Home > health (Page 6)

นอนไม่หลับ …ตื่นแล้วตาค้าง …ทำไงดี?

 คุณรู้สึกเบื่อกับอาการนอนไม่หลับบ่อยๆ ใช่ไหม สาเหตุอาจเป็นเพราะคุณไม่ได้เตรียมตัวเข้านอนอย่างดีพอ หรือบ่อยครั้งที่คุณพบว่าตัวเองตื่นขึ้นกลางดึกแล้วตาค้างนอนไม่หลับอีกเลยใช่ไหม ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ขอบอกว่าคุณไม่ได้เผชิญปัญหาเหล่านี้เพียงลำพัง ชาวออสเตรเลียเองก็มีปัญหาร่วมอย่างเดียวกับคุณ แต่ไม่ว่าคุณจะตาค้างนอนไม่หลับแม้เลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว หรือตื่นขึ้นกลางดึกตอนตีสาม ข้อแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณนอนพักผ่อนได้ตลอดทั้งคืน เที่ยงคืนคุณยังตาสว่างไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย สาเหตุส่วนใหญ่มักเป็นเพราะก่อนถึงเวลาเข้านอน คุณไม่ได้ทำให้สมองผ่อนคลายเต็มที่ จึงทำให้คุณต้องทนทรมานนอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงนานกว่าปกติ Dr. Neil Stanley ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนแนะนำว่า อย่ากังวลเวลาที่นอนไม่หลับ เพราะความกังวลยิ่งส่งผลทางจิตใจมากขึ้น ให้ลองฝึกจิตดังนี้ ให้เพ่งกระแสจิตไปยังส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เช่น แขนข้างซ้าย และคิดว่าแขนข้างนี้รู้สึกอย่างไร อุ่นกว่าหรือเย็นกว่าแขนข้างขวา ผ้าห่มที่คลุมทับแขนซ้ายอยู่นี้หนักไหม เมื่อคิดแล้วไม่ต้องลงมือทำอะไรอันเป็นผลจากความคิดดังกล่าว เพียงปล่อยให้ความคิดนั้นล่องลอยไปมา การบังคับจิตใจด้วยวิธีนี้ทำให้จิตใจสงบลง ช่วยให้คุณเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตีสอง – ตีสามคุณตกใจตื่นขึ้นกลางดึก ซึ่ง Dr. Stanley บอกว่า เป็นภาวะปกติ ปัญหาคือ เมื่อตื่นแล้วคุณไม่สามารถหลับต่อไปได้อีก “พยายามกำจัดปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้คุณตื่นกลางดึก” ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนชี้แนะว่า อาจเป็นเพราะคุณดื่มของเหลวมากเกินไปในช่วงค่ำ ทำให้ต้องตื่นเข้าห้องน้ำกลางดึก หรือคุณอาจเป็นตะคริวขณะนอนหลับ ซึ่งยารักษาอาการดังกล่าวช่วยได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณพบว่าทันทีที่ตื่นขึ้นกลางดึกแล้ว จิตใจคุณเริ่มฟุ้งซ่าน ให้ใช้วิธีฝึกจิตที่กล่าวถึงในหัวข้อก่อนหน้านี้ เพื่อให้คุณกลับต่อไปได้จนถึงรุ่งเช้า และไม่เกิดอาการอ่อนเพลีย ตีห้าคุณไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ากว่าเวลาตื่นตามปกติถึงสองชั่วโมง แต่คุณกลับตาใสแจ๋วนอนหลับต่อไปไม่ได้ในช่วงตีห้า Dr. Stanley บอกว่า อาจเป็นไปได้ว่าคุณนอนอิ่มแล้วจึงตื่นเวลานี้ ซึ่งถือเป็นอาการปกติ แต่ถ้าไม่ใช่

