Home > Cover Story (Page 149)

วิชา พูลวรลักษณ์ 10 ปี ยึดเบ็ดเสร็จ

 “อีก 10 ปี เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จะมีสาขาในทุกจังหวัดของประเทศไทย” เป้าหมายของวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป แผนปูพรมสาขาโรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในทุกจุดของประเทศไทย แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หาใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าพ่อโรงหนังที่สร้างปรากฏการณ์ “Big Surprise” ในวงการอยู่ตลอดเวลา  ตั้งแต่การปลุกปั้นแบรนด์ “เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์” เอาชนะคู่แข่ง สร้างเมืองหนังครั้งแรก ในรูปแบบ Stand Alone Complex เริ่มที่สาขาปิ่นเกล้า ก่อนมาคว้าทำเลสี่แยกรัชโยธิน ผุดสุดยอดเมืองหนัง ที่สร้างความชัดเจนในฐานะผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นำ “บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยถือเป็นหุ้นโรงภาพยนตร์รายแรกรายเดียวในตลาดหุ้นไทย และการทุ่มทุนควบรวมกิจการ “อีจีวี” ฮุบส่วนแบ่งตลาดเกือบ 80% สร้างเครือข่ายความเป็นอาณาจักรบันเทิงอย่างครบวงจร มีทั้งโรงหนัง คาราโอเกะ โบว์ลิ่ง ฟิตเนส ลงทุนนับพันล้านบาทซื้อสิทธิ์แฟรนไชซี “แมคโดนัลด์” ในเมืองไทย

Read More

“เมเจอร์” ทศวรรษที่ 3 ปรับสูตรสยายปีก

 “วิชา พูลวรลักษณ์” ทุ่มทุนสร้างอาณาจักรธุรกิจเอ็นเตอร์เมนต์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ แต่ประสบการณ์และบทเรียนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ปรับเปลี่ยนบิสสิเนสโมเดลจาก “Total Entertainment Lifestyle Company” สู่ความเป็นเมืองหนังและศูนย์รวมความบันเทิงระดับโลก ที่มีเป้าหมายใหญ่ชัดเจนมากขึ้น ภายใต้ 2 กลยุทธ์หลัก  ด้านหนึ่ง ปูพรมสาขาโรงภาพยนตร์เพื่อเป็นสะพานต่อยอดธุรกิจภาพยนตร์ อีกด้านหนึ่ง ปลุกปั้นธุรกิจภาพยนตร์ลงสาขาที่จะมีมากถึง 1,000 โรง ทั้งในและต่างประเทศ   ความสำเร็จของวิชา  คือ “โรงหนังโต หนังโต รายได้โตดับเบิ้ลอีกหลายเท่า” ที่สำคัญ เป้าหมายการก้าวเข้าสู่ปีที่ 21 ไม่ใช่แค่ตลาดในประเทศไทย แต่ขยายสู่สมรภูมิต่างประเทศ ทั้งตลาดอาเซียนและเอเชีย หลังชิมลางครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อน โดยร่วมถือหุ้นในบริษัท พีวีอาร์ (PVR) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศอินเดีย ตั้งบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์และโบว์ลิ่ง แต่ดีลครั้งนั้นวิชาไม่ได้เข้าบริหารโดยตรง  จนล่าสุด ในปี 2557 บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน)

Read More

คนนอก-มืออาชีพ-Nobody ชื่อ พงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ

 ตลอด 80 ปี ที่บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่คร่ำหวอดอยู่ในวงการธุรกิจเครื่องดื่มน้ำเมามาอย่างยาวนาน เป็นที่รู้กันว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นเป็นเพราะการบริหารงานของคนในตระกูลภิรมย์ภักดี สืบเนื่องมาจนกระทั่งถึงทายาทรุ่นที่ 4  กระทั่งมีแนวนโยบายใหม่ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนอน-แอลกอฮอลล์ หลังจากสภาพของตลาดเครื่องแอลกอฮอล์ในประเทศซบเซาลง ผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับสุขภาพตัวเองมากขึ้น จนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ที่สิงห์ไม่อาจปล่อยผ่านอย่างไม่สนใจได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทุกตัวจะประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค กระนั้นถึงแม้ผลิตภัณฑ์บางตัวจะไปไม่รอดแต่ก็ยังอยู่ภายใต้การบริหารของสิงห์เอง อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนผ่านเจนเนอเรชั่นของสิงห์มาสู่รุ่นที่ 4 ทำให้รูปแบบการบริหารงานในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่คนในตระกูลภิรมย์ภักดีเช่นเดิม ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของวงการธุรกิจที่มักมีการดึงตัวผู้บริหารระดับมืออาชีพที่มีประสบการณ์เข้ามาบริหารงาน เพราะคาดหวังในประสบการณ์ที่ติดตัวมาน่าจะนำมาใช้ประโยชน์ที่หมายถึงผลกำไรที่จะตามมาต่อธุรกิจ  แต่ความเป็นมืออาชีพอาจทำให้ภาพลักษณ์ของตระกูลภิรมย์ภักดีถูกบดบังบนพื้นที่ของหน้าสื่อธุรกิจ ถ้าเช่นนั้นหากใครคนนั้นจะเป็นแค่ Nobody ที่จะทำให้ภาพลักษณ์ไม่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาทายาทสิงห์ อาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า ล่าสุดเมื่อตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท บุญรอดฟาร์ม จำกัด เป็นบุคคลที่ไม่ได้มีนามสกุล “ภิรมย์ภักดี” ต่อท้าย แต่ป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้ว่าการการตลาดในประเทศของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อย่าง พงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการธุรกิจไทย คนนอกที่เพิ่งมาใหม่อย่างพงษ์รัตน์อาจนำประสบการณ์ด้านการตลาดที่เคยทำงานร่วมกับ ททท. มาใช้ซึ่งดูจะเอื้อประโยชน์ต่อบุญรอดฟาร์มเชียงราย หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น สิงห์ ปาร์ค เชียงราย ที่สิงห์พัฒนาขึ้นเพื่อหวังให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเกษตรเชิงนิเวศแห่งใหม่ อีกทั้งเป้าประสงค์ที่หวังจะต่อยอดธุรกิจในเชิงอุตสาหกรรมทางการเกษตร ภายใต้ผลิตภัณฑ์แบรนด์ “บุญรอดฟาร์ม”  แต่ความท้าทายที่พงษ์รัตน์ต้องเจอคงไม่ใช่เพียงแค่การบริหารจัดการพื้นที่กว่า 8,600 ไร่ ของสิงห์ ปาร์ค ที่มีแผนจะพัฒนาโครงการพูล วิลล่า จำนวน 20 หลัง

Read More

“มารุเซ็น” ความพยายามครั้งใหม่ของ “สิงห์”

 หากจะย้อนเวลาถอยหลังไปในช่วง 10 ปีให้หลัง ตลาดเครื่องดื่มนอน-แอลกอฮอล์ของไทยที่มีสีสันมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่เจ้าตลาดดังอย่างโออิชิ และอิชิตัน จะงัดกลยุทธ์ทางการตลาดมาสู้กันอย่างสนุก ในช่วงเวลาหนึ่งสิงห์เองก็เคยส่งชาพร้อมดื่มหวังแบ่งพื้นที่ทางตลาดของเครื่องดื่มชา แต่ดูการมาในครั้งนั้นที่มาพร้อมกับประสบการณ์อันน้อยนิดเกินไปเมื่อชาเขียวพร้อมดื่มของสิงห์ภายใต้แบรนด์ “โมชิ” ไม่อาจแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้แม้แต่น้อย ทำให้สิงห์ต้องยกเลิกการผลิตชาเขียวไปในเวลาอันรวดเร็ว ดูเหมือนว่าในช่วงเวลานั้นสิงห์อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับตลาดนอน-แอลกอฮอล์ แต่สิงห์คงยังไม่เข็ดเมื่อครั้งนี้ยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มน้ำเมากลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยพันธมิตรจากแดนปลาดิบที่เรียกตัวเองว่าเป็น Expert ในด้านชาเขียวจากจังหวัดชิสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมทุนพร้อมทั้งสร้างฐานการผลิตบนพื้นที่ของไร่สิงห์ ปาร์ค เชียงราย บริษัท มารุเซ็น ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด เกิดจากการร่วมทุนระหว่างสิงห์ คอร์เปอเรชั่น กับบริษัท Maruzen Tea Japan (มารุเซ็น ที เจแปน) เมื่อหกเดือนก่อน ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท โดยสิงห์ถือหุ้น 51% และ Maruzen Tea Japan ถือหุ้น 49% เป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท ที่ Maruzen Tea

