อนาคตที่เก่าแก่ และประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง
Column: AYUBOWAN หลังผ่านการเฉลิมฉลองเถลิงศกใหม่แบบไทยๆ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สังคมไทยยังมีโอกาสได้ย้อนรำลึกความหลัง ในงาน “ใต้ร่มพระบารมี 233 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ให้ได้ชื่นชมชื่นใจในยามที่หลายฝ่ายต่างเห็นพ้องกันว่าสภาพเศรษฐกิจ สังคมกำลังเดินทางมาถึงจุดที่ได้แต่ก้มหน้าฝืนทนและหวังจะให้ผ่านพ้นไปเสียที ประวัติศาสตร์ความเป็นไปของบ้านเมืองและผู้คน ในด้านหนึ่งจะเป็นเพียงเรื่องราวที่มีไว้บอกกล่าว ปลอบประโลม หรือแม้กระทั่งปลุกกระแสสำนึก ให้ได้ร่วมเรียนรู้บทเรียนครั้งเก่า คงต้องขึ้นอยู่กับเป้าประสงค์ในการนำเสนอและบุคลิกว่าด้วยทัศนะวิพากษ์ที่แต่ละสังคมพึงจะมี สำหรับโคลัมโบ ซึ่งกำลังจะมีการฉลองวาระครบรอบ 150 ปี ของการจัดตั้งสภาเทศบาลแห่งกรุงโคลัมโบ หรือ Colombo Municipal Council ซึ่งได้รับการจัดตั้งตามธรรมนูญเมื่อปี 1865 ในช่วงที่ศรีลังกาตกอยู่ในอาณัติการปกครองของอังกฤษอาจให้ภาพที่แปลกแตกต่างออกไป เพราะในความเป็นจริงความเป็นไปของโคลัมโบมีประวัติศาสตร์สืบเนื่องยาวนานและเป็นจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง ที่สัญจรผ่านร้อนหนาวข้ามแผ่นผืนทวีปและห้วงมหาสมุทรมาอย่างยาวนาน และเป็นที่รู้จักคุ้นเคยอยู่ในบันทึกของเหล่าพ่อค้าวานิชมามากกว่า 2,000 ปี ชื่อของ Colombo อย่างที่คุ้นเคยและเรียกขานในปัจจุบันนี้ เป็นชื่อเรียกขานที่ได้รับเป็นมรดกมาจากชาวโปรตุเกสซึ่งถือเป็นกลุ่มชนกลุ่มแรกๆ ที่นำพาประวัติศาสตร์สมัยใหม่ให้เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้ แต่นั่นก็เมื่อประมาณ ค.ศ. 1500 หรือ 500 กว่าปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้น Colombo ได้รับการบันทึกถึงด้วยภาษาท้องถิ่นสิงหลในชื่อ Kolon thota ซึ่งสามารถถอดความได้ว่า เมืองท่าที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำ Kelani ควบคู่กับชื่อ Kola-amba-thota
Read More