Read More

ระวัง ! ตู้เย็นทำลายคุณค่าผัก & ผลไม้

 ระวัง ! ตู้เย็นทำลายคุณค่าผัก & ผลไม้ ฟังดูแล้วทะแม่งๆ ใช่ไหม ปกติแล้วเรารู้เพียงว่า เมื่อซื้อผักผลไม้มาแล้ว ดูเหมือนวิธีที่เราคิดว่าดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด คือนำของทุกอย่างเก็บไว้ในตู้เย็น แต่เชื่อไหมว่า ตู้เย็นที่ให้ความเย็นมากเกินไป กลับกลายเป็นที่ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับการเก็บผักผลไม้สดบางชนิด  Zoe Wilson กับ Vanessa Hattersley สองนักกำหนดอาหารกล่าวว่า การยืดอายุผักผลไม้และรักษาคุณค่าทางอาหารให้ได้ครบถ้วนนั้น จำเป็นต้องรู้หลักการเก็บรักษาง่ายๆ บางอย่างด้วยเช่นกัน พริกหวานจัดว่าเป็นผักคู่ครัวที่มักซื้อติดบ้านไว้เสมอ มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก เพราะมีวิตามินซีและเบตา–แคโรทีนสูงมาก โดยเฉพาะพริกแดงยังมีไลโคปีนสูงด้วย Hattersley เตือนว่า “หากพริกหวานของคุณเริ่มเหี่ยว อย่าเพิ่งโยนทิ้ง ให้หั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วใส่ในหม้อซุป สตู หรือสปาเกตตีซอสเนื้อ” ส่วน Wilson ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “พริกหวานเป็นผักที่ไวต่อความเย็นเช่นเดียวกับถั่วและพริกขี้หนู เพื่อป้องกันไม่ให้พริกหวานได้รับความเย็นจัดจนกลายเป็นน้ำแข็งและนิ่มเละจนใช้ไม่ได้ ให้เก็บไว้ในตู้เย็นบริเวณที่ไม่เย็นจัดหรือมีอุณหภูมิสูงกว่าบริเวณอื่น” ผักสลัดระวังอย่าเก็บผักสลัดในที่เย็นจัดเป็นอันขาด ยิ่งผักมีใบเขียวเข้มมากเท่าใด คุณค่าทางอาหารยิ่งสูงขึ้นเพียงนั้น และมีคุณค่าทางอาหารที่หลากหลายแตกต่างกันในแต่ละชนิด เช่น ผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินซี เอ และแมงกานีส ขณะที่วอเตอร์เครสมีวิตามินซีและเอสูง ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งพลังงานที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เพราะเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการต่อต้านมะเร็ง ผักสลัดประเภทผักกาดหอม ต้องเก็บในถุงพลาสติก มีรู แล้วเก็บในลิ้นชักตู้เย็น โดยวางไว้บนสุดเสมอ

Read More

Tips ดีๆ มีให้อ่านที่นี่

 น้ำมันงากำจัดกลิ่นปากผลการทดลองสองชิ้นของวิทยาลัยทันตกรรม Meenakshi Ammal Dental College ของอินเดียพบว่า การอมน้ำมันงานานราว 10–20 นาที แล้วกลั้วปากและบ้วนทิ้ง (oil pulling) ช่วยลดระดับของโรคและกลิ่นปากที่เกิดจากแบคทีเรียในปากได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่า chlorhexidine ที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักในน้ำยาบ้วนปาก แต่อย่าหลงเชื่อเนื้อหาที่โพสต์อย่างแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตว่า การอมน้ำมันกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้งนี้ช่วยทำให้ฟันขาวเป็นอันขาด เพราะยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ Jenice Pliszezak แห่งสถาบันทันตกรรมทั่วไปของออสเตรเลียกล่าวเสริมว่า ถ้าคุณแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดช่องปากอยู่แล้ว ให้กลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปากผสมยาฆ่าเชื้อโรคเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง เพราะช่วยลดปริมาณหินปูนที่เกาะตามตัวฟันได้อีกร้อยละ 26.3 และช่วยลดอาการเหงือกบวมอักเสบได้ร้อยละ 20.4 และต้องทำเป็นประจำทุกวัน วันละ 2 ครั้งจึงได้ผลดังกล่าว   ระบายสีลดความเครียดฝรั่งเศสกำลังตื่นตัวและคลั่งไคล้วิธีลดความเครียดด้วยการระบายสีรูปภาพกันขนานใหญ่ บรรดาสำนักพิมพ์แข่งกันเปิดตัวและวางแผงสมุดระบายสีภาพสำหรับผู้ใหญ่กันยกใหญ่ ซึ่งได้ผลดีมาก โดยเฉพาะกับลูกค้าผู้หญิงที่ใช้การระบายสีภาพนี้ช่วยลดความเครียดและแก้อาการซึมเศร้า Cat Bennett ผู้เขียนหนังสือ The Confident Creative: Drawing to Free the Hand and Mind อธิบายว่า “การระบายสีและการวาดภาพ ถือเป็นการสะกดจิตที่ช่วยดึงเราออกจากความสนใจในชีวิตประจำวัน ช่วยหยุดความคิดที่ซ้ำซากวนเวียน และทำให้สมองผ่อนคลาย

