Content

ธุรกิจการบินอ่วมหนัก ยอดขาดทุนยังพุ่งไม่หยุด

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 และยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงโดยง่าย สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกในวงกว้างทั้งในภาคการบริการและภาคอุตสาหกรรมโดยหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างสูงคือธุรกิจสายการบิน โดยในระดับโลกจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หลายประเทศทั่วโลกใช้มาตรการปิดเมือง (lock-down) หรือกระทั่งปิดประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเดินทางเข้ามาแพร่เชื้อโรค ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เข้าหรือออกจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ปรับลดลงอย่างมาก ผลจากการปรับลดจำนวนหรือยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทางระหว่างประเทศดังกล่าว ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อการดำเนินงานของผู้ประกอบการสายการบินทั่วโลก เพราะในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจการบินต้องประสบกับความยากลำบากจากการแข่งขันด้านราคา และการแทรกตัวเข้ามาของสายการบินโลว์คอสต์ที่รุกคืบเข้ามาช่วงชิงลูกค้าของสายการบินฟูลเซอร์วิสในเส้นทางภายในประเทศและเส้นทางบินระยะสั้นไปจำนวนมาก ขณะที่การบินในเส้นทางระยะยาวก็ต้องแข่งขันกันด้านราคากับผู้ประกอบการอื่นเช่นกัน การหยุดให้บริการทั้งในเส้นทางระหว่างประเทศและในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลายสายการบินต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินการด้วยการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะด้านค่าใช้จ่ายพนักงานที่คิดเป็นร้อยละ 15-20 ของต้นทุนทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มช่องทางในการหารายได้ใหม่ๆ โดยสายการบินไทยเน้นให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มขึ้น และให้ครัวการบินไทยปรับมาขายอาหารที่ปรุงโดยเชฟของครัวการบินไทย รวมถึงการขายเบเกอรี่ หรือแม้กระทั่ง ปาท่องโก๋ ผ่านทางร้าน Puff & Pie และเอาต์เล็ตอื่นๆ รวมถึงการจัดเที่ยวบินพิเศษบินวนไม่ลงจอดเพื่อสักการะสถานที่มงคลทั่วประเทศ ความพยายามดิ้นรนของสายการบินแต่ละแห่งในห้วงเวลายากลำบากนี้ดำเนินไปโดยไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีของการบินไทยเท่านั้น หากแต่สายการบินอื่นๆ ก็พยายามสร้างช่องทางรายได้ โดยสายการบินไทยแอร์เอเชีย มีการเปิดขายบัตรโดยสารล่วงหน้า และขายเบเกอรี่และเครื่องดื่มผ่านทางเดลิเวอรี่ ขณะที่สายการบินนกแอร์จัดโปรโมชัน “ซื้อก่อน บินทีหลัง” ด้วยการขาย voucher ล่วงหน้าเพื่อนำไปใช้ในช่วง 1 มิถุนายน ถึง 31

Read More

ความล้มเหลวด้านสาธารณสุขของซิมบับเว

Column: Women in wonderland ซิมบับเวเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ไม่มีทางออกสู่ทะเล ปัจจุบันมีประชากรประมาณ 16 ล้านคน 98% เป็นคนพื้นเมืองผิวดำ ส่วนใหญ่เป็นชาวโซนา ซิมบับเวตกเป็นประเทศในอาณานิคมของอังกฤษ ได้รับเอกราชเมื่อปี 2537 ชาวซิมบับเวมีรายได้ต่อหัวประมาณ 1,027 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 33,891 บาท) ปัญหาใหญ่ของซิมบับเวคือ เงินเฟ้อ เมื่อรัฐบาลภายใต้ Robert Mugabe ออกกฎหมายใหม่ในการจัดสรรที่ดิน โดยได้ยึดคืนที่ดินไร่นาจากคนผิวขาว รัฐบาลอ้างว่าชาวอังกฤษยึดครองที่ดินโดยมิชอบตั้งแต่สมัยที่ซิมบับเวยังเป็นอาณานิคม หลังจากนั้นรัฐบาลก็นำที่ดินเหล่านี้มาแจกให้คนผิวดำไว้ทำกิน แต่รัฐบาลไม่ได้ให้องค์ความรู้กับประชาชนในการนำที่ดินที่ได้รับมาใช้ทำกินให้เกิดประโยชน์ นำไปสู่วิกฤตเงินเฟ้อร้ายแรงในประวัติศาสตร์โลก อาจเรียกได้ว่ารุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในซิมบับเวนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแบงก์ชาติของซิมบับเวต้องออกธนบัตรใบละ 1 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นถึง 200 ล้านเท่า ส่งผลให้จำนวนคนว่างงานเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 80% หลายคนตัดสินใจย้ายไปอยู่ประเทศอื่นเพื่อหางานทำ เช่น ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นต้น วิกฤตเงินเฟ้อในซิมบับเวไม่เพียงคนส่วนใหญ่จะว่างงานเพิ่มขึ้น แต่ที่ได้รับผลกระทบมากไม่แพ้กันคือ ระบบสาธารณสุข ก่อนหน้าวิกฤตภาวะเงินเฟ้อ รัฐบาลของ

