Home > Life (Page 28)

ถนอมเท้าก่อนก้าวออกจากบ้าน

 Column: Well – Being หากต้องเดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เราต้องพึ่งเท้าทั้งสองข้างให้พาไปอย่างแน่นอน เท้ายังเป็นส่วนหนึ่งของกายวิภาคของเรา แต่ในชีวิตประจำวันเราไม่ค่อยนึกถึงเท้าผู้อาภัพแม้สักนาทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงพร้อมใจกันเปิดเผยข้อเท็จจริงที่น่าทึ่งเกี่ยวกับเท้า และบอกเล่าวิธีดูแล ถนอมรักษาเท้าของเราให้แข็งแรงและเป็นสุขในระยะยาวผ่านทางนิตยสาร GoodHealth หน้าแข้ง–ผู้ช่วยทาครีมบำรุงจากปัญหาส้นเท้าแห้งอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหนาตัวและแข็งกระด้างจนกลายเป็นสีขาวและแตกระแหง รวมทั้งอาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคนานาชนิด ถ้าคุณเอื้อมมือไปที่ส้นเท้าเพื่อทาครีมบำรุงได้ยากลำบากมาก แนะนำให้ใช้ผู้ช่วยชั้นดีคือ หน้าแข้งของคุณเอง โดยบีบมอยเจอไรเซอร์ลงที่กลางหน้าแข้ง แล้วใช้ส้นเท้าอีกข้างหนึ่งทาถูบริเวณหน้าแข้งที่มีมอยเจอไรเซอร์ ในทางกลับกัน ให้ทำอย่างเดียวกันกับส้นเท้าอีกข้างหนึ่ง แหล่งสะสมเชื้อราร่วม 200 ชนิดเท้าของเราเป็นแหล่งสะสมเชื้อราหลากหลายถึงเกือบ 200 ชนิด แต่ส้นเท้าสะสมได้มากที่สุดราว 80 ชนิด ขณะที่เล็บเท้ามีเชื้อราเจริญเติบโตอยู่ราว 60 ชนิด และอีก 40 ชนิดปักหลักอยู่บริเวณง่ามเท้าของเรานั่นเอง ต่อสู้กับเชื้อราเมื่อเป็นเชื้อรา คุณต้องใช้เวลารักษานานถึง 18 เดือน ด้วยวิธีทายาในรูปของครีม กินยา หรือยิงด้วยแสงเลเซอร์ ดร.ร็อบ เฮอร์มานน์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเท้าแห่งวิทยาลัยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการดูแลเท้าของออสเตรเลีย กล่าวว่า “ส่วนใหญ่แล้วการติดเชื้อเริ่มต้นที่บริเวณง่ามเท้า แล้วลามไปยังเล็บเล็บหนึ่ง จากนั้นจึงลามต่อไปยังเล็บอื่นๆ จนทำให้เล็บเปลี่ยนสีและเปราะแตกไม่แข็งแรง” ดร.เฮอร์มานน์อธิบายต่อไปว่า “การติดเชื้อเกิดขึ้นได้เมื่อคุณสวมรองเท้าคู่เดิมเป็นประจำทุกวัน ซึ่งอาจทำให้คุณมีเหงื่อออกที่เท้าแต่ละข้างมากถึงครึ่งถ้วยในแต่ละวัน ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมเปียกชื้นตลอดเวลา ซึ่งเป็นแหล่งที่เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี” จึงแนะนำให้พยายามสลับรองเท้าที่สวมใส่

