Home > health (Page 5)

ระวัง 3 ปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ

 Column: Well – Being แม้ผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จะยอมรับว่า การระบุให้ชัดเจนถึงสาเหตุการเกิดโรคหัวใจนั้น ไม่สามารถทำกันได้ง่ายๆ แต่ Giovanni Campanile อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือดแห่ง Rutgers New Jersey Medical School เตือนให้พึงระวังเกี่ยวกับปัจจัยซ่อนเร้นในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้อย่างไม่คาดคิด กาเฟอีน สำหรับคนทั่วไปแล้ว การดื่มชาหรือกาแฟที่มีคาเฟอีนถือว่าเป็นคุณต่อหัวใจด้วยซ้ำ แต่ถ้าคุณดื่มมากกว่าหนึ่งถ้วย แล้วมีอาการใจสั่น คุณอาจจัดอยู่ในประเภท “เผาผลาญกาเฟอีนได้ช้า” ในกรณีนี้ การดื่มชาหรือกาแฟเพียงวันละ 2–3 ถ้วย สามารถเป็นตัวเร่งให้คุณเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายได้ ! คุณป้องกันได้ด้วยการขอให้แพทย์เจาะเลือดเพื่อตรวจดูว่า ร่างกายคุณสามารถเผาผลาญสารกระตุ้นคือกาเฟอีนได้เร็วแค่ไหน หรือถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนไวต่อกาเฟอีน ต้องยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน โดยจำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนเพียงหนึ่งถ้วยต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งมักมีกาเฟอีนเป็นส่วนประกอบมากเกินไป ทั้งยังมีสารกระตุ้นสังเคราะห์และน้ำตาลที่ล้วนเป็นโทษต่อร่างกาย จากสถิติพบว่า ทุก 1 ใน 5 คนที่ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเหล่านี้ ล้วนเกิดอาการใจสั่นทั้งสิ้น ไขมันทรานส์ที่แฝงในอาหาร แม้อาหารที่มีฉลากโภชนาการระบุว่า มีไขมันทรานส์ (trans fat) 0 กรัมนั้น จริงๆ แล้วอาจมีไขมันร้ายตัวนี้เป็นส่วนประกอบในปริมาณเล็กน้อยก็ได้ แต่มีผลทำให้ระดับไขมันเลว (LDL)

Read More

อยากเยาว์วัย ให้เน้นโปรตีน

 โปรตีนมีความสำคัญต่อร่างกายมากกว่าการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและทำให้รู้สึกอิ่ม เพราะครึ่งหนึ่งของน้ำหนักแห้ง (dry weight) ของร่างกาย ล้วนประกอบขึ้นจากโปรตีน ไม่ว่าผิวหนัง เส้นผม ฟัน เล็บ เซลล์สมอง และกระดูก ล้วนมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ ถ้าบริโภคโปรตีนไม่เพียงพอ ผิวหนังของคุณจะไม่สามารถผลิตคอลลาเจนที่ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นได้ และยังทำให้เรารู้สึกอ่อนแอ เหนื่อยล้า รวมทั้งผมบางด้วย จึงไม่น่าแปลกที่อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและความงาม ให้ความสำคัญกับผู้ช่วยด้านการชะลอวัยนี้เป็นอย่างมาก โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทโปรตีนสูงมีมูลค่าเกือบร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มใหม่ที่มีการเปิดตัววางตลาด โปรตีนไม่ได้เป็นสารอาหารที่อยู่ด้วยตัวของมันเองโดดๆ แต่รวมอยู่ในห่วงโซ่ของโมเลกุลที่เรียกว่ากรดอะมิโน (amino acids) ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เองเพียงบางชนิด ที่เหลือนอกเหนือจากนั้นคือกรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acids) เราต้องได้รับจากอาหาร  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราต้องบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว ที่น่าแปลกคือ โปรตีนพบได้ในอาหารหลากประเภทที่อุดมด้วยสารอาหารที่ช่วยชะลอวัยดังนี้ น้ำนมอัลมอนด์น้ำนมโคเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอดก็จริง แต่สำหรับผู้ไม่บริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเนย น้ำนมอัลมอนด์เป็นทางเลือกเพื่อชะลอวัยที่ดีมาก เพราะนอกจากโปรตีน แคลเซียม และวิตามินอีแล้ว นักกำหนดอาหารอย่าง Karen Fischer ผู้เขียนหนังสือ Younger Skin in 28 Days ยังให้เคล็ดลับว่า น้ำนมอัลมอนด์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังด้วย ถั่วอะซูกิElizabeth

