Home > Vanida Toonpirom (Page 22)

“ดับเบิ้ลยู” เปิดตัว Plastic Surgery Hospital ทุ่มงบรุกตลาดเสริมความงาม

ปัจจุบันเราก้าวเข้าสู่ยุคที่การทำศัลยกรรมเสริมความงามเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะใครๆ ก็อยากมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามดูดี อีกทั้งเทคนิควิธีในการทำศัลยกรรมก็พัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อน มีมาตรฐาน ปลอดภัย และไม่ยุ่งยาก ส่งผลให้คลินิกเสริมความงาม โรงพยาบาลเฉพาะด้านศัลยกรรมทั้งที่ดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเหล่าดารา เซเลบริตี้ชื่อดัง ต่างผุดขึ้นจำนวนมาก ภาพรวมของธุรกิจเสริมความงามในประเทศไทยอยู่ในช่วงขยายตัวสูงและเติบโตขึ้นทุกปี ชนิดที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจและธุรกิจอื่นๆ โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 60,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี จึงไม่แปลกที่จะเห็นทั้งผู้เล่นหน้าเก่าที่พยายามปรับกลยุทธ์และผู้เล่นหน้าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งกลุ่มคลินิกความงาม กลุ่มโรงพยาบาลที่หันมาให้ความสำคัญกับบริการทางด้านศัลยกรรมเสริมความงามเพิ่มเติมจากเดิม และโรงพยาบาลศัลยกรรมความงามเฉพาะด้านที่เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง กลุ่มคลินิกความงามที่กระจายอยู่ทั่วไปทั้งในห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และแบบสแตนด์อโลน นับเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันทางด้านราคากันค่อนข้างสูง ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลนั้นมีทั้งโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านศัลยกรรมความงามจนเป็นที่รู้จักอยู่แล้วและที่เริ่มรุกตลาดความงามที่ต่างปรับกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ตลาดกันตลอดเวลา ทั้งโรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบางมด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลเวชธานี และโรงพยาบาลนครธน โดยการให้บริการในตลาดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่คือบริการด้านผิวพรรณและการชะลอวัย เช่น การฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม ขณะที่ตลาดศัลยกรรมมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นศัลยกรรมตา จมูก และเสริมหน้าอก ซึ่งแนวโน้มการใช้บริการไม่ได้จำกัดเฉพาะวัยใดวัยหนึ่งเท่านั้น แต่มีการขยายตัวในทุกช่วงวัย โดยกลุ่มสถานบริการเสริมความงามที่ให้บริการครบวงจรทั้งการดูแลรักษาผิวพรรณและศัลยกรรม มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่ากลุ่มที่เน้นการรักษาผิวเพียงอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจคือเทรนด์ความงามแบบเกาหลี ที่ยังอยู่ในกระแสความงามของคนไทย ผ่านทางวัฒนธรรมเกาหลีที่แทรกซึมเข้ามาทางสื่อบันเทิง ดารา ศิลปิน นักร้อง