Read More

ถึงเวลาอัพเกรดสมอง

 Column: Well – Being สมองเราก็เหมือนกล้ามเนื้อ เรายิ่งยืดเหยียดและใช้งานมากขึ้นเท่าไร สมองจะยิ่งแข็งแรงและทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น ดร.เจนนี บร็อคคิส ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และผู้เขียนหนังสือ Future Brain กล่าวว่า “สมองของเรามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง เราจึงอัพเกรดสมองได้เสมอ  เมื่อคุณดูแลซ่อมบำรุงเครื่องยนต์ของรถยนต์คันโปรด คุณรู้ได้ทันทีว่ามันทำงานดีขึ้นมาก สมองของคุณก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน” ดร.บร็อคคิส แนะนำวิธีง่ายๆ ในการเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมองผ่านทางนิตยสาร GoodHealth ดังนี้ ไขมันเป็นของดีสำหรับคุณสมองมีส่วนประกอบของไขมันถึงร้อยละ 60 และจำเป็นต้องใช้โอเมกา–3 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นในการรักษาสภาพความยืดหยุ่นของเซลล์สมอง  ผลการศึกษาระบุว่า การขาดกรดไขมันโอเมกา–3 หมายถึงความจำและทักษะการแก้ปัญหาที่แย่ลง นอกจากนี้ การบริโภคไขมันคุณภาพเลว เช่น ไขมันในขนมเค้กและขนมปังกรอบต่างๆ ยังเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองมีเนื้อเยื่อที่ขาดความยืดหยุ่น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานด้อยลง บริโภคอาหารที่เป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันโอเมกา–3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และน้ำมันมะกอก รวมทั้งเมล็ดแฟกซ์ วอลนัท และอโวคาโด ใส่ปุ๋ยสมองด้วยการออกกำลังกายการออกกำลังกายทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดขึ้นไปยังสมอง นั่นคือ การนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองมากขึ้น การออกกำลังกายยังช่วยให้สมองหลั่งสารกระตุ้นสมองที่เรียกว่า BDNF (brain–derived neurotrophic factor) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “ปุ๋ย” บำรุงสมอง เพราะกระตุ้นให้สมองผลิตเซลล์ใหม่ๆ

Read More

ครัวซองต์อร่อย

  Column: From Paris ปาท่องโก๋เป็นของกินเล่นที่เด็กๆ ชอบมาก จำได้ว่าพี่น้องล้อมวงกินปาท่องโก๋ จิ้มนมข้นตราเรือใบ ยุคนั้นเห็นแต่นมตราเรือใบ นมตราหมีเข้ามาทีหลัง แล้วนมตราเรือใบก็หายไปจากชีวิตชาวไทยแม้จะเคยพยายามหวนกลับมา แต่ไม่สำเร็จ สิ่งที่ควบคู่กับปาท่องโก๋คือแก้วตาโบ๋ บางครั้งเรียกปาท่องโก๋แบบหวาน แก้วตาโบ๋มีลักษณะกลม และตรงกลางจิ้มเป็นรู อันเป็นที่มาของชื่อ ทว่า ปัจจุบันแก้วตาโบ๋ไม่มีรูโบ๋ เป็นเพียงรูปกลมๆ และเล็กกว่าสมัยก่อน เด็กๆ ชอบเล่นกับแก้วตาโบ๋ สนุกตรงใช้นิ้วลอดรู และชูเล่นไปมา ที่ปารีสมีปาท่องโก๋และแก้วตาโบ๋ขายด้วย แต่ขนาดใหญ่มากจนน่าตกใจ เมื่อโตขึ้นถามหาปาท่องโก๋และแก้วตาโบ๋เป็นอาหารเช้าพร้อมกับกาแฟ หรือบางครั้งใส่ในโจ๊กร้อนๆ สเปนมีขนมที่อาจเทียบได้กับปาท่องโก๋ นั่นคือ churros เป็นเส้นยาวๆ ที่ฝรั่งเศสมักมีขายตามงานกลางแจ้ง อาจขายควบคู่กับแครป (crèpe) อันที่จริงตามเมืองต่างๆ ในฝรั่งเศสมีขนมประจำเมือง ที่ลิอง (Lyon) มีขนมที่เรียกว่า bugne ในโอแวร์ญ (Auvergne) มีขนม guenille รสชาติแบบเดียวกัน อาหารเช้าของชาวฝรั่งเศสเป็นกาแฟกับขนมปังบาแกต–baguette ทาเนยและแยม บาแกตสดใหม่จะกรอบนอกนุ่มใน หอมชวนให้น้ำลายไหล กาแฟดื่มเป็นชามโต บางคนขอชามที่สอง หากเบื่อบาแกตอาจถามหาขนมอื่นๆ ที่เรียกว่า viennoiserie

