Content

ไปรษณีย์ไทย เปิดจุดรับบริจาคเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุโพดุล

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดโครงการ “ไปรษณีย์ไทย…ส่งต่อน้ำใจไทยช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโพดุล” เพื่อระดมความช่วยเหลือผ่านการบริจาคเงินและสิ่งของเครื่องใช้ให้กับผู้ประสบภัยจากพายุโพดุล โดยประชาชนไทยสามารถร่วมบริจาคเงินได้ที่เคาน์เตอร์ให้บริการ หรือกล่องรับบริจาค ณ ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 15 กันยายน 2562 นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) ได้นำเครือข่ายไปรษณีย์ที่ครอบคลุมกว่า 1,300 แห่งมาใช้เป็นจุดเชื่อมธารน้ำใจจากชาวไทยทั่วประเทศ โดยให้ไปรษณีย์ทุกแห่งเป็นจุดรับบริจาคเงินและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น ได้แก่ เครื่องอุปโภค/บริโภค จากผู้ประสงค์ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุโพดุล โดยสามารถบริจาคได้ ณ ไปรษณีย์ใกล้บ้านทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะส่งต่อผู้ประสบภัยต่อไป นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทยยังพร้อมอาสาจัดเจ้าหน้าที่และรถขนส่งไปรษณีย์ขนาดใหญ่ช่วยลำเลียงสิ่งของ รับบริจาค ส่งมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนด้วย โดยสามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 0-2831-3508 และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือ www.thailandpost.co.th

Read More

ระบบขนส่งอัจฉริยะ กุญแจสำคัญในการปลดล็อคศักยภาพประเทศไทย ให้ก้าวไปสู่ “ดิจิทัลไทยแลนด์”

ด้วยจำนวนประชากรชนชั้นกลางที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรุงเทพมหานครจึงเป็นเมืองที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็น “เมกาซิตี้” (Megacity) หรือมหานครที่มีประชากรรวมมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งกว่าที่แต่ละเมืองจะก้าวสู่การเป็นเมกาซิตี้อย่างเต็มรูปแบบได้นั้น จำเป็นต้องรับมือและจัดการกับความท้าทายมากมายที่เกิดจากการขยายตัวของความเป็นเมือง การพัฒนาแผนแม่บทเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ต้องเร่งดำเนินการ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประกาศนโยบายในการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการการขยายตัวของความเป็นเมือง โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นของแต่ละเมืองไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในทุกมิติ หนึ่งในแกนหลักสำคัญของวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ คือ การขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบขนส่งที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย และสะดวกสบายให้แก่ ประชาชนในเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยว โดยภาครัฐได้เล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูประบบขนส่งปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพและมีการเชื่อมต่อที่คล่องตัวยิ่งขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data ระบบคมนาคมขนส่งมักเป็นปัญหาหลักของหลายเมืองใหญ่ที่กำลังมุ่งพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงระบบการคมนาคมขนส่งที่ด้อยประสิทธิภาพ ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและการพัฒนาเมือง สำหรับในประเทศไทยเองมีผลสำรวจพบว่า คนไทยเสียเวลาไปกับปัญหารถติดเฉลี่ยรวมกว่า 24 วันต่อปี (หรือเฉลี่ยมากกว่า 1.5 ชั่วโมงต่อวัน) ทั้งนี้ สาเหตุหลักของปัญหาการจราจรติดขัด คือ จำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นบนท้องถนน ในกรุงเทพฯ มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนกว่า 9.8 ล้านคัน

Read More

ปตท. ลุ้นโค้งสุดท้าย ดันขุมทรัพย์ “โออาร์”

ยุทธศาสตร์การจัดทัพธุรกิจและดันบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลายเป็นแผนยืดเยื้อยาวนาน แม้กระทั่งชื่อยังเปลี่ยนจากยุค “PTTOR” เป็น “OR” และล่าสุดต้องลุ้นเฮือกสุดท้าย เมื่อรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเจ้ากระทรวงพลังงาน ออกมาสั่งการให้ ปตท. ต้องกำหนดนโยบายตอบโจทย์ 3 ข้อของท่านรัฐมนตรีให้ชัดเจนภายในเส้นตายเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม หากว่ากันตามเนื้อหาโจทย์ 3 ข้อจากที่ประชุมเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายสนธิรัตน์ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หารือร่วมกับนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องต่อกรณี ปตท. ต้องการนำบริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ทุกข้อล้วนเป็นผลพวงจากข้อครหาที่ผ่านๆ มา ในเรื่องผลประโยชน์ของชาติทั้งสิ้น ข้อแรก โออาร์จะสามารถสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานได้อย่างไร ข้อ