Read More

การรุกคืบของทุนญี่ปุ่นในสยาม ทางรอดหรือทางเลือก

 การลดจำนวนลงของประชากรเกิดใหม่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เมื่อกำลังการซื้อส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่และกลุ่มคนในวัยทำงาน ที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของดินแดนอาทิตย์อุทัย ภาวะการชะลอตัวของกำลังซื้อในญี่ปุ่นส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยที่ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นใช้ระบบเศรษฐกิจแบบ Abenomics ภายใต้การนำของ Shinso Abe อดีตนายกรัฐมนตรีที่เพิ่งประกาศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยโตเกียวได้ประกาศขึ้นภาษีการค้าจาก 5 เปอร์เซ็นต์เป็น 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประชาชนชะลอการจับจ่าย ผลพวงจาก Abenomics นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลใหม่ของญี่ปุ่นที่มาจากการเลือกตั้งวันที่ 14 ธันวาคม 2557 จะต้องเร่งหาทางออกในเรื่องนี้ให้กับบรรดานักธุรกิจและนักลงทุนภายในประเทศ อีกทั้งยังต้องเรียกความน่าเชื่อถือให้กับประเทศเมื่อ Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของประเทศญี่ปุ่นลงจาก ‘Aa3’ เหลือ ‘A1’ (เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557) นับเป็นการปรับลดหนึ่งขั้น หลังจากภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่สภาวะถดถอยในช่วงไตรมาส 3  การขาดดุลระยะกลางอย่างต่อเนื่องของประเทศญี่ปุ่น และการหดตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ 0.4% ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน (เมษายน – มิถุนายน) ที่ 1.9% ทั้งที่ในไตรมาสแรกของปี ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 1.6%

