วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > New&Trend > Hepmil Thailand ฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ ประกาศแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปคนใหม่

Hepmil Thailand ฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ ประกาศแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปคนใหม่

Hepmil Thailand ฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ ประกาศแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ พร้อมเผยกลยุทธ์ขยายตลาดในประเทศไทย

เฮปมิล ประเทศไทย (Hepmil Thailand) ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญ ตอกย้ำบทบาทสำคัญในวงการตลาดดิจิทัลของไทย ด้วยการแต่งตั้ง “ฐิศิรักน์ พิตยกูลศาล” เป็นผู้จัดการทั่วไป (General Manager) คนใหม่ของบริษัท เพื่อเดินหน้าดำเนินงานภายใต้คำมั่นสัญญาที่จะส่งเสริมการทำตลาดดิจิทัลไทย

ทั้งนี้ภายใต้ประสบการณ์ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดดิจิทัลและสื่อสังคมออนไลน์ ที่สั่งสมมากว่า 20 ปี คุณฐิศิรักน์ หรือ จ๋า พร้อมที่จะรับหน้าที่ผู้นำในการขยายตลาดในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถและวางตำแหน่งเฮปมิล ให้ก้าวเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมครีเอเตอร์และธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) ต่อไป

เศรษฐกิจนักสร้างสรรค์ (digital creators) และอุตสาหกรรมโซเชียลคอมเมิร์ซที่กำลังเฟื่องฟูในประเทศไทย

อุตสาหกรรมเศรษฐกิจนักสร้างสรรค์ (creator economy) และโซเชียลคอมเมิร์ซ (social commerce) หรือการซื้อขายสินค้าบนช่องทางของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ถือเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยภูมิทัศน์ทางด้านดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประกอบกับความคุ้นเคยทางด้านเทคโนโลยีของผู้คนในยุคปัจจุบัน ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งรวมของเหล่าครีเอเตอร์ และผู้ประกอบการออนไลน์ ขณะเดียวกัน การเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและการหลอมรวมระหว่างอีคอมเมิร์ซเข้ากับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่มากขึ้น ทำให้บทบาทของเหล่าบรรดาครีเอเตอร์เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นในอีโคซิสเต็มนี้

ทั้งนี้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เติบโตเช่นนี้ ทาง เฮปมิล ประเทศไทย เล็งเห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์และเหล่าครีเอเตอร์ชาวไทย เพราะอุตสาหกรรมเศรษฐกิจของนักสร้างสรรค์ หรือ Creator Economy ในประเทศไทยเวลานี้ กำลังเติบโตอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนอินฟลูเอนเซอร์ คอนเทนต์ ครีเอเตอร์ และเหล่าเซเลบออนไลน์ที่มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในขณะที่ตลาดโซเชียลคอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคและการตัดสินใจซื้อ

ผู้นำกระแส Shoppertainment ในประเทศไทย

คุณฐิศิรักน์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยของเฮปมิลภายใต้บริบทที่มีการเปลี่ยนแปลงเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมชี้ว่า “สื่อแบบดั้งเดิมไม่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อีกต่อไป ดังนั้น เฮปมิล ประเทศไทย จึงมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในกระแส Shoppertainment ที่กำลังเติบโต และมีบทบาทสำคัญในการสร้างครีเอเตอร์รุ่นต่อไปสำหรับประเทศไทยในอนาคต”

ขณะเดียวกัน การที่กระแส Shoppertainment ได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้บรรดาแบรนด์และเหล่า ครีเอเตอร์ทั้งหลาย ต่างเร่งแสวงหาเทคนิคใหม่ๆ เพื่อดึงดูดผู้ชมผ่านคอนเทนต์ที่น่าดึงดูดและเพิ่มการมีส่วนร่วม ทางบริษัทเองก็ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำของเทรนด์ดังกล่าว โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลและโซเชียลคอมเมิร์ซ มาสร้างสรรค์แคมเปญที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ ที่จะสร้างเสียงตอบรับแก่ผู้ชมชาวไทยต่อไป

กลยุทธ์การขยายตลาดและการเติบโตร่วมกัน

การแต่งตั้งผู้จัดการทั่วไป (General Manager) คนใหม่ของเฮปมิล ประเทศไทย เป็นการต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการนำร่องและแคมเปญในปี 2566 ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะตลาดสำคัญในอุตสาหกรรมการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แม้ว่าตลาดไทยจะมีความเติบโตและก้าวหน้า แต่เรายังมองเห็นโอกาสจากช่องว่างต่างๆ ที่เราจะสามารถช่วยเติมเต็ม ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจเข้าสู่ตลาดและลงทุนอย่างเป็นทางการในปี 2567 นี้