Read More

แสนสิริผนึกบีซีพีจี ล้ำหน้าเปิดตัว “Bangkok’s First Solar Bus Stop with Wireless Charger”

แสนสิริผนึกบีซีพีจี ล้ำหน้าเปิดตัว “Bangkok’s First Solar Bus Stop with Wireless Charger” ครั้งแรกในไทยกับจุดพักรถพลังงานแสงอาทิตย์ ชาร์จมือถือแบบไร้สายได้ระหว่างรอรถ พร้อม “Solar Bin” ถังขยะบีบอัดอัจฉริยะ เดินหน้าสู่ต้นแบบชุมชนพลังงานสีเขียว ที่ T77 นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ต่อยอดพันธกิจในการส่งมอบพลังงานสะอาดสู่ชุมชน ด้วยการเดินหน้าเปิดตัว “Bangkok’s First Solar Bus Stop with Wireless Charger” หรือ “จุดพักรถพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกในไทยที่สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายได้ทันที” ครั้งแรกที่ T77 โดยแผงโซล่าร์เซลล์นี้สามารถผลิตเป็นพลังงานสะอาดได้ถึง 7,000 วัตต์เพื่อนำไปใช้เป็นแสงสว่างในจุดพักรถได้ในเวลากลางคืน

Read More

แกร็บ ผนึกสมาคมฟุตบอลฯ จัดดวลลูกหนังเยาวชน 5 คน “แกร็บ ฟุตบอล คัพ” ปลุกพลังเด็กไทย

แกร็บ ผนึกสมาคมฟุตบอลฯ จัดดวลลูกหนังเยาวชน 5 คน “แกร็บ ฟุตบอล คัพ” ปลุกพลังเด็กไทยทั่วประเทศโชว์ศักยภาพ สานฝันสู่นักฟุตบอลอาชีพ แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประกาศเปิดตัวการจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนประเภท 5 คน รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ภายใต้โครงการ “แกร็บ ฟุตบอล คัพ” อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งสนับสนุนให้เยาวชนไทยจากทั่วประเทศทั้ง 5 ภูมิภาคได้มีโอกาสแสดงทักษะความสามารถในกีฬาฟุตบอล พร้อมสร้างแรงบันดาลใจเพื่อปูทางไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในอนาคต เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 350,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย ถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เงินสด พร้อมบัตร VIP เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก (โซนเอเชีย) โดยโครงการนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของแกร็บที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสร้างสรรค์สังคม ผ่านการส่งเสริมและผลักดันให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถในด้านที่ตนถนัดเพื่อฉายแววในเวทีระดับประเทศ โดยงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ขึ้นกล่าวเปิดงาน “กีฬาถือเป็นกิจกรรมที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตของพวกเราทุกคน โดยเฉพาะฟุตบอล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเภทกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่คนไทย

Read More

มาสเตอร์การ์ดเปิดตัวเทคโนโลยีการเข้ารหัสโทเค็น โดยมีเคทีซีเข้าร่วมเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มาสเตอร์การ์ดเปิดตัวเทคโนโลยีการเข้ารหัสโทเค็น โดยมีเคทีซีเข้าร่วมเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ มาสเตอร์การ์ดจับมือเคทีซี เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์ของผู้บริโภคปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความเชื่อมั่นระหว่างร้านค้าออนไลน์และผู้บริโภค มาสเตอร์การ์ด ผู้นำด้านเทคโนโลยีการชำระเงินระดับโลก เปิดเผยในวันนี้ว่า เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ออกบัตรเครดิตชั้นนำรายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าร่วมใช้โซลูชั่นการชำระเงินออนไลน์แบบเข้ารหัสโทเค็นด้วยเทคโนโลยี ‘Mastercard Digital Enablement Services (MDES) for Merchants’ MDES ของมาสเตอร์การ์ด คือเทคโนโลยีการเข้ารหัสโทเค็นที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ช่วยให้ผู้ออกบัตรสามารถใช้รหัส ดิจิทัลโทเค็นแทนหมายเลขบัญชีที่มีความอ่อนไหว ทำให้ประสบการณ์การชำระเงินมีความปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้น พร้อมพลิกโฉมอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่อทุกประเภทให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถชำระและรับชำระเงินได้ นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2557 เทคโนโลยี MDES ช่วยให้การชำระเงินผ่านช่องทาง Apple Pay, Google Pay และ Samsung Pay ผ่านอุปกรณ์ที่มีการเชื่อมต่ออย่าง Fitbit และ Garmin มีความปลอดภัยมากขึ้น ขณะเดียวกัน MDES for Merchants ยังทำให้เทคโนโลยีการเข้ารหัสโทเค็นซึ่งครองที่หนึ่งในอุตสาหกรรมสามารถครอบคลุมการทำธุรกรรมออนไลน์ทุกประเภท ช่วยให้ผู้ออกบัตรสามารถใช้การเข้ารหัสโทเค็นแทนการใช้หมายเลขบัญชีที่มีความเสี่ยงเมื่อต้องใส่หมายเลขบัตรไว้บนเว็บไซต์ของร้านค้าหรือแอปพลิเคชันเพื่อชำระเงิน การใช้เทคโนโลยีเข้ารหัสโทเค็นแทนข้อมูลบัตรถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

