วันพุธ, เมษายน 24, 2024
Home > Cover Story > อายิโนะโมะโต๊ะ เส้นทางความอร่อย

อายิโนะโมะโต๊ะ เส้นทางความอร่อย

 
เมื่อกล่าวถึงอายิโนะโมะโต๊ะ ผู้คนอาจจะนึกถึงผงชูรส ตัวช่วยให้รสชาติอาหารมีความอร่อย และถือเป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อเรียกความมั่นใจในการปรุงอาหารก็ว่าได้
 
ในขณะที่มีสินค้าไม่กี่ชนิดในประเทศไทยที่จะสามารถทำให้ชื่อยี่ห้อสินค้า กลายเป็นชื่อเรียกของผลิตภัณฑ์ เช่น ผงซักฟอก ถูกเรียกว่าแฟ้บ หรือผ้าอนามัย ถูกเรียกว่า โกเต๊ก “อายิโนะโมะโต๊ะ” ก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ได้กลายมาเป็นสามัญนามที่หมายความถึงผงชูรสไปแล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริง โลกของอายิโน๊ะโมโต๊ะ หาใช่มีแค่ผงชูรสเท่านั้น
 
แต่ทว่า ภายใต้คำว่า อายิโนะโมะโต๊ะ ที่เติบโตใหญ่จากรากฐานดั้งเดิมของผู้ผลิตผงชูรส ที่ใช้กลไกทางเทคโนโลยีทางเคมี ผลิตกรดอะมิโน และสามารถสังเคราะห์สารที่ช่วยให้เกิดในรสชาติในอาหาร และได้บัญญัติศัพท์ เรียกว่า “อูมามิ” (Umami หมายถึงรสชาติอร่อย)
 
Ajinomoto หรือจดทะเบียนในประเทศไทยว่า อายิโนะโมะโต๊ะ เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น คำว่า “อะจิโนะโมะโตะ” มีความหมายในภาษาอังกฤษคือ “Essence of Taste” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “แก่นแท้ของรสชาติ” ซึ่งบริษัทได้ใช้เป็นเครื่องหมายการค้าของผลิตภัณฑ์ผงชูรส บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเขตชูโอเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 
ความเป็นไปของ อะจิโนะโมะโตะ เริ่มต้นจากการที่ ซูซูกิ ซาบุโระซุเกะ (Suzuki Saburosuke) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ทำสัญญาการใช้สิทธิ์เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผงชูรสจากศาสตราจารย์อิเคดะ คิคุนาเอะ (Ikeda Kikunae) แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว และศาสตราจารย์อิเคดะ เป็นผู้วิจัยพบว่า สาร Monosodium Glutamate (MSG) สามารถสังเคราะห์ได้ทางเคมี และสารดังกล่าวนี้ช่วยทำให้เกิดรสชาติในอาหาร ที่เรียกว่า “อูมามิ” ขณะเดียวกัน ชื่อ “อายิโนะโมะโต๊ะ” ซึ่งรับถ่ายทอดเทคโนโลยีมาทำการผลิตก็มีความหมายถึง “ต้นตอของรสชาติ” อายิ หมายถึง รสชาติ ส่วน โมะโต๊ะ หมายถึง ต้นตอ
 
จากจุดประกายเริ่มต้นที่การสร้างความอร่อย และปัจจุบันได้พัฒนาแตกสาขามีเครือข่ายสาขาไปกว่า 100 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย  ที่ได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2503 และผ่านมา ณ ปัจจุบัน กว่า 50 ปี โดย “อายิโนะโมะโต๊ะ” ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมโรงงานผลิตผงชูรสเป็นแห่งแรก ณ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และได้เติบโตขยายกิจการครอบคลุมธุรกิจต่างๆ มากถึง 20 บริษัท พร้อมโรงงาน 17 แห่งกระจายอยู่ใน 9 จังหวัด ภายใต้กรอบธุรกิจหลากหลาย
 
กลุ่มเครื่องปรุงรส ซึ่งเป็นกลุ่มพื้นฐานแรกๆ ของอายิโนะโมโต๊ะ ประกอบด้วยเครื่องปรุงรสอายิโนะโมโต๊ะ, เครื่องปรุงรสชนิดผง “รสดี” ซุปแกงจืดที่อร่อย ภายในเวลาสั้นๆ ตามสโลแกนที่ว่า ต้ม ผัด แกง ทอด หอมอร่อยในพริบตา คู่ครัวรสดี  และซอสถั่วเหลือง ทาคูมิ อายิ ซอสปรุงรสที่ให้ความอร่อยแบบญี่ปุ่น  
 
ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นการต่อยอดจากวัตถุดิบพื้นฐาน ประกอบส่วนด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ ยำยำจัมโบ้ ยำยำช้างน้อย  ทั้งนี้ บริษัทฯ ถือได้ว่าเป็นรายแรกในประเทศไทย ที่ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เมื่อ 40 กว่าปีก่อน
 
แต่กลุ่มที่สร้างความตื่นตาตื่นใจในแวดวงธุรกิจอาหารมากที่สุดปรากฏการณ์หนึ่ง อยู่ที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม “กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้” ซึ่งกลุ่มอายิโนะโมโต๊ะ ถือเป็นผู้บุกเบิกกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม ตั้งแต่ปี 2536 จนถึงปัจจุบันด้วยระยะเวลากว่า 20 ปี  
 