“หลังจากดำเนินการทดสอบตลาดในปี 2566 และเปิดตัวแคมเปญนำร่อง เราพบกับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมในการทำงานร่วมกับทั้งครีเอเตอร์และลูกค้าชาวไทย เช่นเดียวกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่าง L’Oreal, Nestle, Lay’s, Unilever, Prime Video, Lotus’s รวมถึงแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกอื่นๆ อีกมากมาย ประสบการณ์ดังกล่าวช่วยให้เราเข้าใจถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมของตลาดได้ดียิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้เรามีความมั่นใจในการลงทุนที่จะสร้างทีมงานในประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่ง และเปิดให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการในกรุงเทพฯ ในปีนี้” มร. คาร์ล มัค (Mr. Karl Mak) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ HEPMIL Media Group กล่าว

ก่อร่างสร้างฐานเพื่ออนาคต

เพื่อเป็นการเตรียมก้าวเข้าสู่ปีแรกอย่างเป็นทางการของ เฮปมิล ประเทศไทย ทางบริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างรากฐานที่มั่นคง รวมถึงสร้างความรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินงานในประเทศไทยของบริษัท พร้อมเดินหน้าแสดงศักยภาพของบริษัทในฐานะ ครีเอเตอร์เอเจนซี่ระดับภูมิภาคให้แก่ลูกค้าและเอเจนซี่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย

ทั้งนี้ เฮปมิล ประเทศไทย ตั้งใจที่จะทำหน้าที่เป็นพันธมิตรสำคัญของเหล่าครีเอเตอร์ชั้นนำของตลาดไทย ด้วยการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว และการสร้างสรรค์ประโยชน์ร่วมกัน พร้อมกันนี้ ทางบริษัทกำลังจะดำเนินการเปิดตัวธุรกิจในไทย โดยมุ่งเน้นไปที่ HEPMIL Creators’ Network ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านครีเอเตอร์ดิจิทัลที่คอยเชื่อมโยงแบรนด์ต่างๆ กับเหล่าบรรดาสุดยอดครีเอเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันเครือข่ายนี้มีครีเอเตอร์เข้าร่วมมากกว่า 1,000 ราย ขณะที่มีสมาชิกสมัครเข้าใช้บริการมากกว่า 1 พันล้านคน รวมถึงมียอดผู้เข้าชมมากกว่า 3,000 ล้านครั้งต่อเดือน ซึ่งถือเป็นช่องทางพิเศษที่จะทำให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมอายุน้อย ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเหล่าครีเอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยพันธกิจในการ “สร้างการเติบโตและเพิ่มศักยภาพให้กับเหล่าครีเอเตอร์รุ่นใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เฮปมิลเชื่อมั่นว่าบริษัทจะกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในวงการเศรษฐกิจนักสร้างสรรค์ของไทย ขณะเดียวกัน เฮปมิล มุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านการผลิตและการนำเสนอแนวคิดอันสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนให้บรรดาครีเอเตอร์มีโอกาสสร้างรายได้และการเติบโตทางอาชีพมากขึ้น

นอกเหนือจากการดำเนินตามแผนงานที่วางไว้อย่างจริงจังแล้ว เฮปมิล ประเทศไทย ยังให้ความสำคัญที่สุดกับความมุ่งมั่นในการดำเนินการเชิงกลยุทธ์ประจำปี 2567 ดังนี้

1) การมีส่วนร่วมกับการเติบโตของตลาด Shoppertainment มูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
2) การขยายกลุ่มครีเอเตอร์ชาวไทยให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและเทรนด์เนื้อหาที่กำลังอยู่ในกระแส
3) เพิ่มศักยภาพให้กับเครือข่ายครีเอเตอร์ รวมถึงคอมมิวนิตี้ของเฮปมิล ผ่าน Hepmil Creators Academy & Program ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับครีเอเตอร์ที่ทางเฮปมิลสร้างขึ้น เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของครีเอเตอร์ เพิ่มพูนทักษะ รวมถึงเตรียมให้ครีเอเตอร์ไทยพร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงของตลาด เศรษฐกิจ และความต้องการของผู้ลงโฆษณา

“ด้วยความที่เฮปมิลเป็นผู้นำตลาดทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค รวมไปถึงทุกคนที่เฮปมิลล้วนเปี่ยมไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจที่แท้จริงต่อคุณค่า ผู้คน และอุตสาหกรรมครีเอเตอร์ เรามุ่งมั่นที่จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างครีเอเตอร์รุ่นต่อไปในประเทศไทย” คุณฐิศิรักน์ กล่าวสรุป