Read More

สาเหตุเวียนศีรษะที่คุณคิดไม่ถึง

 คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณรู้สึกเวียนศีรษะในวันที่มีอากาศร้อนจัด หรือหลังจากที่ต้องยืนนานเกินไป แต่ปัญหาสุขภาพบางอย่างเป็นสาเหตุให้เวียนศีรษะชนิดที่คุณคิดไม่ถึงได้เช่นกัน ความดันโลหิตสูงโดยทั่วไปแล้วค่าความดันโลหิตปกติของคนเราอยู่ที่ 90/60 และ 120/80 มิลลิเมตรปรอท โดยค่าตัวเลขที่มากกว่าแสดงถึงแรงดันในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจสูบฉีดเลือดออกไปเลี้ยงร่างกาย ส่วนค่าตัวเลขที่น้อยกว่าเป็นแรงดันขณะที่หัวใจคลายตัวก่อนจะเริ่มสูบฉีดเลือดครั้งต่อไป ค่าความดันที่สูงมากคือเกิน 180/110 มิลลิเมตรปรอท อาจทำให้คุณมีอาการเวียนศีรษะได้ ข้อแนะนำ–การสูบบุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย บริโภคอาหารรสเค็ม และภาวะอ้วน ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง จึงต้องควบคุมน้ำหนักตัว ลดบริโภคอาหารรสเค็ม โดยเฉพาะอาหารแปรรูปต่างๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที นอกจากนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาต้านการอักเสบ ยาพ่นจมูก และยาแก้ไอบางชนิด มีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นเช่นกัน วิธีที่ดีที่สุดคือ ปรึกษาแพทย์ประจำตัวของคุณ   ภาวะหัวใจผิดปกติเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการเวียนศีรษะอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าหัวใจของคุณมีปัญหาซ่อนเร้นอยู่ ศาสตราจารย์ James Tatoulis หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์แห่งมูลนิธิหัวใจแห่งชาติของออสเตรเลียอธิบายว่า “คุณจะเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าของหัวใจที่เสื่อมถอยลงในลักษณะเดียวกับที่ผิวหนังของคุณเกิดรอยเหี่ยวย่นเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น หัวใจอาจเริ่มเต้นช้าลง ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ จึงทำให้คุณเวียนศีรษะ” ข้อแนะนำ–รักษาสุขภาพหัวใจของคุณให้แข็งแรงด้วยการบริโภคอาหารอย่างสมดุล รวมทั้งควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ภาวะซึมเศร้าและโดดเดี่ยวเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจ จึงควรติดต่อกับมิตรสหายอยู่เสมอ ถ้ารู้สึกเวียนศีรษะบ่อยๆ ให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้สั่งจ่ายยาบรรเทาความรุนแรงของอาการ ภาวะขาดน้ำภาวะขาดน้ำทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลง และเกิดอาการเวียนศีรษะได้ ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่สูญเสียน้ำวันละ 2.5–3 ลิตร