Read More

DoiSter Craftstay แบรนดิ้งแบบชาวดอย เสริมความแกร่งให้การท่องเที่ยวชุมชน

การดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันที่มีแต่ความเร่งรีบ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างแสวงหาวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่รีบเร่ง เพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดในชีวิตประจำวัน การท่องเที่ยวโดยชุมชน (Community Based Tourism) หรือโฮมสเตย์ (Home Stay) ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เน้นความเรียบง่ายและไม่รีบร้อน จึงกลายเป็นตัวเลือกสำคัญเพราะตอบโจทย์สิ่งที่คนในสังคมต้องการ และดูจะได้รับความนิยมไม่น้อย เห็นได้จากแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดและทั่วทุกภาคของเมืองไทย ซึ่งแต่ละชุมชนต่างมีเอกลักษณ์และจุดขายที่แตกต่างกันออกไป ในบรรดาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนที่มีอยู่มากมายในหลายพื้นที่นี้ “บ้านห้วยตองก๊อ” ชุมชนชาวปกาเกอะญอ ที่ฝังตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน นับเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่น่าจับตามอง เพราะดำเนินการด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนมายาวนานร่วม 20 ปี อีกทั้งยังมีเอกลักษณ์ และพัฒนาการที่น่าสนใจ กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยตองก๊อ เกิดขึ้นโดยสืบเนื่องมาจากโครงการพัฒนาที่สูงไทย-เยอรมัน (TG) ที่เข้ามาพัฒนาพื้นที่บ้านห้วยตองก๊อ ส่งเสริมและให้ความรู้กับชาวบ้านเรื่องการปลูกพืชเศรษฐกิจอย่างกาแฟ เกษตรหมุนเวียน การเลี้ยงสัตว์ที่สามารถสร้างรายได้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ แก้ปัญหายาเสพติด และสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน ภายหลังการสิ้นสุดของโครงการ ทางชุมชนได้ต่อยอดการพัฒนาดังกล่าว โดยก่อตั้ง “การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านห้วยตองก๊อ” ขึ้นในปี 2542 เป็นการพัฒนาชุมชนโดยใช้การท่องเที่ยวมาช่วย เพื่อเผยแพร่วิถีชีวิต ถ่ายทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวปกาเกอะญอ สร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน และทำให้การพัฒนาที่ได้ดำเนินมาเป็นไปอย่างยั่งยืน บ้านห้วยตองก๊อตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ การเดินทางค่อนข้างลำบาก ต้องลัดเลาะไปตามเทือกเขา ผ่านเส้นทางที่ทุรกันดาร ดังนั้น การเข้ามาท่องเที่ยวที่บ้านห้วยตองก๊อ

Read More

Ho Chi Minh City ไข่มุกแห่งตะวันออกไกล

อาคารสีเหลืองครีมสไตล์โคโลเนียลฝรั่งเศสที่เป็นที่ทำการของเมือง ตั้งตระหง่านและทอดยาวไปตามถนน ด้านหน้าเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ “โฮจิมินห์” อดีตประธานาธิบดีและวีรบุรุษผู้มีบทบาทสำคัญในการกอบกู้อิสรภาพให้กับเวียดนาม รอบด้านรายล้อมด้วยโรงแรมหรูหรา ศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์ ร้านค้าแบรนด์เนมหลากหลายยี่ห้อ คละเคล้าไปด้วยเสียงแตรรถจากกองทัพรถจักรยานยนต์ และผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ที่นี่คือจัตุรัสของนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางความเจริญของประเทศเวียดนาม และเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งตะวันออกไกล” นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City) หรือชื่อเดิมคือ “ไซง่อน” (Saigon) ได้ชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศบริเวณแม่น้ำไซง่อน ห่างจากกรุงฮานอยซึ่งเป็นเมืองหลวงประมาณ 1,760 กิโลเมตร โฮจิมินห์เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์การต่อสู้อันยาวนาน อดีตเคยเป็นที่ตั้งกองบัญชาการของฝรั่งเศส ในยุคที่ฝรั่งเศสเข้ายึดอินโดจีนเป็นอาณานิคม และตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสนานนับร้อยปี ในปี 1954 ประเทศเวียดนามถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ ไซง่อนในสมัยนั้นได้กลายมาเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ โดยมีกรุงฮานอยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามเหนือ หลังจากผ่านการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยประเทศจากการยึดครองของชาติตะวันตกมาอย่างยากลำบาก เวียดนามสามารถรวมประเทศได้อีกครั้งในปี 1976 ไซง่อนอดีตเมืองหลวงของเวียดนามใต้ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นนครโฮจิมินห์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ “โฮจิมินห์” ผู้นำการปฏิวัติที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการประกาศอิสรภาพของเวียดนาม และมีกรุงฮานอยเป็นเมืองหลวงของประเทศดังเดิม ภาพความบอบช้ำที่สื่อสะท้อนออกมาจากพิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บอกเล่าช่วงเวลาอันหนักหน่วงของการต่อสู้เพื่อกอบกู้อิสรภาพของชาติในอดีตได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันนครโฮจิมินห์ได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของตัวเองใหม่ พัฒนาเมืองจนกลายมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนที่สำคัญที่สุดของเวียดนาม