Read More

Dien Bien Phu รอยประทับแห่งสงคราม

 สมรภูมิรบเดียนเบียนฟู การเผชิญหน้าครั้งสำคัญในสงครามอินโดจีน ระหว่างกองทัพทหารฝรั่งเศสในฐานะเจ้าอาณานิคมกับกองทัพเวียดมินห์ของขบวนการกู้ชาติเวียดนาม ในฐานะผู้ดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นประเทศอาณานิคม สงครามที่ชาวเวียดนามภาคภูมิใจว่านำมาซึ่งเอกราชของชาติอย่างแท้จริง แต่เป็นสงครามที่ฝรั่งเศสเองไม่อยากจะจดจำ กาลเวลาผ่านมาแล้วหลายทศวรรษ วันนี้เราจะไปสัมผัสร่องรอยที่ยังหลงเหลืออยู่ของการสู้รบในครั้งนั้น เดียนเบียนฟู (Dien Bien Phu) คือเมืองหนึ่งในจังหวัดเดี่ยนเบียนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวียดนาม ห่างจากกรุงฮานอยประมาณ 200 กิโลเมตร ทิศตะวันตกอยู่ใกล้กับชายแดนแขวงพงสาลีของประเทศลาว  เดียนเบียนฟูมีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำเนื่องจากเป็นสมรภูมิรบอันโด่งดังระหว่างฝรั่งเศสกับกองกำลังเวียดมินห์ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม–พฤษภาคม ค.ศ.1954 ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสจนต้องถอนกำลังออกจากเวียดนามเหนือ และถือเป็นการสิ้นสุดลงของสงครามอินโดจีนครั้งแรก เราเดินทางมายังเมืองเดียนเบียนฟูผ่านทางประเทศลาว ลัดเลาะมาเรื่อยๆ จากเวียงจันทน์ เข้าโพนสะหวัน เชียงขวาง ต่อไปยังซำเหนือ เวียงไซย เมืองงอย ล่องเรือต่อไปยังเมืองขวา ก่อนที่จะนั่งรถข้ามชายแดนต่อมายังเมืองเดียนเบียนฟู เป็นเส้นทางที่ได้สัมผัสวิถีชีวิตและธรรมชาติที่ยังงดงามของลาว  บางช่วงบางตอนยังเป็นเส้นทางที่เกี่ยวโยงกับสงครามอินโดจีน อย่างแขวงเชียงขวางที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของลาวซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ มีชายแดนติดกับเวียดนาม เป็นเส้นทางในการลำเลียงกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์จากเวียดนามเหนือมาสู่ขบวนการปะเทดลาว รวมถึง “ถ้ำท่านผู้นำ” ที่เมืองเวียงไซย อดีตศูนย์บัญชาการใหญ่ของกองทัพปลดปล่อยประเทศลาว ที่ในสมัยสงครามอินโดจีน ผู้นำขบวนการปลดปล่อยประเทศลาว ได้ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นและศูนย์บัญชาการใหญ่เพื่อต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ ที่ซึ่งสงครามยังคงทิ้งร่องรอยของมันไว้ให้เราเห็น และครั้งนี้เราจะไปที่เดียนเบียนฟู อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญของภาพสงครามอินโดจีน จากเมืองขวาของลาวมีรถบัสนำเราไปสู่เดียนเบียนฟูของเวียดนามผ่านทางด่าน Tay Trung ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพราะเป็นทางขึ้นเขาถนนแคบ และอาจต้องเจอสภาพรถที่ผู้โดยสารและสิ่งของแน่นเอี๊ยดเต็มทุกพื้นที่ของรถ เพราะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ทั้งคนลาว คนเวียดนาม รวมถึงนักท่องเที่ยวนิยมใช้ในการเดินทางไปมาระหว่างลาวและเวียดนาม รถบัสขนาดเล็กที่อัดแน่นไปด้วยคนและข้าวของพาเราลัดเลาะไปตามความสูงของเทือกเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมง

Read More

ห้างทอง เลี่ยงเซ่งเฮง รีแบรนดิ้งสู่แนวรบใหม่!!

 “รูปพรรณ บริสุทธิ์ เลอค่า แท้เที่ยง ต้องจําชื่อเลี่ยง ชื่อนี้ที่ไม่อาจเลี่ยง เคียงข้างยืนหยัดด้วยฝีไม้ลายมืออันเจนจัด แบบและดีไซน์สุดตีน แม่งแหร่มสาดดดด ถ้าเรื่องทองคําอย่าชักช้าประเดี๋ยวหมดเกลี้ยง ต้องจําชื่อเลี่ยงเท่านั้น ชื่อนี้เขาดีเยี่ยม เป็นทองต่างประเทศที่เจิดจรัสบนแหลมทอง งดงามกว่าทองที่ใดทั้งสร้อย กําไล ทั้งแหวนทอง แรปไปจะสองไพเบี้ยถ้าเสี่ยอยากซื้อตําลึงทอง ต้องเลี่ยง เซ่ง เฮง ชื่อนี้ถ้าเรื่องทอง(Chorus) มีเงินเขานับเป็นน้อง จะไปซื้อทองต้องเลี่ยง เซ่ง เฮง ยืนยงมา 60 ปี บริการดี๊ดีต้องเลี่ยง เซง เฮง ซื้อทองต้องเลี่ยง เซ่ง เฮง ซื้อทองต้องเลี่ยง เซ่ง เฮง” !!! เนื้อร้องในเอ็มวี ที่ร้องและแต่งโดย กอล์ฟ ฟัคกลิ้งฮีโร่ ในทำนองแรฟ ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มความเป็นวัยรุ่นเข้าไปในแบรนด์แล้วยังต้องการให้คนจำ และเป็นการพลิกโฉมวงการทองคํา เพื่อนําร้านทอง บุกตลาดคนรุ่นใหม่ ภายใต้การบริหารงานของ ชิษณุ พสุธิกูล ทายาทรุ่นที่สาม