Read More

อาหารที่ช่วยให้หน้าท้องแบนราบ

 การมีหน้าท้องแบนราบถือเป็นสัญญาณที่เป็นที่ยอมรับกันมากที่สุดอย่างหนึ่งว่า คุณมีร่างกายฟิตเปรี๊ยะ จึงจำเป็นต้องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง และสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องขึ้นมาแทนที่ให้ได้ ที่ต้องระลึกไว้เสมอคือ การออกกำลังกายดังกล่าวข้างต้น “ต้องทำที่โรงยิม” แต่ที่จะแนะนำต่อไปนี้ “เกิดขึ้นในครัว” เกิดจากอาหาร 10 ชนิดที่มีผลต่อหน้าท้องแบนราบของคุณได้มากที่สุด ลองบริโภคดู หลังจากนั้นไม่นาน คุณอาจเลิกอิจฉาคนอื่นและมีความสุขกับการสวมใส่เสื้อผ้าที่โชว์หน้าท้องแบนราบของคุณเอง กรีกโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ของคุณมีหน้าที่ช่วยย่อยอาหาร และลดความเสี่ยงจากการเกิดแก๊สและท้องอืด แต่ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมีผลต่อน้ำหนักตัวและน้ำหนักที่ลดลงได้ในขณะที่คุณควบคุมด้วยอาหารพลังงานต่ำ ปัญหาคือ คุณรู้ได้อย่างไรว่าในร่างกายมีแบคทีเรียดังกล่าวมากพอ คำแนะนำคือ ให้บริโภคกรีกโยเกิร์ตที่มีส่วนประกอบของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียในลำไส้แล้ว ยังมีโปรตีนมากกว่า ทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น International Journal of Obesity ยังตีพิมพ์ผลการศึกษาที่พบว่า ผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากการบริโภคโยเกิร์ต อาจลดไขมันในช่องท้องได้มากกว่า และยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนการบริโภคโยเกิร์ตว่า ผู้บริโภคกรีกโยเกิร์ตวันละ 5 กระป๋อง สามารถลดน้ำหนักและไขมันในช่องท้องได้มากกว่าผู้ที่บริโภคเพียงวันละ 3 กระป๋อง    บลูเบอร์รี่บลูเบอร์รี่เป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่วิเศษสุด เพราะไม่เพียงทำให้คุณอิ่มท้อง แต่ยังช่วยรักษาขนาดรอบเอวของคุณด้วย ที่สำคัญยังเป็นแหล่งเส้นใยประเภทพรีไบโอติกตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ที่อยู่ในลำไส้ของคุณ บลูเบอร์รี่ยังมีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดระดับของฮอร์โมนคอร์ติซอลในช่วงหลังการออกกำลังกายจนเหนื่อยล้า เพราะการที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับสูงนั้น มีส่วนสัมพันธ์กับการที่คุณมีขนาดรอบเอวใหญ่ขึ้นด้วย คุณมีโอกาสบริโภคบลูเบอร์รี่ได้ตลอดปี เพราะมีบลูเบอร์รี่แช่แข็งวางขายตลอดเวลา เพียงนำมาใส่ในอาหารและเครื่องดื่มชนิดต่างๆ เท่านั้น ถั่วเปลือกแข็งถั่วเปลือกแข็งเป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง แม้บริโภคในปริมาณน้อย แต่ผลการวิจัยยืนยันว่า

Read More

นานาสาระสู่สุขภาวะ

 น้ำผึ้งรักษาสิว ตัวยารักษาสิวได้อย่างชะงัดอยู่ในครัว ใกล้มือคุณนี่เอง เพราะมีรายงานว่า น้ำผึ้งโดยเฉพาะน้ำผึ้งมานูก้าที่ได้จากดอกมานูก้า และขึ้นชื่อของประเทศนิวซีแลนด์ สามารถกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้โดยไม่ทำให้ผิวแห้งด้วย นอกจากนี้ ในน้ำผึ้งยังมีน้ำตาลซึ่งแท้ที่จริงแล้ว ทำหน้าที่ดึงความชุ่มชื้นกลับคืนสู่ผิวหนังด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า น้ำผึ้งเป็นมอยเจอไรเชอร์จากธรรมชาติที่ดีเยี่ยม  หากคุณมีเม็ดสิวบนใบหน้า ก่อนนอนให้ลองใช้น้ำผึ้งแต้มตรงเม็ดสิว แล้วทิ้งไว้ค้างคืนดูสิ********************************************************************************** เสียเหงื่อเพื่อความสวยเป็นที่รู้กันว่า การออกกำลังกายทำให้คุณรักษารูปร่างให้ดูดีอยู่เสมอได้ แต่มีรายงานหลายชิ้นระบุว่า มันส่งผลดีต่อผิวหนังด้วย มหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์เปิดเผยผลการศึกษาว่า หนูทดลองที่ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ กลายเป็นหนูอ่อนแอ ขี้โรค ขนกลายเป็นสีเทา และหลุดร่วงจนหมด แต่หนูที่ออกกำลังกายอยู่เสมอกลับมีสมอง หัวใจ และอวัยวะส่วนอื่นๆ แข็งแรง รวมทั้งมีขนปกคลุมร่างกายยาวนานกว่าหนูที่อยู่นิ่งๆ และไม่เปลี่ยนเป็นสีเทาด้วย นักวิจัยจึงต้องการพิสูจน์ว่า ข้อเท็จจริงนี้เกิดขึ้นกับมนุษย์ด้วยหรือไม่ จึงให้อาสาสมัครกลุ่มที่มีอายุเกิน 65 ปี และไม่มีกิจกรรมอะไรนอกจากนั่งๆ นอนๆ ให้เริ่มออกกำลังกาย คือวิ่งและปั่นจักรยานในระดับปานกลางสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลังจากนั้น 3 เดือน นำตัวอย่างผิวหนังของพวกเขามาเปรียบเทียบกับช่วงก่อนออกกำลังกาย ผลคือ ชั้นของผิวหนังทั้งด้านในและด้านนอกเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด คือมีลักษณะคล้ายผิวหนังของคนอายุระหว่าง 20–40 ปี Dr. Mark Tarnopolsky ผู้รับผิดชอบการศึกษาครั้งนี้สรุปว่า ผิวหนังของกลุ่มอาสาสมัคร “แลดูคล้ายคลึงกับของผู้ที่อ่อนวัยกว่ามาก ต่างกันคือพวกเขาออกกำลังกายนั่นเอง”******************************************************************************** สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็งผิวหนัง  แต่ละปีมีชาวอเมริกันถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนังร้ายแรงชนิดเมลาโนมา

