Home > Smart Mobility

ระบบขนส่งอัจฉริยะ กุญแจสำคัญในการปลดล็อคศักยภาพประเทศไทย ให้ก้าวไปสู่ “ดิจิทัลไทยแลนด์”

ด้วยจำนวนประชากรชนชั้นกลางที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรุงเทพมหานครจึงเป็นเมืองที่กำลังมุ่งหน้าสู่การเป็น “เมกาซิตี้” (Megacity) หรือมหานครที่มีประชากรรวมมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งกว่าที่แต่ละเมืองจะก้าวสู่การเป็นเมกาซิตี้อย่างเต็มรูปแบบได้นั้น จำเป็นต้องรับมือและจัดการกับความท้าทายมากมายที่เกิดจากการขยายตัวของความเป็นเมือง การพัฒนาแผนแม่บทเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ต้องเร่งดำเนินการ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ประกาศนโยบายในการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดการการขยายตัวของความเป็นเมือง โดยยังคงรักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่นของแต่ละเมืองไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในทุกมิติ หนึ่งในแกนหลักสำคัญของวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ คือ การขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบขนส่งที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย และสะดวกสบายให้แก่ ประชาชนในเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยว โดยภาครัฐได้เล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูประบบขนส่งปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพและมีการเชื่อมต่อที่คล่องตัวยิ่งขึ้น ผ่านการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data ระบบคมนาคมขนส่งมักเป็นปัญหาหลักของหลายเมืองใหญ่ที่กำลังมุ่งพัฒนาไปสู่เมืองอัจฉริยะที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษ ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงระบบการคมนาคมขนส่งที่ด้อยประสิทธิภาพ ปัจจัยเหล่านี้จึงเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและการพัฒนาเมือง สำหรับในประเทศไทยเองมีผลสำรวจพบว่า คนไทยเสียเวลาไปกับปัญหารถติดเฉลี่ยรวมกว่า 24 วันต่อปี (หรือเฉลี่ยมากกว่า 1.5 ชั่วโมงต่อวัน) ทั้งนี้ สาเหตุหลักของปัญหาการจราจรติดขัด คือ จำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นบนท้องถนน ในกรุงเทพฯ มีรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลที่จดทะเบียนกว่า 9.8 ล้านคัน

Read More

แกร็บ รุกทริปแพลนเนอร์ “ซูเปอร์แอป” รับ “สมาร์ทซิตี้”

“แกร็บ (Grab)” ประกาศเร่งสปีดเดินหน้าแผน “ซูเปอร์แอป” รับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่จากยุคออฟไลน์สู่ “ออนไลน์” เต็มรูปแบบ เป้าหมายไม่ใช่แค่การเป็นแอปพลิเคชันที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน ทั้งบริการเดินทาง บริการรับส่งอาหาร บริการขนส่ง บริการชำระเงินผ่านบัตร และบริการทางการเงินเท่านั้น แต่ต้องการเป็น “เบอร์ 1” ในทุกบริการ และปี 2562 ต้องเติบโตอย่างน้อย 1 เท่าจากปีก่อน ตามข้อมูลของแกร็บคุยไว้ว่า ปี 2561 แกร็บมีปริมาณธุรกรรมด้านส่งคน 100,000 เที่ยวต่อวัน ส่งอาหารกว่า 3 ล้านออร์เดอร์ ยอดส่งสินค้าเติบโตขึ้น 2 เท่า และเพียงไม่กี่เดือนในปี 2562 มียอดผู้โดยสารกว่า 200,000 เที่ยวต่อวัน และมียอดการจัดส่งอาหารกว่า 4 ล้านออร์เดอร์ ล่าสุด หลังจาก แกร็บ ประเทศไทย จับมือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงพหุภาคีพันธมิตรเมืองอัจฉริยะ (Smart City Alliance)

Read More