Read More

คุณค่าแห่ง “ทอง”

 ทั้งประดับ-เก็บออมและลงทุน  พลันที่คิดจะซื้อทองมาเป็นเครื่องประดับสถานะหรือแม้จะลงทุนในฐานะที่เป็นการเก็บออม เชื่อแน่ว่า เยาวราชเป็นสถานที่แรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในความคิด เพราะที่นี่เป็นประหนึ่งศูนย์กลางและย่านการค้าทองคำแหล่งใหญ่ของเมืองไทย ความผันแปรของราคาทองคำในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ประพฤติกรรมของผู้บริโภคทองคำปรับเปลี่ยนไปมาก จากเดิมที่ซื้อทองในฐานะเครื่องประดับกลายมาเป็นการซื้อทองคำเพื่อเก็บออมและมีไม่น้อยที่ซื้อทองคำในลักษณะเป็นการลงทุนหวังผลเก็งกำไรกันเลยทีเดียว “ในอดีตลูกค้าจะซื้อทองคำรูปพรรณ 95% ซื้อทองแท่ง 5% แต่ตอนนี้สลับกัน ซื้อทองคำแท่ง 95% และซื้อทองรูปพรรณ 5%”  จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการค้าทองคำบนถนนเยาวราชมานานกว่า 50 ปี ขยายความการเปลี่ยนแปลง ย้อนกลับไปในอดีต ทองคำนิยมใช้เป็นเครื่องประดับและเก็บออมบางส่วน ในลักษณะเก็บสะสมทีละเล็กทีละน้อย ผู้บริโภคที่ซื้อทองคำมักมีฐานะปานกลาง ในขณะที่ผู้บริโภคที่มีฐานะไม่นิยมซื้อทองคำเพื่อสวมใส่ แต่ซื้อทองคำเพื่อเป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจมากกว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาซื้อทองคำแท่งเพิ่มมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายแม้อยู่กันคนละซีกโลก รวมถึงการเปิดตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าและการปรับขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาทองคำที่ทำให้เกิดภาวะตื่นทอง สำหรับตลาดทองในไทย มีความผันผวนตามราคาทองคำโลกอย่างไม่อาจเลี่ยงกลไกการขับเคลื่อนธุรกิจทองคำผ่านสมาคมค้าทองคำ (Gold Traders Association) ซึ่งแม้จะมีเป้าประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลข่าวสาร และความคิดเห็นในระหว่างสมาชิกในอันที่จะอำนวยประโยชน์แก่การประกอบธุรกิจ รวมทั้งให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมด้วย ตลอดจนสมาคมฯ ยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการค้าทองคำในการเจรจาทำความตกลงกับบุคคลหรือองค์กรต่างๆ ภายนอกเพื่อประโยชน์ร่วมกันในการประกอบธุรกิจของสมาชิก แต่บทบาทสำคัญที่สุดของสมาคมผู้ค้าทองคำก็คือ การกำหนดราคาทองคำแท่งและทองรูปพรรณเพียงรายเดียวในประเทศ โดยคณะกรรมการควบคุมราคาทองของสมาคมฯ หรือที่เรียกว่า “5 เสือเยาวราช” มาจากตัวแทนร้านทองย่านเยาวราช 5  แห่ง อันประกอบด้วยห้างทอง จินฮั้วเฮง ฮั่วเซ่งเฮง

