วันอังคาร, เมษายน 23, 2024
Home > Life > กลิ่นปาก! มาได้ไง!

กลิ่นปาก! มาได้ไง!

 
Column: Well – Being
 
คุณเคยรู้สึกได้กลิ่นปากของตัวเอง แต่ไม่รู้สาเหตุว่ามาจากไหนใช่ไหม
 
หลังบริโภคอาหารที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม เราต่างรู้สึกว่าลมหายใจมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาด้วย ศาสตราจารย์มาร์ค บาร์โทล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยคลินิกทันตกรรมคอลเกตแห่งออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยอดีเลด กล่าวว่า กลิ่นปากที่พูดถึงในวันนี้ เป็นมากกว่าภาวะหายใจแล้วมีกลิ่นกระเทียม เพราะเป็นกลิ่นปากที่เกิดจากแบคทีเรียที่เกาะอยู่ตามฟัน ลิ้น หรือเหงือก ที่สร้างกำมะถันขึ้นมา และก่อให้เกิดกลิ่นปากที่ฉุนรุนแรง ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้ชีวิตในสังคมได้
 
โดยทั่วไป สาเหตุของปัญหากลิ่นปากมักเกิดจากการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การรักษาสุขอนามัยในช่องปากไม่สะอาด และโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบ แต่บางครั้งมีสาเหตุจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งนิตยสาร GoodHealth อธิบายถึงปัจจัย 6 ประการที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกลิ่นปากดังนี้
 
ยารักษาโรคบางชนิด
ปกติแล้วน้ำลายทำหน้าที่เป็นสารชะล้างตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการกำจัดแบคทีเรียด้วย อย่างไรก็ตาม ยาบางชนิดมีผลต่อปริมาณน้ำลายที่ร่างกายสร้างขึ้น และก่อให้เกิดอาการข้างเคียงคือปากแห้ง
 
เมื่อภายในช่องปากอยู่ในภาวะขาดน้ำ แบคทีเรียย่อมเจริญเติบโตได้ดี และสร้างสารกำมะถันซึ่งไวต่อการก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ทำให้เกิดกลิ่นปากขึ้น
 
ยาที่ทำให้เกิดภาวะปากแห้ง ได้แก่ ยาต้านภาวะซึมเศร้า ยารักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาโรคหอบหืด ยาแก้แพ้ และยาลดอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก เช่น ยาลดน้ำมูก ยาลดอาการคัดจมูก
 
ดร. ปีเตอร์ ออลดริทท์ แห่งสมาคมทันตกรรมออสเตรเลียกล่าวว่า คุณยิ่งใช้ยามากชนิดเท่าไร คุณยิ่งมีแนวโน้มเกิดภาวะปากแห้งมากขึ้นเท่านั้น
 
น้ำยาบ้วนปาก
ศาสตราจารย์บาร์โทลอธิบายว่า การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบสูง ทำให้มีอาการปากแห้งได้เช่นกัน “น้ำยาบ้วนปากและน้ำยาที่ทำให้ลมหายใจสดชื่น ทำให้คุณสบายตัวเพียงชั่วคราว และไม่ช่วยแก้ปัญหา”
 
ถ้าคุณมีแนวโน้มเป็นคนปากแห้ง ทางที่ดีที่สุดให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปาก แต่ถ้าอยากใช้ เขาแนะนำให้ใช้ชนิดที่ไม่มีแอลกอฮอล์
 
ดร.ออลดริทท์เสริมว่า ถ้าคุณต้องปกปิดปัญหากลิ่นปากด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก สิ่งสำคัญคือ ต้องปรึกษาทันตแพทย์ “การปกปิดปัญหาไว้อาจหมายความว่า คุณกำลังละเลยปัญหาที่รุนแรงกว่ามาก เช่น โรคในช่องปาก จึงต้องให้ทันตแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่วินิจฉัยหาสาเหตุ”
 
หายใจทางปาก
เมื่อคุณเป็นหวัดและมีอาการคัดจมูก จึงจำเป็นต้องหายใจทางปาก ทำให้น้ำลายไหลน้อยลงและเกิดอาการปากแห้ง แบคทีเรียจึงเจริญเติบโตได้ดี และเป็นสาเหตุของการมีกลิ่นปาก
 