Read More

ทำไม “กินไม่หยุดปาก”?

 ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กังวลใจกับพฤติกรรม “กินไม่หยุดปาก” ของตนเอง คุณอาจประหลาดใจยิ่งขึ้นเมื่อได้รู้ว่า มีสาเหตุหลากหลายที่ทำให้คุณมีพฤติกรรมทำลายตนเองอย่างนั้น อาทิ ฮอร์โมน ภาวะอดนอน หรือการบริโภคอาหารเช้าที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (high–GI) นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีก 9 สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้คุณอยากอาหารจนกลายเป็นคน “กินไม่หยุดปาก” ดังนี้ 1. ผงชูรสเลปติน (leptin) เป็นฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว เมื่อไรที่มีปัจจัยเข้าไปรบกวนการผลิตเลปตินของร่างกาย ย่อมส่งผลให้คุณอยากอาหารมากขึ้น ผลการศึกษาในสหรัฐฯ พบว่า ผงชูรส (MSG) อาจทำให้ร่างกายของคุณตอบสนองต่อการส่งสัญญาณของเลปตินได้น้อยลง Rosie Mansfield นักโภชนาการกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องสำเหนียกคือ “ผงชูรสมีโซเดียมสูงมากถึงหนึ่งในสามของเกลือหนึ่งช้อนโต๊ะ หมายความว่า เมื่อบริโภคแล้วทำให้คุณกระหายน้ำ และมีคนจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าอาการกระหายน้ำคือความหิว จึงยิ่งบริโภคมากขึ้น” แม้ว่าร้านอาหารจำนวนมากเลิกใช้ผงชูรสไปแล้วในช่วงทศวรรษ 1990 แต่มันยังเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารแปรรูปหลากชนิด เช่น ไส้กรอก ขนมปังกรอบ ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ 2. การออกกำลังกายขณะที่บางคนพบว่า การออกกำลังกายช่วยลดความอยากอาหารได้ดี  แต่บางคนกลับได้ผลตรงข้าม Bruce McCray เทรนเนอร์ส่วนตัวประจำสถาบัน LiveAlive กล่าวว่า

Read More

อัพเกรดสมองก่อนสมองเสื่อม

 คุณเคยมีประสบการณ์ไหมว่า จู่ๆ ความจำเกิดล่องหนหายไปเสียเฉย ๆ ...อย่ากังวลใจไป ...มีกลวิธีอันชาญฉลาดในการกำจัดภาวะสมองตื้อ (brain fog) ออกจากตัวคุณ และทำให้สมองยังกระฉับกระเฉงอยู่เสมอด้วย ภาวะสมองตื้อหรืออาการหลงลืม จำได้ในบางครั้ง แต่บางครั้งกลับหลงลืมนั้น ดูเหมือนจะเป็นมากขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะอาการลืมชื่อที่เคยคุ้นเคย ความยุ่งยากใจเมื่อต้องจดจำคำศัพท์ยากๆ หรือแม้แต่ลืมไปว่าจอดรถไว้ที่ใด อย่าตกใจไป Dr. Gary Small ผู้อำนวยการ Longevity Center แห่งมหาวิทยาลัย UCLA กล่าวว่า อาการเหล่านี้ไม่ถือเป็นสัญญาณของโรคสมองเสื่อมระยะเริ่มแรกแต่อย่างใด หากเป็นตัวชี้วัดว่า คุณจำเป็นต้องอัพเกรดสมองอย่างเร่งด่วน Dr. Small ผู้เขียนหนังสือ The Memory Bible (สำนักพิมพ์ Penguin) และ The Alzheimer’s Prevention Program (สำนักพิมพ์ Workman Publishing) ยังอธิบายต่อไปว่า “ภาวะสมองตื้อเป็นประสบการณ์ความล้าของจิตใจจากการอยู่กับเทคโนโลยีมากเกินไป การมีสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป การมีเรื่องที่ต้องคิดมากเกินไป และการเลือกดำเนินชีวิตด้วยวิถีบางอย่าง” ถ้าคุณอายุมากกว่า 40 ปี อาการหลงลืมเป็นครั้งคราวที่เกิดขึ้น