Read More

รู้มั้ย… ทำไมถึงอยากกินตลอดเวลา

 Column: Well–Being รู้มั้ย... ทำไมถึงอยากกินตลอดเวลาต่อไปนี้เป็นข้อเท็จจริง 10 ประการที่น่าประหลาดที่นิตยสาร GoodHealth นำมาอธิบายว่า ทำไมคุณจึงบริโภคมากเกินขนาดหรือรู้สึกอยากกินอยู่ตลอดเวลา 1. สารให้ความหวานสังเคราะห์ทำให้กินมากขึ้นโดยเหตุที่สมองไม่สามารถเข้าใจข้อเท็จจริงที่ว่า สารให้ความหวานสังเคราะห์มีผลต่อการปล่อยความหวานออกมา จึงกระตุ้นให้เกิดกระบวนการที่เพิ่มความอยากอาหารของคุณ ทำให้คุณบริโภคอาหารมากขึ้น เพราะสมองมีหน้าที่ทำให้ปริมาณพลังงานที่บริโภคเข้าไปสมดุลกับความหวานที่สมองตรวจจับได้ 2. บริโภคน้อยลงก็ทำให้พึงพอใจได้เท่ากันคราวต่อไปเมื่อคุณรู้สึกโหยและอยากอาหารขบเคี้ยว ให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง นักวิจัยด้านจิตวิทยาอาหารผู้ทดสอบทฤษฎีดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่า เมื่อมีขนมขบเคี้ยวปริมาณน้อยให้คุณบริโภค คุณสามารถลดพลังงานที่บริโภคเข้าไปได้ถึง 400 กิโลจูลส์ เมื่อเทียบกับการที่มีอาหารประเภทเดียวกันมาวางไว้ตรงหน้าในปริมาณมาก แต่ผลที่ได้ไม่ต่างกันเลย เพราะหลังบริโภคไปแล้ว 15 นาที คุณรู้สึกพึงพอใจกับขนมขบเคี้ยวที่บริโภคเท่ากันไม่ว่าจะบริโภคทีละน้อยหรือทีละมากๆ 3. นอนไม่หลับคือศัตรูตัวฉกาจการนอนไม่หลับหรือนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายผลิต 2–AG มากขึ้น2–AG เป็นสารกระตุ้นความอยากอาหารตามธรรมชาติ ทำงานโดยควบคุมความสุขเพลิดเพลินที่คุณได้รับจากอาหาร ยิ่งมีสารตัวนี้ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือดมากเท่าไร คุณจะยิ่งมีความสุขกับการบริโภคมากขึ้นเท่านั้น ภาวะนี้ช่วยอธิบายว่า ทำไมคนอดนอนจึงโปรดปรานขนมขบเคี้ยวประเภทขนมปังกรอบ ช็อกโกแลต หรือมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบนัก ทั้งๆ ที่เพิ่งบริโภคอาหารมื้อหลักไปได้ไม่นาน 4. ความเครียดมีบทบาทไม่น้อยผู้หญิงจำนวนมากยอมรับว่า ความเครียดมีผลทำให้ความอยากอาหารของพวกเธอเปลี่ยนแปลงไป มีถึงร้อยละ 62 บอกว่า พวกเธอรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น ที่สำคัญประเภทของอาหารที่อยากบริโภคก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน นักวิจัยระบุว่า ความเครียดมีผลทำให้ “อาหารกินสะดวก” ประเภทพิซซาและไอศกรีมแลดูเตะตาน่ากินขึ้นมาก