Read More

Wellness Tourism ยุทธศาสตร์ใหม่การท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวยังคงมีบทบาทสำคัญและเป็นหนึ่งฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อสร้างจุดขาย เสริมความแข็งแกร่ง และตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยว ในช่วงที่ผ่านมากระแสการดูแลรักษาสุขภาพของผู้คนในสังคมยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง จนพัฒนากลายมาเป็นพฤติกรรมและเกิดกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสินค้าและบริการต่างๆ ที่ต้องปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และนั่นย่อมรวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยเช่นกันที่ต่างต้องปรับตัวและสร้างจุดขายใหม่ๆ เพื่อรองรับกับกระแสดังกล่าว จนนำไปสู่การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่อย่าง “Wellness Tourism” เทรนด์การท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง และมีอัตราการเติบโตที่น่าจับตามอง Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ เป็นการเดินทางท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อสร้างความสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ มีการผนวกกิจกรรมด้านสุขภาพเข้ามารวมอยู่ในการท่องเที่ยวนั้นด้วย เช่น โยคะ สปา อาหารเพื่อสุขภาพ และบริการทางการแพทย์ เป็นต้น กระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะถดถอย แต่ธุรกิจนี้กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2560 ตลาด wellness tourism ทั่วโลก มีมูลค่าประมาณ 124 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า GDP ประเทศไทย 9,000 เท่า มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10.6% ซึ่งโตกว่าภาพรวมการท่องเที่ยวโลกถึง 2 เท่า และยังมีแนวโน้มที่จะโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยนับเป็นอีกหนึ่งตลาดที่โดดเด่นด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพราะมีความได้เปรียบด้วยต้นทุนที่ดีทั้งในแง่ของการบริการด้านสุขภาพ

Read More

LIMEC เชื่อมไทย ลาว เมียนมา เสริมความแข็งแกร่งให้กับภาคเหนือตอนล่าง

หาก EEC คือความหวังของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนพลังทางเศรษฐกิจและยกระดับพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติแล้ว “LIMEC” หรือระเบียงเศรษฐกิจหลวงพระบาง อินโดจีน เมาะลำไย ก็อาจจะเป็นยุทธศาสตร์และความหวังในการเพิ่มความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับภาคเหนือตอนล่างได้เช่นกัน ห้วงเวลาที่ผ่านมา ความพยายามของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนพลังทางเศรษฐกิจผ่านโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรือ EEC ดูจะเป็นสิ่งที่อยู่ในกระแสสังคม และสร้างความคึกคักในแวดวงนักธุรกิจอุตสาหกรรมและผู้ลงทุนอยู่ไม่น้อย EEC เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้วาทกรรม ไทยแลนด์ 4.0 ที่มุ่งเน้นการยกระดับพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา) ให้กลายเป็น “World Class Economic Zone” เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรม Super Cluster ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อีกทั้งยังเป็นความหวังของรัฐบาลไทยที่จะใช้เป็นกลไกในการพลิกฟื้นสภาวะเศรษฐกิจของชาติต่อไป มีการคาดการณ์ว่า การลงทุนใน EEC จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ถึง 5% ต่อปี สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 100,000 อัตราต่อปี ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี และสร้างฐานรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาทต่อปี นักลงทุนจากหลายประเทศต่างให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในพื้นที่เป้าหมายแห่งนี้ หนึ่งในนั้นคือยักษ์ใหญ่แห่งวงการ

Read More

กระทรวงพาณิชย์ยุคใหม่ สร้างความแข็งแกร่งจากฐานรากสู่ตลาดโลก

กระทรวงพาณิชย์แถลงผลการทำงานครึ่งปีแรก ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจที่ดูเหมือนกำลังฟื้นตัว พร้อมเผยทิศทางการทำงานในครึ่งปีหลังเน้นสร้างความแข็งแกร่งจากฐานรากสู่ตลาดโลก และปรับองค์กรสู่การเป็นกระทรวงพาณิชย์ยุคใหม่ ความเป็นไปของภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาดูเหมือนกำลังปรับฟื้นตัวและเป็นไปในทิศทางที่สดใส ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาสแรก ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่ามีอัตราขยายตัวที่ร้อยละ 4.8 ซึ่งเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี การส่งออกที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี รวมถึงค่าครองชีพที่เริ่มส่งสัญญาณลดลง สอดรับกับข้อมูลตัวเลขดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนเดือนพฤษภาคม 2561 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.9 จากปัจจัยทางด้านสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการภายในประเทศ โดยเฉพาะราคาพลังงาน รวมทั้งรายได้และการมีงานทำของครัวเรือนค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงในภาคเกษตรที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตได้มากขึ้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำของสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนธันวาคม 2560 จากการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาแถลงผลงานของกระทรวงพาณิชย์ตลอด 6 เดือนแรกของปี 2561 โดยกล่าวว่าพันธกิจที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์คือ มุ่งเน้นให้เกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ได้ “กินดี อยู่ดี” เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มคุณภาพชีวิต โดยดำเนินการตามนโยบายหลัก 3 ประการ