Read More

เซ็นทรัลวิลเลจเดินหน้า จับตาศึกลักชัวรีเอาต์เล็ต

ศึกพิพาท “เซ็นทรัลวิลเลจ” ขยายเป็นประเด็นใหญ่ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม สั่งการให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบการก่อสร้างในพื้นที่ติดกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และมีบางส่วนเข้าข่ายรุกล้ำที่ราชพัสดุภายใต้การดูแลของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เพราะประเด็นไม่ใช่แค่การเอาผิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ผลเสียหายอาจกระทบถึงภาพลักษณ์ระดับประเทศด้วย ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ในฐานะผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงก่อนหน้าวันเปิดเพียง 3 วัน พร้อมประกาศยืนยันการดำเนินการถูกต้องทุกขั้นตอน ได้รับอนุญาตตามกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเดินหน้ารูดม่านให้บริการตามกำหนดการเดิมทั้งหมดในวันที่ 31 สิงหาคม 2562 อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ข้อมูลจากทั้งฝ่ายซีพีเอ็นและ ทอท. ออกมาแตกต่างกัน ต่างฝ่ายต่างยืนยันเรื่องการรักษาผลประโยชน์ตามกฎหมาย โดยฝ่ายซีพีเอ็นยืนยัน 3 ประเด็นใหญ่ ประเด็นที่ 1 พื้นที่โครงการเซ็นทรัลวิลเลจมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่รุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด

Read More

การปฏิรูปสิทธิผู้หญิงด้วยการยกเลิก Male Guardianship System ในประเทศซาอุดีอาระเบีย

Column: Women in Wonderland อย่างที่ทราบกันดีว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศหนึ่งที่มีชื่อเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงอย่างรุนแรงไปจนถึงเรื่องไร้สาระ อย่างเช่นกฎหมายที่ผู้หญิงถูกควบคุมทุกอย่างจากผู้ชายในครอบครัว ไม่มีกฎหมายปกป้องผู้หญิงจากการถูกสามีทำร้ายร่างกาย การเป็นพลเมืองของประเทศไม่สามารถสืบทอดจากแม่ได้ และคำให้การของผู้หญิงในชั้นศาลให้ถือว่ามีค่าเท่ากับคำให้การในชั้นศาลของผู้ชายครึ่งหนึ่ง เป็นต้น เรื่องไร้สาระที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้หญิงซาอุฯ คือ ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงขับรถได้ พวกเธอจะต้องมีผู้ชายขับรถให้ ซึ่งกฎหมายนี้เพิ่งถูกยกเลิกไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2018 หลังจากที่ซาอุฯ ประกาศกฎหมายนี้ออกมามีผู้หญิงจำนวนมากออกมาขับรถบนท้องถนนเพื่อเฉลิมฉลองสิทธิเสรีภาพที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าผู้หญิงซาอุฯ จะได้รับอนุญาตให้ขับรถเองได้ แต่กฎหมายอื่นๆ ก็ยังคงละเมิดสิทธิของผู้หญิงซาอุฯ อยู่ดี โดยเฉพาะระบบที่ให้ผู้ชายซึ่งเป็นญาติเป็นผู้ปกครองของผู้หญิง (Male Guardianship System) ภายใต้ระบบนี้แม้ผู้หญิงจะบรรลุนิติภาวะแล้วก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากสามี พ่อ พี่ชายหรือน้องชาย และลูกชาย ก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ จะทำหนังสือเดินทาง แต่งงาน หรือแม้กระทั่งจะออกจากคุก นอกจากนี้ หากผู้หญิงจะทำงานหรือใช้ประกันสุขภาพ บริษัทอาจเรียกร้องขอจดหมายยืนยันว่าได้รับอนุญาตจากสามีหรือพ่อแล้ว ดังนั้น จึงถือได้ว่าเป็นระบบที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงซาอุฯ มากที่สุด เมื่อปีที่แล้วผู้หญิงซาอุดีฯ พยายามเรียกร้องให้มีการแก้ไขและปรับเปลี่ยนกฎหมายข้อบังคับเหล่านี้ พวกเธอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกระบบ Male Guardianship System นอกจากนี้ UN Committee on Discrimination