Read More

สารอาหารสำคัญที่ขาดไม่ได้

  Column: Well – Being คุณอาจคิดว่าอาหารที่บริโภคอยู่ทุกวันนี้ก็มีคุณค่าครบถ้วนดีอยู่แล้ว แต่คุณยังมีปัญหาเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่สบายเรื้อรังอยู่ใช่ไหม  สาเหตุอาจเป็นเพราะขาดสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกาย นิตยสาร GoodHealth รายงานผลสำรวจของ CSIRO เมื่อเร็วๆ นี้ที่สรุปว่า เมื่อเทียบกับคำแนะนำด้านโภชนาการแห่งชาติ ชาวออสเตรเลียได้คะแนนเพียง 61 จากคะแนนเต็ม 100 สำหรับคุณภาพของอาหารที่พวกเขาจัดหามาบริโภค ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อร่างกายและชาวออสเตรเลียมักขาด ไอโอดีน เราทุกคนต้องการไอโอดีนเพื่อผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต การพัฒนาสมอง และระบบเผาผลาญที่สมบูรณ์ ศาสตราจารย์เครสเวลล์ อีสต์แมน ผู้มีบทบาทในการผลักดันให้เสริมไอโอดีนในขนมปังและขนมอบที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบ กล่าวว่า “ภาวะขาดสารไอโอดีนเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคความผิดปกติทางสมองที่ป้องกันได้ ภาวะขาดสารไอโอดีนในหญิงตั้งครรภ์ส่งผลให้ทารกในครรภ์มีไอคิวต่ำลงถึง 15 จุด และนำไปสู่โรคทางระบบประสาทและปัญหาด้านพฤติกรรมในเด็กเหล่านั้น” ในผู้ใหญ่ที่มีไอโอดีนต่ำ ทำให้เกิดปัญหาด้านภาวะเจริญพันธุ์และระบบเผาผลาญ ส่วนใหญ่เราได้ไอโอดีนจากเกลือหรือขนมปังเสริมไอโอดีน ดังนั้น การตัดอาหารเหล่านี้ออกจากโภชนาการ ย่อมเป็นสาเหตุของการขาดไอโอดีนได้ นอกจากนี้ สภาพภูมิศาสตร์และคุณภาพของดินก็มีผลเช่นกัน สัญญาณชัดเจนที่สุดของภาวะขาดสารไอโอดีนในผู้ใหญ่คือ โรคคอพอก โดยต่อมไทรอยด์บริเวณด้านหน้าของลำคอมีขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ เช่น ผิวหนังแห้ง ผมร่วง และร่างกายอ่อนล้า แหล่งสารไอโอดีนที่สำคัญ คือ อาหารทะเล สาหร่ายทะเล นม

Read More

เปลี่ยนแปลงแล้วจะดี

 Column: Well – Being เคยสังเกตไหมว่า บ่อยครั้งทีเดียวที่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก่อให้เกิดความแตกต่างที่เป็นผลดีต่อสุขภาพของเราอย่างแท้จริง โดยไม่จำเป็นต้องปฏิวัติครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยซ้ำ ตามรายละเอียดที่นิตยสาร GoodHealth แจกแจงดังนี้ กินดาร์กช็อกโกแลต (ไม่ใช่นม) เวลาเครียด ข้อดี: ลดผลกระทบด้านลบต่อร่างกายลงได้ครึ่งหนึ่ง คนจำนวนมากมักเลือกบริโภคอาหารรสหวานเวลาเกิดอาการเครียด เพราะน้ำตาลช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอนดอร์ฟินส์ที่ทำให้รู้สึกมีความสุข และช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนจากช็อกโกแลตนมมาเป็นดาร์กช็อกโกแลต คุณจะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง อย่างไรรึ เพราะภาวะอักเสบภายในร่างกายกระตุ้นให้เกิดอันตรายจากการเกิดลิ่มเลือดมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงจากภาวะหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองมากถึงร้อยละ 55 เมื่อคุณเปลี่ยนจากการบริโภคช็อกโกแลตนมมาเป็นดาร์กช็อกโกแลต ความเสี่ยงดังกล่าวก็ลดลงด้วย ทั้งนี้เป็นเพราะสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในช็อกโกแลตนั่นเอง ฟลาโวนอยด์เป็นสารมหัศจรรย์ที่ส่งผลต่อระบบเลือดในร่างกาย นักวิจัยชาวเยอรมันอธิบายว่า “ถ้าเราคิดว่านมจะเข้าไปขัดขวางการเผาผลาญฟลาโวนอยด์ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ ให้เปลี่ยนมากินดาร์กช็อกโกแลตแทน” ใช้เครื่องดูดควันกับเตาแก๊ส ข้อดี: ลดการสูดสารพิษได้ราวร้อยละ 50คุณอาจคิดว่าอันตรายใหญ่หลวงที่สุดจากการสูดสารพิษ มาจากการเดินอยู่ข้างนอกท่ามกลางการจราจรที่แออัด แต่รัฐบาลออสเตรเลียกลับให้ข้อมูลว่า ชาวออสเตรเลียใช้เวลาร้อยละ 90 อยู่ภายในอาคาร ทำให้ภาวะมลพิษในอากาศกลายเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเรา อย่างไรก็ตาม ควันที่เกิดขึ้นขณะทำอาหาร โดยเฉพาะเมื่อใช้เตาแก๊ส ก็ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งมลพิษที่สำคัญที่ก่อให้เกิดอันตรายเช่นกัน เพราะการปรุงอาหารทำให้เกิดแก๊สไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปัญหาระบบทางเดินหายใจ และยังผลิตอนุภาคและฝุ่นขนาดเล็กที่เกิดจากอาหาร ซึ่งเข้าสู่ปอดได้ผ่านทางการหายใจ การติดตั้งเครื่องดูดควันจะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ ขยับร่างกายมากขึ้น ข้อดี: ลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรราวร้อยละ 30ถูกต้องที่สุด