Read More

“Nothing is impossible” การบริหารงานสไตล์ ยุพิน ชัยวิกรัย

“คุณพ่อสอนแพมมาตลอดว่า nothing is impossible ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้ามัวแต่คิดว่าทำไม่ได้ มันก็ไม่มีวันทำได้” ยุพิน ชัยวิกรัย ผู้สร้างร้าน You&I จากที่ไม่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการทำร้านอาหารมาก่อน จนวันนี้ You&I กลายเป็นร้านสุกี้บุฟเฟ่ต์พรีเมียมที่เป็นที่รู้จัก และขยายสาขากว่า 10 สาขา ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ยุพิน ชัยวิกรัย หรือ คุณแพม ทายาทของมั่นสิน ชัยวิกรัย นักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCC ดำเนินธุรกิจด้านการลงทุนและถือหุ้นในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง คอมปานี) ซึ่งลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน โดยเฉพาะถ่านหินและเหล็ก, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หลังสำเร็จการศึกษาระดับ Master of Science in

Read More

สตาร์บัคส์ แต่งตั้ง เนตรนภา ศรีสมัย ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย

สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) ประกาศแต่งตั้ง เนตรนภา ศรีสมัย เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ประจำประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นมา เนตรนภา ศรีสมัย จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบด้านการบริหาร และการกำหนดกลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนทิศทางการเติบโตของ สตาร์บัคส์ ในประเทศไทย และพร้อมเดินหน้ามอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ก่อนเข้ารับตำแหน่งใหม่นี้ เนตรนภาทำงานร่วมกับสตาร์บัคส์มาเป็นเวลา 12 ปี ในตำแหน่งล่าสุด คือ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและสนับสนุนองค์กร โดยผลงานอันโดดเด่นคือการทำงานร่วมกับทีม ในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตทั้งในด้านจำนวนร้านสาขา และมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีตลอดมา จากวันแรกที่เข้าร่วมงานกับสตาร์บัคส์ซึ่งมีร้านจำนวน 75 สาขา จนปัจจุบันมีร้านสาขาทั้งหมด 321 สาขาทั่วประเทศ เนตรนภา ในฐานะผู้บริหารหญิงคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ และพาร์ทเนอร์สตาร์บัคส์ ประเทศไทยทุกคน พร้อมเดินหน้านำพาสตาร์บัคส์ให้เติบโตต่อเนื่องท่ามกลางการแข่งขันของตลาดในประเทศไทย เพื่อยกระดับการมอบ ประสบการณ์สตาร์บัคส์ ทั้งในด้านคุณภาพกาแฟ บรรยากาศร้านสตาร์บัคส์ในรูปแบบต่างๆ และพาร์ทเนอร์ เพื่อการส่งมอบบริการที่ดีที่สุด ให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ ที่มีความต้องการที่แตกต่างกันไปตามไลฟสไตล์ เนตรนภา