Read More

เรื่องเล่าจากหนามเตย มูลค่าเพิ่มที่ไม่สิ้นสุดของสื่อภาพ

 หากใครเคยมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่อง “The Secret Life of Walter Mitty” ที่เข้าฉายในบ้านเราเมื่อปี 2556 หนังนอกกระแสที่ต้องยอมรับว่าหากใครได้ดูก็ต้องอมยิ้มไปตามๆ กัน อีกทั้งยังได้รับเสียงวิจารณ์ในทางบวกจากบรรดาช่างภาพมืออาชีพและช่างภาพสมัครเล่นที่ให้คะแนนภาพสวยเต็มสิบ The Secret Life of Walter Mitty หนังที่เล่าเรื่องราวของ วอลเตอร์ มิตตี้ ชายหนุ่มช่างฝันที่ทำงานเป็นผู้ลำดับภาพนิ่งให้กับนิตยสารแห่งหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่โลกของสื่อสิ่งพิมพ์กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นสื่อดิจิตอล ซึ่งแผนกฟิล์มของเขากำลังจะถูกยุบ วอลเตอร์ใช้ชีวิตด้วยความจำเจและผ่อนคลายตัวเองด้วยการสร้างจินตนาการสุดบรรเจิด จุดเปลี่ยนชีวิตของเขาอยู่ที่การที่เขาต้องเดินทางผจญภัยเพื่อตามหาช่างภาพประจำนิตยสารเพื่อนำฟิล์มหมายเลข 25 กลับมาตีพิมพ์ในนิตยสารฉบับสุดท้าย ที่กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับฟิล์มจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับวอลเตอร์ มิตตี้ เสมอไป บางสถานการณ์อาจตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เพียงแค่ปัดฝุ่นสกัดเอาราที่อาจจะเกาะติดผิวฟิล์มออกไป และผูกเรียงร้อยเรื่องราวใหม่ให้กับแผ่นฟิล์มเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำทองให้เป็นทอง ทำสิ่งที่มีค่าให้มีมูลค่าและมากไปด้วยคุณค่าให้เป็นประโยชน์ในการสืบค้น การแข่งขันในเรื่องความเร็วของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร กลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้เทคโนโลยีด้านการถ่ายภาพถูกนำมาพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สิบปีให้หลัง หมดยุคที่ต้องมานั่งถอดฟิล์ม ตัดฟิล์ม จับเวลาเขย่าแท็งก์ล้างฟิล์ม กระทั่งกระบวนการอัดภาพลงกระดาษในห้องมืดแล้ว แม้จะยังมีความคลาสสิก แต่ด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยาก ใช้เวลานาน และต้นทุนสูง ฟิล์มที่ใช้บันทึกภาพจึงถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่าดิจิตอล กล้องฟิล์มถูกพัฒนาจนกลายเป็นกล้องดิจิตอล และยังพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่สิ้นสุด การพัฒนาด้านนี้เองที่ทำให้ Color Lab หลายแห่งต้องปิดตัวลง เมื่อความต้องการที่จะใช้บริการล้างอัดภาพเฉกเช่นสมัยก่อนนั้นลดลงอย่างน่าใจหาย จากที่เราสามารถทบทวนเรื่องราวเก่าๆ

Read More

สายการบินราคาประหยัด แอร์เอเชีย ยังทิ้งห่างคู่แข่ง?