Read More

เคทีซีคว้ารางวัล 2 ปีซ้อน องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดในหมวดการเงิน “Thailand’s Top Corporate Brand Value 2019”

นายวิรัช ไพสิฐเศวต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส – ปฏิบัติการ "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล “องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดประจำปี 2562 ในหมวดการเงิน” (Thailand’s Top Corporate Brand Value 2019) จากศาสตราจารย์ ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยมูลค่าแบรนด์ 45,363 ล้านบาท ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2019 ณ ห้องประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเร็วๆ นี้ อนึ่ง “การวัดมูลค่าและจัดอันดับแบรนด์องค์กรไทยประจำปี 2562” จัดขึ้นโดยหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสื่อในเครือผู้จัดการ

Read More

ขยะพลาสติก จากน้ำมือมนุษย์สู่ท้องทะเล

ข่าวการสูญเสีย “มาเรียม” พะยูน สัตว์ทะเลหายากที่หลับนิรันดร์ ปลุกคนไทยให้ได้ตื่นรู้ขึ้นอีกครั้ง และที่น่าเศร้ายิ่งกว่านั้น เมื่อ “ผู้หญิงที่มีความสง่างามแห่งท้องทะเล” เสียชีวิตลงเพราะสาเหตุมาจากการกินชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งคงไม่ต้องหาว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการตายของสัตว์ทะเลครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่น้ำมือมนุษย์ ปริมาณขยะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญคือการขาดจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของประชาชน ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ที่มีปริมาณขยะพลาสติกปล่อยลงสู่ทะเล ปริมาณขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตันที่มาจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย จากรายงานขององค์กรอนุรักษ์ท้องทะเล (Ocean Conservancy) ผลที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่อาจต้องจบชีวิตลงก่อนเวลาอันสมควรเท่านั้น ทว่ามนุษย์ที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารมีโอกาสที่จะได้รับผลของการขาดจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมนี้จากการบริโภคสัตว์น้ำที่ได้รับสารพิษจากขยะที่ลงสู่ทะเล เมื่อขยะพลาสติกลงสู่ท้องทะเลและถูกรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด พลาสติกจะแตกตัวออกมาเป็นไมโครพลาสติกและปนเปื้อนอยู่ในน้ำทะเล วงจรชีวิตของสัตว์ทะเลคือ กินแพลงก์ตอนที่อาจจะกินไมโครพลาสติกเข้าไป ท้ายที่สุดมนุษย์ที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารก็ไม่อาจหลีกหนีวงจรนี้พ้น ผลกระทบของปริมาณขยะทั้งบนบกและขยะที่ลงสู่ทะเลไม่เพียงแต่มีผลต่อระบบนิเวศเท่านั้น แต่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย ที่ปัจจุบันกำลังเผชิญกับวิกฤตจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ การกีดกันทางการค้าและการปรับอัตราภาษีสินค้านำเข้าและส่งออกทำให้สินค้าของไทยได้รับผลกระทบไม่น้อย และจำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยจะต้องมองหาตลาดใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อหาทางออกจากปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ ขยะยังสร้างผลกระทบต่อสินค้าส่งออกของไทย เพราะหากสัตว์ทะเลที่เป็นสินค้าส่งออกได้รับสารพิษจากการย่อยสลายพลาสติกและมีการปนเปื้อนสูงอาจมีผลให้นานาชาติพิจารณาว่าสินค้าไทยไม่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค โดยสินค้าประมงเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 นั่นคือ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป โดยมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 21 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรทั้งหมด มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 29,388 ล้านบาท ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกอาหารทะเลแช่เยือกแข็งมีปริมาณ 432,643

Read More