Read More

สกว.หนุนสมาร์ทฟาร์มมิ่ง สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร

วัฏจักรของปัญหาว่าด้วยผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาด คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน ราคาตกต่ำ แต่ในขณะที่บางช่วงผลผลิตที่ได้กลับไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเกษตร อันเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ความพยายามแก้ปัญหาดังกล่าวจึงเกิดขึ้นในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่พยายามคิดค้นหาวิธีการแก้ปัญหาและพัฒนาต่อยอด ผ่านการสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดองค์ความรู้ ตลอดจนนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำผลการวิจัยที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมในหลากหลายมิติ ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ตลาดผลไม้ได้ทำความรู้จักกับมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับตลาด ในชื่อ “มะม่วงมหาชนก” มะม่วงพันธุ์เฉพาะของไทย ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างมะม่วงพันธุ์ซันเซทของอเมริกากับพันธุ์หนังกลางวันของไทย จนได้มะม่วงที่มีลักษณะเด่นแตกต่างจากมะม่วงในท้องตลาด มะม่วงมหาชนกมีลักษณะผลกลมยาว ปลายงอน ผลใหญ่ กลิ่นหอมมีเอกลักษณ์ ผลเมื่อสุกมีสีแดงสวยงาม รสชาติหวานหอม เนื้อไม่เละ เป็นที่ต้องการของทั้งผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติ และเป็นผลไม้ที่มีอนาคตไกลสำหรับการส่งออก ในขณะนั้นปริมาณการส่งออกมะม่วงมหาชนกเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ทั้งแบบผลสุกและแปรรูป ระยะต่อมาความนิยมในมะม่วงมหาชนกกลับลดลง เหตุเพราะพบปัญหาสีของผลที่สุกแล้วกลับไม่เป็นสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ของมะม่วงมหาชนก เหมือนที่เคยเป็นมา ทำให้ผู้บริโภคลดความนิยมลง ทั้งที่เป็นมะม่วงที่ปลูกง่าย ให้ผลเร็ว ทนต่อโรคและแมลง ให้ผลตอบแทนต่อต้นสูง และอุดมด้วยคุณค่าทางอาหาร จากปัญหาดังกล่าวจึงนำไปสู่การศึกษาวิจัย “ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดสีแดงและปริมาณสารสกัดแอนโทไซยานินอันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในมะม่วงมหาชนก” ของ ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร รวมถึงพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะม่วงมหาชนก อันจะนำไปสู่การต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์ ซึ่งการวิจัยครั้งนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จากการวิจัยพบว่า

Read More

Neuschwanstein Castle…Part II

คราวที่แล้วได้พาผู้อ่านนั่งรถไฟจากเมืองมิวนิกมุ่งหน้าลงใต้ เดินทางไปจนถึงเมือง Fussen เมืองเล็กๆ ของแคว้นบาวาเรีย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนีกันแล้ว ตอนนี้เราจะไปยลโฉมปราสาทแสนสวยที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของปราสาทเทพนิยายของวอลท์ ดิสนีย์ และเป็นจุดหมายหลักของเราในครั้งนี้...ตามไปชมความงามของ “ปราสาทนอยชวานชไตน์” พร้อมกันเลยค่ะ จากที่พักในเมือง Fussen เราเดินย้อนกลับไปที่สถานีรถไฟของเมือง Fussen กันอีกครั้ง เพื่อขึ้นรถบัสไปชมปราสาทนอยชวานชไตน์ โดยไปรอขึ้นรถที่ป้ายหมายเลข 2 (Standplatz 2) และใช้บริการรถบัสสาย 73 หรือสาย 78 มาลงที่สถานี Hohenschwangau ใช้เวลาแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น จากจุดที่ลงรถเดินต่อไปอีกประมาณ 100 เมตร จะพบกับสำนักงานจำหน่ายบัตรเข้าชมปราสาท เดินเข้าไปซื้อบัตรเข้าชมกันเลยค่ะ เพราะข้างบนปราสาทไม่มีจำหน่าย เราต้องซื้อให้เสร็จสรรพที่จุดจำหน่ายก่อนขึ้นไปชมปราสาท การเข้าชมปราสาทนอยชวานชไตน์จะมีไกด์นำชมเป็นรอบๆ มีทั้งรอบที่เป็นภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษ สามารถดูรอบเวลาการเข้าชมพร้อมภาษาที่ต้องการได้ที่บอร์ดในสำนักงานขาย ส่วนภาษาอื่นเขามี Audio Guide ไว้บริการแทน แต่ก่อนจะซื้อตั๋วควรเผื่อเวลาในการเดินทางเพื่อขึ้นไปชมปราสาทนอยชวานชไตน์ไว้สักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพหรือละเลียดความงามของธรรมชาติ เพราะระหว่างทางที่จะขึ้นไปยังตัวปราสาทนั้นสวยงามดึงดูดให้เราแวะชื่นชมธรรมชาติสักนิด กดชัตเตอร์สักหน่อย จนอาจทำให้เลยเวลาที่จะเข้าชมปราสาทได้ง่ายๆ จัดการเรื่องบัตรเข้าชมปราสาทเรียบร้อยแล้ว เดินทางสู่ตัวปราสาทกันเลยค่ะ จากจุดจำหน่ายบัตรเราสามารถเดินทางขึ้นสู่ตัวปราสาทนอยชวานชไตน์ได้ 3

Read More