Read More

TCP รวมพลคนรุ่นใหม่ เรียนรู้ “บ้านตุ่นโมเดล” ต้นแบบการจัดการน้ำชุมชน

กลุ่มธุรกิจ TCP รวมพลคนรุ่นใหม่ นำอาสาสมัคร TCP Spirit เรียนรู้ “บ้านตุ่นโมเดล” ต้นแบบการจัดการน้ำชุมชน สานต่อการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน กลุ่มธุรกิจ TCP จัดกิจกรรม ‘TCP Spirit พยาบาลลุ่มน้ำ ชวนก๊วนไปแอ่วกว๊าน Limited’ นำอาสาสมัครคนรุ่นใหม่ เรียนรู้ความสำเร็จการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจาก “บ้านตุ่นโมเดล” ต้นแบบการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ณ ชุมชนบ้านตุ่น ตำบลบ้านตุ่น จังหวัดพะเยา พื้นที่ที่มีแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (อพ.) และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) โดยกิจกรรมนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ ‘TCP โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย’ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ในกิจกรรมครั้งนี้ อาสาสมัครคนรุ่นใหม่ จะได้มีโอกาสเรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติในพื้นที่จริง เพื่อที่จะได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการบริหารและจัดการทรัพยากรน้ำผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรน้ำ การศึกษาเส้นทางธรรมชาติเพื่อทำความรู้จักกับโครงสร้างของป่าไม้ต้นน้ำ ปัญหาที่เคยเกิดขึ้น การแก้ไขปัญหาและแนวทางแห่งความสำเร็จ การลอกลำเหมือง การทำประปาภูเขาซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านท้องถิ่น รวมถึงการปลูกต้นไม้ที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารและจัดการผืนป่าต้นน้ำ เช่น ต้นไผ่

Read More

ปตท. รุกหนัก เบนเข็มสู่ไฟฟ้า

การประกาศที่จะขยายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจใหม่ของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีนัยสำคัญอยู่ที่การขยายธุรกิจใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีแนวโน้มเติบโต ทั้งการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และการรุกเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในด้านหนึ่งดูจะเป็นกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการขับเคลื่อน ปตท. ให้ก้าวเดินต่อไป เป็นการปรับเปลี่ยนที่สอดรับกับทั้งสถานการณ์ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ก่อนหน้านี้ ปตท. เคยระบุว่าทางกลุ่มอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้า เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบริหารจัดการระหว่างเชื้อเพลิงประเภท Conventional ไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติ น้ำมันและถ่านหิน กับประเภท New Energy ที่ประกอบด้วยพลังงานหมุนเวียน (Renewable) พลังงานรูปแบบใหม่ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางของพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในช่วงปลายปี 2563 การปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวในด้านหนึ่งตั้งอยู่บนฐานของข้อเท็จจริงที่ว่าการเติบโตของพลังงานของโลกในอนาคตจะมุ่งไปสู่พลังงานรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น แม้ว่าในส่วนของการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะยังมีความสำคัญอยู่ในช่วง 10 ปีนี้ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ เพราะถือว่าเป็นพลังงานสะอาดและเป็นพลังงานหลักที่จะมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาวก็ตาม ระยะเวลาที่ผ่านมาธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. แม้จะมีบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเป็นแกนหลัก แต่ ปตท. มอบหมายให้บริษัทลูกในเครือ ปตท.

Read More

ททท. ร่วมกับ ICONSIAM สร้างมหาปรากฏการณ์ “Amazing Thailand Countdown 2021” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่สุดตระการตา

‘การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย’ ร่วมกับ ‘ไอคอนสยาม’ และพันธมิตรสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รวมพลังหัวใจไทยสร้างมหาปรากฏการณ์ “Amazing Thailand Countdown 2021”  กิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่สุดยิ่งใหญ่ตระการตาของประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ไอคอนสยาม พร้อมด้วยพันธมิตรทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน ชุมชน และผู้ประกอบการริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ผนึกกำลังหัวใจไทยสร้างมหาปรากฏการณ์งานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2564 “Amazing Thailand Countdown 2021” ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ณ ริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม ซึ่งเป็น Landmark งานเคาท์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ตระการตาของประเทศไทย เพื่อตอกย้ำให้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพมหานครและประเทศไทย ตลอดจนเป็น Global Countdown Destination ของการเฉลิมฉลองค่ำคืนเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยในปีนี้เสมือนเป็นการส่งกำลังใจจากประเทศไทยให้กับผู้คนทั่วโลก เพื่อก้าวผ่านปีที่ยากลำบาก ไปสู่การเริ่มต้นศักราชใหม่ด้วยพลังใจที่เข้มแข็ง นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า “การจัดงาน“Amazing Thailand Countdown 2021”