Read More

ปลาแอนโชวีของกอลลีอูร์

  Column: From Paris อองรี มาติส (Henri Matisse) อยู่ในกระแสอิมเพรสชั่นนิสต์ เดินทางไปยังเมืองกอลลีอูร์ (Collioure) ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ติดชายแดนสเปน ห่างจากสเปนเพียง 20 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัด Pyrénées Orientales แล้วประทับใจแสงแดดอันเจิดจ้าและทะเลสีสวย จึงชักชวนอองเดร เดอแรง (André Derain) ให้มาร่วมวาดรูปด้วย เป็นภาพเขียนที่จัดจ้านด้วยสีสัน จนเป็นกระแสโฟวิสม์ (fauvisme) เสียงร่ำลือเกี่ยวกับกอลลีอูร์ทำให้ต้องไปเยือนเมืองนี้เมื่อหลายปีที่แล้ว บ้านพักเป็นจำพวก bed & breakfast ซึ่งฝรั่งเศสเรียกว่า chambres d’hôtes บ้านอยู่บนเนินที่มองลงมาเห็นทะเลสวย สนนราคาแพงทีเดียวเมื่อเทียบกับช่วงที่ไป เพราะพ้นฤดูท่องเที่ยวแล้ว กล่าวคือกลางเดือนพฤศจิกายน วันที่เดินทางไปถึงคือวันที่ 11 พฤศจิกายน เป็นวันสุดท้ายของฤดูท่องเที่ยวของเมืองนี้ พลันในวันรุ่งขึ้นร้านค้าจำนวนหนึ่งปิดเพราะถึงคราวไปพักผ่อนบ้าง เมืองจึงค่อนข้างเงียบเหงา ถึงกระนั้นชาวเมืองก็ยังคงกิจกรรมปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดนัด ในอดีตกอลลีอูร์เคยเป็นของสเปน ต่อมากษัตริย์หลุยส์ที่ 11 ยึดเมืองไว้เป็นของฝรั่งเศสระหว่างปี 1475-1481 โปรดให้สร้างป้อมปราการ แต่แล้วกษัตริย์ชาร์ลส์ที่

Read More

แอลกอฮอล์ทำร้ายคนวัยกลางคนมากแค่ไหน

 Column: Well – Being ว่ากันว่าการดื่มไวน์สักแก้วเป็นครั้งคราวถือเป็นคุณต่อร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้น รูปแบบการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของเราเปลี่ยนไป แม้ดื่มเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างที่เราไม่คาดคิด เมื่ออายุมากขึ้น ระบบต่างๆ ในร่างกายเริ่มทำงานช้าลง จึงส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญแอลกอฮอล์ด้วย ดร.แอนดริว รอชฟอร์ด แห่งหน่วยงาน DrinkWise อธิบายว่า “ตับไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าขณะที่เราอายุยังน้อย ทำให้แอลกอฮอล์และผลพลอยได้จากการดื่มตกค้างอยู่ในระบบของร่างกายนานขึ้น นอกจากนี้ เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายยังมีน้ำในระบบน้อยลงด้วย ทำให้ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเข้มข้นขึ้น” นิตยสาร GoodHealth ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า แอลกอฮอล์ทำร้ายร่างกายคุณได้มากแค่ไหนเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น ขนาดรอบเอวของคุณ เมื่ออายุมากกว่า 30 ปี ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงและร่างกายต้องการพลังงานน้อยลงในการคงน้ำหนักตัวเอาไว้ เมื่อคำนวณจำนวนพลังงานอย่างละเอียด จะเห็นว่าแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูงมาก เอลิสัน แม็คเอลิส นักกำหนดอาหารให้ข้อมูลว่า “ไวน์หนึ่งแก้วขนาด 150 มิลลิลิตร ให้พลังงานถึง 430 กิโลจูลส์ ซึ่งมากกว่าขนมปังกรอบรสช็อกโกแลตหนึ่งแผ่นเสียอีก เมื่อระบบเผาผลาญทำงานช้าลง การดื่มแอลกอฮอล์แต่ละแก้วจึงให้พลังงานในมื้ออาหารนั้นเพิ่มขึ้น ทำให้คุณมีแนวโน้มน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ขณะมีอายุมากขึ้น จึงแนะนำให้คิดว่า แอลกอฮอล์เป็นเหมือนอาหารขยะ หากต้องการดื่มให้ดื่มเป็นครั้งคราวในปริมาณน้อยเท่านั้น ผิวหนังของคุณ เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบในร่างกาย มีผลให้หลอดเลือดขยายตัว เมื่ออายุมากขึ้น หลอดเลือดเหล่านี้อ่อนแอลงและสูญเสียความสามารถในการหดตัวกลับสู่สภาพเดิม