Read More

กายวิภาคอาการปวดศีรษะ

 ว่ากันว่าชาวออสเตรเลียประมาณ 6 ล้านคน ต้องทุกข์ทรมานกับอาการปวดศีรษะหรือปวดไมเกรนเป็นประจำ ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากสาเหตุทุกอย่างตั้งแต่น้ำหอม ไส้กรอก การหยุดยาบางประเภท ภาวะขาดน้ำ หรือแม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์ “อาการปวดศีรษะตามปกติที่มีสาเหตุจากความเครียดและกล้ามเนื้อตึงหรือเกร็งนั้น ไม่ถือว่าเป็นอันตราย แต่ถ้าเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน รุนแรง และมีอาการวิงเวียนหรือการมองเห็นผิดปกติร่วมด้วย ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ละเลยไม่ได้เด็ดขาด” Dr. Ronald McCoy แห่ง Royal Australian College of General Practitioners อธิบาย ต่อไปนี้เป็นวิธีสังเกตอาการปกติของการปวดศีรษะพร้อมสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้นและวิธีเยียวยา ปวดศีรษะจากภาวะตึงเครียดคุณรู้สึกมีอะไรกดทับบนศีรษะ รู้สึกตึงบริเวณหนังศีรษะ ขมับ หรือต้นคอ ซึ่งมีสาเหตุจากความเครียด วิตกกังวล และการกัดฟัน ถือเป็นอาการพื้นฐานที่สุด และเกี่ยวข้องกับภาวะที่กล้ามเนื้อหลังส่วนบน ศีรษะ และต้นคอตึงหรือเกร็ง เยียวยาด้วยการประคบน้ำแข็ง และรับประทานยาระงับปวด Dr. McCoy แนะนำว่า “การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยบรรเทาความตึงเครียดที่ว่านี้ได้เป็นอย่างดี” ปวดศีรษะจากผงชูรสคุณรู้สึกมีแรงกดบนขมับหรือปวดขมับตุ้บๆ ร่วมกับอาการตึงโดยรอบหน้าผาก เจ็บหน้าอกและวิงเวียน สาเหตุเพราะบริโภคสารกลูตาเมท เช่น ผงชูรสที่ใส่ในอาหาร รวมทั้งอาหารประเภททูน่ากระป๋อง นมผง มันฝรั่งทอดกรอบ

Read More

อาหารสร้างสุข

“ทั้งความสุขและกิจกรรมทางจิตวิทยาเชิงบวกทั้งหมด ล้วนมีรากฐานจากการบริโภคอาหารที่ถูกหลัก” คำกล่าวของ Dr. Drew Ramsey แห่ง Center for Mind Body Medicine และผู้เขียนร่วมหนังสือ The Happiness Diet “ถ้าคุณรู้สึกหงุดหงิดฉุนเฉียว หรือรู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง คงยากที่จะมีความคิดเชิงบวกได้ คุณจะรู้สึกไม่มีความสุข จึงจำเป็นมากที่เราต้องทำความเข้าใจว่า อาหารมีอิทธิพลต่อเราอย่างไร” การบริโภคอาหารผิดหลัก นอกจากมีผลทำให้เราหมดแรงเร็วกว่าปกติแล้ว ยังอาจทำให้รู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้น ซึ่ง Drew เป็นคนหนึ่งในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเยียวยาปัญหาสุขภาพจิตในปัจจุบันคือ การหวนกลับไปบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของเรา เหมือนอย่างที่บรรพบุรุษทำกันมาเมื่อหลายพันปีก่อน เขาอธิบายว่า “มีการเปิดเผยข้อมูลมากมายที่เชื่อมโยงรูปแบบการบริโภคกับความเสี่ยงของโรคทางจิตใจที่สำคัญๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคสมาธิสั้น ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากพบจิตแพทย์ อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยคุณได้ จึงแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของคุณ” ไขมันกับความสุขกรดไขมันโอเมก้า-3 ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความสุขของเรา จากการที่มีคุณประโยชน์มหาศาลต่อร่างกาย เช่น ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ สมอง ข้อต่อ ผิวหนัง ระบบภูมิคุ้มกัน

Read More