Read More

‘BAREBELLS’ ฟังก์ชั่นนัลฟู้ดแนวใหม่จากสวีเดน เปิดตัว ‘โปรตีนมิลค์เชค’ ใหม่! รู้ใจสายเฮลท์ตี้

‘BAREBELLS’ ฟังก์ชั่นนัลฟู้ดแนวใหม่ ยอดขายอันดับหนึ่งจากสวีเดน เปิดตัว ‘โปรตีนมิลค์เชค’ ใหม่! รู้ใจสายเฮลท์ตี้ ให้คุณอร่อยฟินได้ไม่รู้สึกผิด จะดีแค่ไหนหากคุณฟินกับของว่างแสนอร่อยได้อย่างมีความสุขตลอดวัน โดยไม่รู้สึกผิด! BAREBELLS ผู้นำเทรนด์ฟังชั่นนัลฟู้ด (Functional Foods) ยอดขายอันดับหนึ่งจากสวีเดน พร้อมมอบประสบการณ์ความอร่อยฟินให้คนไทยได้ลิ้มลองผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกของเมืองไทย “BAREBELLS Milkshakes” เครื่องดื่มสุดเฮลท์ตี้ที่กำลังมาแรงในกลุ่มคนรักสุขภาพและรักการออกกำลังกายทั่วโลก พร้อมเปิดตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟในแบบ Secret Highlight สร้างเซอร์ไพร์สให้ผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ ‘BAREBELLS Protein Bars’ โปรตีนบาร์-คาร์โบไฮเดรตต่ำครั้งแรกของเมืองไทย นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย ASH Asia International (แอช เอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล) จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์แนวใหม่ตอบรับไลฟ์สไตล์ยุค New Normal ด้วยการชวนเหล่าคนดัง อินฟลูเอนเซอร์ และคนรักสุขภาพ ร่วมกิจกรรมสุดมันครั้งแรกกับการวิ่งในแบบ Vertical Run จากเยาวราชสู่พื้นที่สีเขียวดีไซน์หรูใจกลางเมือง พร้อมชวน 3 ไอคอนสายเฮลท์ตี้ในฐานะ “บาร์เบล แอมบาสซาเดอร์” นำโดย มิคกี้-นนท์

Read More

สยามพิวรรธน์ เสริมทัพปรับองค์กร สู่การนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ดิจิตอล เชื่อมโลกทุกมิติ

“สยามพิวรรธน์ก้าวข้ามการแข่งขันจากภายในประเทศสู่เวทีโลก จากการคว้ารางวัลชนะเลิศหลายสาขาของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกของโลกติดต่อกันหลายปีจนได้รับการยอมรับจากพันธมิตรทางธุรกิจ องค์กรชั้นนำระดับสากล โครงการทั้งหมดของสยามพิวรรธน์สร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนที่เดินทางมาจากทั่วโลกจนกลายเป็นจุดหมายปลายทางในสิบอันดับแรกที่มีคนมาเช็คอินบนเฟสบุค และอินสตาแกรมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในวันนี้ สถานการณ์โควิด-19 มิใช่อุปสรรค แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรสามารถปรับเปลี่ยนและขับเคลื่อนให้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อขยายการขายและบริการครอบคลุมถึงลูกค้าปัจจุบันที่มีอยู่แล้วทั่วประเทศและทั่วโลก” นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ “ไอคอนสยาม” และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ประกาศปรับโครงสร้างองค์กร ดึงบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการสร้างประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร ผ่านช่องทางออมนิชาแนล (Omni Channel) แบบไร้รอยต่อ พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ “สร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายสู่ความยั่งยืน” แต่งตั้ง 2 แม่ทัพใหญ่ ผนึกกำลังคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมกันขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จที่มากกว่าเดิม และดึงคนรุ่นใหม่จากหลากหลายสายงานมาสร้างทีมงานย่อยที่เน้นกระบวนการคิดและทำงานรวดเร็วอย่างมีอิสระเสรี (Agile Team) พร้อมปรับโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัว และเร็วต่อการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Read More