Read More

กลิ่นปาก! มาได้ไง!

 Column: Well – Being คุณเคยรู้สึกได้กลิ่นปากของตัวเอง แต่ไม่รู้สาเหตุว่ามาจากไหนใช่ไหม หลังบริโภคอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม เราต่างรู้สึกว่าลมหายใจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาด้วย ศาสตราจารย์มาร์ค บาร์โทล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิกทันตกรรมคอลเกตแห่งออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยอดีเลด กล่าวว่า กลิ่นปากที่พูดถึงในวันนี้ เป็นมากกว่าภาวะหายใจแล้วมีกลิ่นกระเทียม เพราะเป็นกลิ่นปากที่เกิดจากแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามฟัน ลิ้น หรือเหงือก ที่สร้างกำมะถันขึ้นมา และก่อให้เกิดกลิ่นปากที่ฉุนรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้ชีวิตในสังคมได้ โดยทั่วไป สาเหตุของปัญหากลิ่นปากมักเกิดจากการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การรักษาสุขอนามัยในช่องปากไม่สะอาด และโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบ แต่บางครั้งมีสาเหตุจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งนิตยสาร GoodHealth อธิบายถึงปัจจัย 6 ประการที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกลิ่นปากดังนี้ ยารักษาโรคบางชนิด ปกติแล้วน้ำลายทำหน้าที่เป็นสารชะล้างตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการกำจัดแบคทีเรียด้วย อย่างไรก็ตาม ยาบางชนิดมีผลต่อปริมาณน้ำลายที่ร่างกายสร้างขึ้น และก่อให้เกิดอาการข้างเคียงคือปากแห้ง เมื่อภายในช่องปากอยู่ในภาวะขาดน้ำ แบคทีเรียย่อมเจริญเติบโตได้ดี และสร้างสารกำมะถันซึ่งไวต่อการก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดกลิ่นปากขึ้น ยาที่ทำให้เกิดภาวะปากแห้ง ได้แก่ ยาต้านภาวะซึมเศร้า ยารักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคหอบหืด ยาแก้แพ้ และยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก เช่น ยาลดน้ำมูก ยาลดอาการคัดจมูก ดร. ปีเตอร์

Read More

อาแญส ซอเรล

  Column: From Paris อองแวรส์ (Anvers) หรือแอนต์เวิร์พ (Antwerp) ในภาษาอังกฤษ เมืองค้าเพชรของเบลเยียมมีพิพิธภัณฑ์ Musée des beaux-arts จึงขอไปชม แล้วติดใจภาพเขียนหนึ่ง La vierge à l’enfant entourée des anges ของฌอง ฟูเกต์ (Jean Fouquet) ภาพพระแม่มารีกับพระเยซูน้อย เป็นภาพพระแม่มารีที่แหวกแนว ด้วยว่าเปิดถันข้างหนึ่ง อันที่จริงภาพนี้คือภาพอาแญส ซอเรล (Agnès Sorel) ที่เลื่องลือเรื่องความงามนั่นเอง อาแญส ซอเรล เกิดในปี 1422 ในครอบครัวขุนนางเก่าของแคว้นปิการ์ดี (Picardie) ได้รับการศึกษาอบรมเพื่อเป็นข้าหลวงในราชินีอิซาแบลแห่งลอแรน (Isabelle de Lorraine) มเหสีของเรอเน ดองจู (René d’Anjou) ภายหลังได้เป็นสนมเอกของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 7 (Charles VII) ของฝรั่งเศส ดุ๊กแห่งบูร์โกญ

Read More