมนุษยชาติ และก่อวิกฤตทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศ นักวิจัยเริ่มพัฒนาวัคซีนขึ้นมาเพื่อหวังให้เป็นเกราะป้องกันมนุษย์จากเชื้อไวรัส ปัจจุบันมีวัคซีนที่ถูกพัฒนาแล้วหลายบริษัท เช่น ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ซิโนฟาร์ม จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งประสิทธิภาพของวัคซีนก็แตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีการผลิต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นเรื่องความสมัครใจ ทว่า รัฐบาลของแต่ละประเทศต่างเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่หรือ Herd Immunity ซึ่งนอกจากจะลดโอกาสการติดเชื้อแล้ว ยังช่วยให้สามารถเปิดประเทศและขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีน สิ่งที่พึงปฏิบัติเพื่อให้ร่างกายพร้อมที่สุดคือ 1. การพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอนั้น ส่งผลต่อสภาพร่างกายโดยรวม ทั้งในเรื่องของความดันที่แต่ละคนต้องรับการตรวจเช็กก่อนฉีดวัคซีน หากความดันสูงหรือต่ำเกินไป เจ้าหน้าที่การแพทย์จะวินิจฉัยไม่ให้รับวัคซีน 2. ดื่มน้ำเปล่าปริมาณมากๆ การดื่มน้ำ 2-3 ลิตรเป็นอย่างน้อยก่อนรับวัคซีน จะช่วยบรรเทาอาการที่จะเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนได้เป็นอย่างดี 3. ไม่ออกกำลังกายหนักเกินไป หากเป็นผู้ที่ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องหยุด เพียงแต่ให้ปรับระดับความหนักของการออกกำลังกายให้เบาลง อย่าหักโหม อาจลดเวลาออกกำลังกาย หรือปรับรูปแบบการออกกำลังกาย เช่น โยคะ พิลาทิส หรือยืดเหยียด 4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ปล่อยให้หิวหรือท้องว่าง ก่อนเข้ารับวัคซีน เพราะอาจทำให้ผู้รับวัคซีนเป็นลม

Read More

ครึ่งปีเศรษฐกิจไทย กับโจทย์เฉพาะหน้าที่รัฐต้องเร่งแก้

การระบาดของเชื้อโควิดระลอก 3 ในไทย นับว่าเป็นการระบาดที่หนักกว่าสองรอบที่ผ่านมา ทั้งในด้านของจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมา 2 เดือน และยังไม่มีท่าทีที่จะลดจำนวนลง อีกทั้งยังเกิดขึ้นในหลายกลุ่มคลัสเตอร์และกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ขณะที่ผลของการแพร่ระบาดในระลอก 3 เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในไตรมาสแรกของปีนี้ที่ติดลบ 2.6 เปอร์เซ็นต์ เป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจน แม้ว่าจีดีพีไทยจะติดลบอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ช่วงปลายปี 2563 เป็นต้นมา สถานการณ์หลายด้านจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ เศรษฐกิจบางตัวเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว ประกอบกับความหวังในเรื่องวัคซีนที่เริ่มเร่งการพัฒนา ผลิต และแจกจ่ายระดมฉีดกันในหลายประเทศ ทว่า ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจไทย การเงิน ด้านแรงงาน การลงทุน ที่ไทยประสบอยู่เดิมทำให้ไทยบอบช้ำง่ายขึ้นจากวิกฤตโควิดระลอก 3 หลายกิจการพยายามจะประคองตัวให้ผ่านพ้นห้วงเวลาอันเลวร้ายนี้ ภายใต้ข้อจำกัดหลายด้านที่เป็นมาตรการด้านสาธารณสุขจากภาครัฐ แต่คล้ายกับว่าสงครามที่มนุษยชาติต้องฟาดฟันห้ำหั่นกับเชื้อไวรัส ไม่อาจไขว่คว้าชัยชนะมาอย่างง่ายดาย ข้อมูลจากผู้บริหารฟู้ดแพนด้า ระบุว่า มีร้านอาหารที่อยู่บนแพลตฟอร์มต้องปิดตัวลงเพราะ Covid-19 (ทั้งชั่วคราวและถาวร) ถึง 25,000 ราย อีกทั้งผู้บริโภคที่สั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มของฟู้ดแพนด้าลดจำนวนลง และเปลี่ยนไปประกอบอาหารรับประทานเองมากขึ้น หลังเข้าสู่สัปดาห์ที่สอง ล่าสุด ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ประเมินว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านอาหารปิดกิจการทั้งแบบชั่วคราวและถาวรแล้ว 50,000 ราย