“ฟู้ดแพนด้า” ผนึกกำลัง “เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป” ส่งความอร่อยด้วยเมนูหลากหลาย 5 ร้าน 5 สไตล์ ครอบคลุมทั่วประเทศ

ฟู้ดแพนด้า (foodpanda) ผู้ให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารออนไลน์เดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชันเจ้าแรกในประเทศไทย เดินหน้ามอบความหลากหลายของเมนู เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่นิยมสั่งอาหารเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จับมือ เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (MK Restaurant Group) ผู้บริหารแบรนด์อาหารชั้นนำ ส่ง 5 แบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอ ได้แก่ เอ็มเค เรสโตรองต์, ยาโยอิ, ฮากาตะ, มิยาซากิ และแหลมเจริญ ซีฟู้ด มาร่วมจัดส่งความอร่อยโดยฟู้ดแพนด้า นายอเล็กซานเดอร์ เฟลเดอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 8 ปี ที่ฟู้ดแพนด้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราไม่หยุดพัฒนาบริการ รวมทั้งการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ร้านอาหารใหม่ๆ เพื่อมอบความหลากหลายของเมนูให้แก่ลูกค้า ปัจจุบันพฤติกรรมการสั่งอาหารของผู้บริโภคนิยมสั่งอาหารที่วาไรตี้มากขึ้น ทั้งจากร้านระดับโลคัลและร้านอาหารเชนชื่อดัง ซึ่งการจัดมือกับ เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ถือเป็นหนึ่งในไมล์สโตนสำคัญของฟู้ดแพนด้าในการขยายฐานพาร์ทเนอร์ไปสู่กรุ๊ปร้านอาหารขนาดใหญ่ ที่มีร้านอาหารในเครือหลายร้าน หลายสาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมทางเลือกให้ลูกค้าฟู้ดแพนด้าที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศได้เลือกสรรเมนูอาหารที่ชื่นชอบ

Read More

บ้านปู เพาเวอร์ฯ เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ดีต่อเนื่อง ย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 ยุทธศาสตร์

บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพเพื่อโลกที่ยั่งยืนด้วยสมดุลของพอร์ตธุรกิจจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ปิดไตรมาส 3/2563 ด้วยผลกำไรต่อเนื่องจากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโรงไฟฟ้า เตรียมเข้าคำนวณดัชนี MSCI GLOBAL SMALL CAP INDEX สะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมทั้งคาดว่าภายในปีนี้จะมีโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในญี่ปุ่น 2 แห่ง คือ ยามางาตะ (Yamagata) และยาบูกิ (Yabuki) นอกจากนี้ บ้านปู เพาเวอร์ฯ ยังมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย 3 ยุทธศาสตร์ คือ ต่อยอดธุรกิจจากระบบนิเวศทางธุรกิจกลุ่มบ้านปูฯ – หาโอกาสการเติบโตในประเทศที่มีศักยภาพและผลักดันการเติบโตของ

Read More

ชัยชนะของ โจ ไบเดน และอานิสงส์ที่ไทยได้รับ

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากจะส่งผลให้ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะกลายเป็นอดีตประธานาธิบดี โดยมีโจ ไบเดน ในวัย 77 ปี ซึ่งชนะการเลือกตั้งกลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนใหม่ พร้อมกับสถิติการเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายหลังปรากฏผลการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น ในด้านหนึ่งได้รับการประเมินว่าจะทำให้ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในภาวะชะงักงันจากผลของกรณีพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ต่อเนื่องยาวนานน่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากผลของนโยบายด้านการต่างประเทศของโจ ไบเดน ที่มีลักษณะผ่อนปรนและประนีประนอมมากกว่านโยบายแข็งกร้าวที่โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินมาตลอดระยะ 4 ปีที่เขาครองอำนาจในทำเนียบขาว นักวิเคราะห์จำนวนมากประเมินว่า นโยบายของโจ ไบเดน จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจไทย และตลาดการเงิน รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ หลากหลายลักษณะ ซึ่งโดยภาพรวมเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากโจ ไบเดนมีแนวคิดทางการเมืองและเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยมประชาธิปไตยอ่อนๆ ถือเป็นกลุ่มผู้นำทางการเมืองสายกลาง ซึ่งจะทำให้การเผชิญหน้าทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกจะลดลง และมีเสถียรภาพ สันติภาพมากขึ้น ขณะที่ระบบการค้าเสรีของโลกภายใต้ข้อตกลงแบบพหุภาคี จะกลับมามีบทบาทมากขึ้น โดยสหรัฐอเมริกาอาจเริ่มต้นพิจารณาเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership: CPTPP) อีกครั้ง

Read More