กาแฟพร้อมดื่ม “เบอร์ดี้” ได้เปิดทางสู่ธุรกิจเครื่องดื่มที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง เพราะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว โดยล่าสุด ผลิตภัณฑ์กาแฟกระป๋องปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม “เบอร์ดี้” ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อขยายฐานผู้บริโภคไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการปรับภาพลักษณ์ของ “เบอร์ดี้” ใหม่ ให้มีชีวิตชีวา สดชื่น และทันสมัยมากขึ้น ภายใต้แคมเปญใหม่ “Birdy Wake up Your Life – เริ่มวันใหม่ สไตล์คุณ” พร้อมเลือก “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นตัวแทนในการนำเสนอความกระฉับกระเฉงของคนรุ่นใหม่
 
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มรสนมเปรี้ยว “คาลพิโก้” และล่าสุดในปี พ.ศ. 2546 เครื่องดื่มชาเขียว “เซนชะ” ชาต้นตำรับประเทศญี่ปุ่น” 
 
การรุกเข้าสู่ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ทั้งในกรณีของกาแฟเบอร์ดี้  3 in 1 และโจ๊กเต็มคำ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจติดตาม ในฐานะที่เป็นความพยายามในการรุกคืบแทรกตัวเข้าสู่พื้นที่ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
 
โดยเมื่อไม่นานมานี้ อายิโนะโมโต๊ะได้เปิดตัวเข้าสู่สังเวียนในฐานะผู้เล่นรายใหม่ในตลาดโจ๊ก ด้วยการออกโจ๊กไข่ โจ๊กเต็มคำ  ภายใต้แนวคิด  อร่อยใช่ ไข่ป๊อป โดยหวังจับกลุ่มลูกค้าเด็ก และผู้ที่ต้องการเมนูอาหารเช้าที่รวดเร็วและมีประโยชน์
 
อีกด้านของธุรกิจอาหารจากอายิโนะโมโต๊ะ อยู่ที่การเป็นผู้ให้บริการในธุรกิจบริการด้านอาหาร  โดยเป็นน้ำสลัดแบบญี่ปุ่น เน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเป็นหลัก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ปรุงรสอายิไทด์ ไอพลัสจี, เทนโซ ซึ่งเป็นเครื่องปรุงรส สำหรับโรงงานอุตสาหกรรม และยังมีผลิตภัณฑ์ L-Lysine อาหารเสริมสำหรับสัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์เคมี อามิเนท และบริษัทบรรจุภัณฑ์ ฟูจิเอช จำกัด อีกด้วย
 
ปัจจุบันอายิโนะโมะโต๊ะยังครองความเป็นผู้นำตลาดผงชูรสเป็นอันดับ 1 โดยมีโรงงานผลิต อยู่ 2 แห่ง คือ โรงงานที่พระประแดง จ. สมุทรปราการ และที่โรงงานจังหวัดกำแพงเพชร โดยเฉพาะที่กำแพงเพชร เป็นฐานการผลิตสำคัญ เนื่องจากมีมันสำปะหลังและอ้อยซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญทางธรรมชาติในการผลิตผงชูรสนั่นเอง
 
ในขณะเดียวกันนอกจากขยายฐานการผลิตในไทยแล้ว ยังมีการจัดจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ รวมทั้งก่อตั้งโรงงานบรรจุผงชูรสในต่างประเทศโดยเฉพาะในแถบเอเชีย ได้แก่ อินเดีย กัมพูชา และบังกลาเทศ เป็นต้น  
 
ทั้งนี้ กลุ่มอายิโนะโมะโต๊ะสามารถครองความเป็นเบอร์หนึ่งของผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส และกลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม เบอร์ดี้ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามเข้าไปรุกในธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็นการส่งโจ๊กไข่เต็มคำลงสู่ตลาด เพื่อมุ่งหวังจับกลุ่มลูกค้ากลุ่มเด็กและผู้ต้องการเมนูอาหารเช้าที่เร่งรีบ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และอีกหนึ่งเดือนต่อมาก็ได้เปิดตัวการรีเฟรชแบรนด์ พร้อมปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำจัมโบ้ โดยเพิ่มรอยยิ้มในโลโก้ยำยำจัมโบ้ พร้อมเคมเปญ “ยำยำจัมโบ้ ความสุขคำโต” พร้อมกลยุทธ์การตลาดครบวงจร เพื่อหวังกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น
 
ในขณะเดียวกัน การเปิดแนวรุกตลาดต่างประเทศ ของกลุ่มบะหมี่สำเร็จสำเร็จรูป ก็มีแผนการลงทุน หลังจากยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนอาหารประจำชาติดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นมรดกโลก เมื่อปีที่แล้ว ซึ่ง  “โตโย ซุยซาน ไกชา” และอายิโนะโมะโต๊ะได้เตรียมจัดตั้งธุรกิจร่วมทุนในอินเดีย และไนจีเรีย ซึ่งเป็นตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ใหญ่เป็นอันดับ  5 และ 12 ของโลก อีกทั้งคาดว่า ตลาดทั้ง 2 ประเทศ  เป็นตลาดที่มีศักยภาพและแรงซื้อสูงด้วยเช่นกัน
 
แม้โมเดลธุรกิจจะดำเนินต่อไป แต่ขณะเดียวกันกลุ่มอายิโนะโมะโต๊ะก็มีแนวทางควบคู่กับการสร้างคุณค่าทางสังคม ตามสัญญาที่ว่า อายิโนะโมะโต๊ะจะเติบโตเคียงคู่ ตามคำขวัญที่ว่า กินดี มีสุข ท่ามกลางกระแสรักษ์สุขภาพ ที่อาจทำให้อนาคตของผงชูรสมีแนวโน้มตีบแคบเข้ามาทุกทีในระดับครัวเรือนก็ตาม
 
Relate Story