Read More

นับถอยหลังภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

ภูเก็ต เป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มักจะติดอันดับจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว โดยเมื่อปี 2020 จากผลการจัดอันดับโดย CEOWORLD นิตยสารด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกา ภูเก็ตติดอันดับ 9 ในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของโลกสำหรับนักเดินทางเพื่อธุรกิจ ขณะที่การจัดอันดับของ U.S. News & World Report รายงานการจัดอันดับ 30 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2563-2564 พบว่า จังหวัดภูเก็ตติดอยู่ในอันดับ 10 ของรายการนี้ ด้านมาสเตอร์การ์ด เคยเผยผลสำรวจเมืองสุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อน พบว่า ภูเก็ตติด 1 ใน 10 เมืองที่นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเดินทางมา โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนที่ภูเก็ตมากที่สุด และระหว่างท่องเที่ยวที่ภูเก็ตนักท่องเที่ยวจะใช้เงินคนละประมาณ 4,700 บาท หรือ 239 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ด้วยพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ตที่เป็นเกาะ และยังมีเกาะน้อยใหญ่รายล้อม ทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม อาหาร วัฒนธรรม ประเพณี หรือแม้แต่อาคารบ้านเรือนที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบผสมผสาน สไตล์ชิโนโปรตุกีส จึงทำให้ภูเก็ตกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี กระทั่งในที่สุด ภูเก็ตเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก และเมื่อแทบทุกประเทศมีคำสั่งปิดประเทศเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด การเดินทางระหว่างประเทศถูกระงับ

Read More

ยิ่งเครียด สุขภาพก็ยิ่งแย่

ก่อนหน้านี้ "ผู้จัดการ 360 องศา" เคยนำเสนอว่า หากเราอยู่ในภาวะความเครียดแค่เพียงไม่กี่นาที แต่จะส่งผลต่อร่างกาย ซึ่งจะทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายตกนานหลายชั่วโมง ลองมาสำรวจตัวเองว่า กำลังอยู่ในภาวะความเครียดโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ ด้วยสถานการณ์ของสังคมในปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่รู้สึกอะไร ความกดดันจากหลายสภาวะที่ต้องเผชิญ หน้าที่การงาน ภาวะโรคระบาด สภาพเศรษฐกิจ ปัญหาชีวิต ครอบครัว อาจส่งผลต่อตัวเองและคนรอบข้าง การแสดงออกทางกายที่บ่งบอกว่าเรากำลังสะสมความเครียด คือ การแสดงออกทางอารมณ์ หงุดหงิดง่าย ฉุนเฉียว โมโหร้ายกว่าปกติ ระงับอารมณ์หรือคุมสติไม่อยู่ กระบวนความคิดในการวิเคราะห์หาเหตุผลน้อยลง สิ่งที่ผู้มีความเครียดแสดงออกมา เป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนสารทุกข์ออกมา นั่นคือ อะดรีนาลีน สตีรอยด์ เมื่อฮอร์โมนตัวนี้เข้าสู่กระแสเลือดจะนำไปสู่อวัยวะสำคัญต่างๆ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงการทำงานของอวัยวะสำคัญๆ ซึ่งผลของความเครียดทำให้ร่างกายทำงานผิดปกติ ดังนี้ 1. หัวใจจะเต้นแรงขึ้น เร็วขึ้น ประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาที ทั้งที่ปกติแล้วหัวใจจะเต้นประมาณ 60-70 ครั้งต่อนาที ดังนั้นผู้ที่เครียดจะรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นแรงจนรู้สึกได้ ใจสั่น หรือรู้สึกเจ็บหน้าอก เมื่อหัวใจเต้นมากกว่าปกติสักพักจะเหนื่อย 2. หลอดเลือดความเครียดจะทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายหดตัวตีบตัน ทำให้อวัยวะต่างๆ ได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่พอ เช่น หากเกิดกับสมอง ทำให้เกิดอาการมึนงง ปวดหัว

Read More