 ฤดูการท่องเที่ยวปลายปี กำลังกลายเป็นแนวรบสำหรับสายการบินราคาประหยัดให้ต้องห้ำหั่นและอัดแคมเปญจูงใจนักเดินทางอย่างหนัก ด้วยหวังจะเร่งสร้างยอดรายได้ให้พลิกฟื้นกลับมาหลังจากอยู่ในสภาพซบเซามานานจากทั้งเหตุเศรษฐกิจและการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แผนการตลาดช่วงปลายปีที่ว่านี้ ไทยแอร์เอเชีย ดูจะมีระบบและวิธีคิดที่ต่อเนื่องล้ำหน้าคู่แข่งขันทั้งนกแอร์ และไทยสมายล์ อยู่พอสมควร เพราะนอกจากจะมีโปรโมชั่นบัตรโดยสารราคาถูกพิเศษเริ่มต้นที่ 0 บาทออกมาเอาใจนักเดินทางแบบข้ามปีแล้ว ยังมีบริการส่งเสริมการขาย พร้อมกับการเปิดเส้นทางการบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 4 เส้นทางการบิน การเปิดเส้นทางการบินเพิ่มของไทยแอร์เอเชีย ทำให้จำนวนจุดหมายปลายทางของไทยแอร์เอเชีย ครอบคลุมหัวเมืองสำคัญในภูมิภาคมากขึ้นไปอีก และทำให้ไทยแอร์เอเชียสามารถใช้ศักยภาพของฝูงบิน A320-200 ที่ประจำการอยู่ 40 ลำ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยิ่งทำให้ไทยแอร์เอเชียสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิผล ประเด็นนี้อาจเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ฉุดรั้งความสามารถของคู่แข่งขันอย่างนกแอร์และไทยสมายล์ไปโดยปริยาย และก่อให้เกิดปัญหาในการให้บริการอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจติดตามอย่างมากในช่วงที่การแข่งขันกำลังเข้มข้นนี้ก็คือ ข่าวที่เครื่องบินของนกแอร์ประสบปัญหาไม่สามารถให้บริการได้ในเที่ยวบินตามตารางการบิน เชียงใหม่-กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยระบุเพียงว่าเกิดจากการขัดข้องทางเทคนิค จำนวนเครื่องบินประจำฝูงบินอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะชี้วัดความสามารถในการแข่งขัน เพราะหลังจากที่ สายการบินราคาประหยัดเกือบทุกรายย้ายฐานการปฏิบัติการมาอยู่ที่ดอนเมือง ทำให้ข้อแตกต่างของการให้บริการภาคพื้นดินระหว่างสายการบินแต่ละแห่งหดหายไปโดยปริยาย จุดชี้ขาดในการเลือกใช้บริการของผู้โดยสารจึงชี้วัดกันที่ระดับราคาค่าโดยสาร การให้บริการบนเครื่อง และแน่นอนว่าความสะดวกสบายและปลอดภัยของอากาศยานย่อมเป็นปัจจัยที่ผู้โดยสารให้ความสนใจ ไทยแอร์เอเชียใช้ประเด็นดังกล่าวสื่อสารการตลาดให้ผู้โดยสารรับฟังมาโดยตลอด โดยเฉพาะการเน้นนโยบายใช้เครื่องบินที่ใหม่อยู่ตลอดเวลาของไทยแอร์เอเชีย เป็นวิธีการหนึ่งในการดึงดูดใจลูกค้าและสร้างความแตกต่างจากสายการบินต้นทุนต่ำแห่งอื่นๆ และทำให้ไทยแอร์เอเชียสามารถลดต้นทุนในการบำรุงรักษาได้อีกทางหนึ่งด้วย แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีกในสถานการณ์การแข่งขันที่บีบคั้นของอุตสาหกรรมการบินในขณะนี้ก็คือ ความได้เปรียบเรื่องเส้นทางการบินที่หลากหลาย และจำนวนความถี่ในเส้นทางหลัก ที่ดูเหมือนว่าไทยแอร์เอเชียจะบริหารจัดการได้ดี เมื่อเทียบกับคู่แข่งขันรายอื่นๆ ทิศทางการเติบโตของไทยแอร์เอเชียสอดรับและดำเนินไปท่ามกลางโครงสร้างใหญ่ของแอร์เอเชีย ที่กำลังจะครบรอบ 20 ปี ของการให้บริการในปี 2016 และเป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาอย่างน่าสนใจติดตามไม่น้อย

Read More