ศาสตราจารย์บาร์โทลกล่าวว่า คุณอาจมีกลิ่นปากหลังตื่นนอนตอนเช้าด้วยสาเหตุคล้ายคลึงกัน เพราะระหว่างนอนหลับ น้ำลายไหลน้อยลง แต่ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการกินอาหารเช้า และดูแลสุขภาพในช่องปากให้สะอาดเป็นประจำทุกเช้า “ไม่มีวิธีใดสามารถทดแทนการกำจัดคราบหินปูนได้ดีกว่าการแปรงฟันอย่างถูกวิธี และการทำความสะอาดซอกฟันอย่างทั่วถึงด้วยไหมขัดฟันวันละสองครั้ง”
 
ใกล้ถึงช่วงมีประจำเดือน
ในกรณีของผู้หญิง สาเหตุการมีกลิ่นปากอาจมาจากการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในช่วงวงจรของการมีประจำเดือน
 
ศาสตราจารย์บาร์โทลอธิบายว่า ขณะที่ร่างกายมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอยู่ในระดับสูงสุด มีผลทำให้การผลิตสารกำมะถันเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก และคุณอาจสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงโดยมีกลิ่นปากแรงขึ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนมีประจำเดือน
 
นอกจากนี้ อารมณ์ที่แปรปรวนและความเครียด มีผลทำให้น้ำลายไหลน้อยลงได้เช่นกัน ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า ทำไมคุณจึงมีปัญหากลิ่นปากช่วงใกล้มีประจำเดือน
 
บริโภคโปรตีนมากเกินไป
การควบคุมอาหารอย่างเคร่งครัด ด้วยการบริโภคคาร์โบไฮเดรตน้อยและโปรตีนสูง กลับกลายเป็นข่าวร้ายได้เช่นกัน
 
ศาสตราจารย์บาร์โทลกล่าวว่า เมื่อคุณควบคุมอาหารด้วยการบริโภคโปรตีนสูง นั่นหมายความว่าร่างกายต้องเผาผลาญไขมันเพื่อสร้างพลังงาน ขณะที่ร่างกายเผาผลาญไขมันก็ผลิตคีโตนออกมาโดยผ่านทางลมหายใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการมีกลิ่นปากได้
 
ถ้าคุณรู้สึกได้ว่าลมหายใจมีกลิ่นคล้ายน้ำยาล้างเล็บหรืออะซิโตน นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณได้รับสารอาหารที่ไม่สมดุล และร่างกายกำลังผลิตคีโตน
 
เป็นเบาหวาน
ดร.ออลดริทท์ อธิบายว่า โรคเบาหวานอาจทำให้คุณมีแนวโน้มเป็นโรคปริทันต์หรือโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งก่อให้เกิดการติดเชื้อในช่องปาก และเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก
 
นอกจากนี้ การที่ลมหายใจมีกลิ่นผิดปกติยังเป็นสัญญาณว่า อาการโรคเบาหวานของคุณอยู่ในภาวะควบคุมไม่ได้ และคุณอาจเป็นอันตรายจากภาวะเลือดกลายเป็นกรด ซึ่งเป็นภาวะวิกฤตที่เกิดจากการที่ร่างกายมีฮอร์โมนอินซูลินในระดับต่ำมาก เมื่อมีอินซูลินไม่เพียงพอ ร่างกายของคุณจึงมีแนวโน้มเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน และลมหายใจของคุณก็จะมีกลิ่นคล้ายน้ำยาล้างเล็บหรืออะซิโตน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณไม่ควรละเลย
 
3 วิธีป้องกันกลิ่นปาก
– กำจัดแบคทีเรียในช่องปากด้วยการแปรงฟันวันละสองครั้ง รวมทั้งการใช้ไหมขัดฟัน และแปรงหรือขูดลิ้นเป็นประจำทุกวัน
 
– กระตุ้นการผลิตน้ำลายด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่งปราศจากน้ำตาล
 
– ดื่มน้ำอย่างเพียงพอตลอดทั้งวัน และใช้น้ำกลั้วปากทำความสะอาด