Read More

ความรู้สึกที่แตกต่าง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

 ความรู้สึกที่แตกต่าง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ  อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของคุณ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก เมื่อรู้สึกโกรธ ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเทสทอสเทอโรลมากขึ้น นอกจากนี้ อัตราการเต้นของหัวใจและระดับความดันโลหิตก็สูงขึ้นด้วย ภายในสองชั่วโมงหลังจากระเบิดความโกรธออกมา คุณเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายเกือบห้าเท่า และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองสามเท่า ความโกรธยังกระตุ้นให้เราแสวงหารางวัล ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมเราจึงต้องหันไปกินไวน์สักแก้ว ให้ถามตัวเองดูว่ากำลังหิวหรือเปล่า ความหิวทำให้สมองหลั่งเซโรโทนินน้อยลง ส่งผลต่อความสามารถในการควบคุมความโกรธ ดังนั้น หากต้องการหลีกเลี่ยงอารมณ์เสีย จงอย่าอดอาหาร เมื่อรู้สึกวิตกกังวล หากกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือทำอะไรผิด สมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจจะทำงานหนักมาก ทำให้สมองส่วนอื่นๆ ทำงานหนักขึ้นด้วย สมองของคุณจึงทำงานเกี่ยวกับงานในชีวิตประจำวันได้ไม่ดี และอ่อนล้าเร็วกว่าปกติ ยิ่งกว่านั้น ถ้าความกังวลทำให้คุณเครียดมากขึ้น คุณย่อมเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์สูงขึ้นด้วย ให้นั่งลงเขียนสิ่งที่ทำให้คุณวิตกกังวล ซึ่งช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งและทำงานอื่นๆ ได้ อย่าพยายามเก็บงำความวิตกกังวลเอาไว้ เพราะจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น เมื่อรู้สึกอิจฉาริษยา สมองส่วน anterior cingulated cortex จะถูกกระตุ้น และเมื่อคุณเผชิญกับสถานการณ์ทางสังคมที่ทำให้เจ็บปวด เช่น ถูกเพื่อนๆ ตั้งแง่รังเกียจไม่ให้ร่วมวงด้วย สมองส่วนเดียวกันนี้จะถูกกระตุ้นด้วย จึงเป็นเหตุผลอธิบายว่า ทำไมความรู้สึกอิจฉาริษยาจึงก่อให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อ และถ้าคุณเป็นเพศหญิงที่ต้องกินยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วยแล้ว การตอบสนองจะยิ่งรุนแรงขึ้นได้ ความอิจฉาริษยาทำให้สมองของคุณถูกเบี่ยงเบนเพราะความคิดเชิงลบเหล่านั้น ซึ่งเป็นผลเสียต่อการทำงานที่ต้องใช้สมาธิและความตั้งใจ รวมทั้งก่อให้เกิดความเสี่ยง เช่น ระหว่างขับรถ คุณหลุดพ้นจากอันตรายเหล่านี้ได้ ด้วยการเปลี่ยนความคิดมุ่งร้ายให้เบาบางลง ซึ่งการวิจัยของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า การเปลี่ยนความคิดช่วยได้มาก ที่สำคัญต้องเพลาหรือเลิกใช้โซเชียลมีเดียด้วย เพราะกว่าร้อยละ 30 ของผู้ใช้ยอมรับว่า

Read More

คำแนะนำสั้นๆ เพื่อชีวิตที่ยืนยาว (2)

 คำแนะนำสั้นๆ เพื่อชีวิตที่ยืนยาว (2) บทความสั้นกระชับเกี่ยวกับปัญหาและการดูแลสุขภาพที่นำเสนอนี้ คัดเลือกจากหนังสือ A Short Guide to a Long Life เขียนโดยนายแพทย์ David B. Agus, MD ผู้เขียน The End of Illness ซึ่งเป็นหนังสือเพื่อสุขภาพเล่มแรกของเขา และติดอันดับหนึ่งหนังสือขายดีที่สุดของ New York Times David B. Agus เป็นแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งระดับแถวหน้าคนหนึ่งของโลก เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และวิศวกรรมประจำ University of Southern California (USC) และเป็นผู้อำนวยการ Westside Cancer Center และ Center for Applied Molecular Medicine ของ USC รวมทั้งเป็นคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว CBS News บทความที่เราคัดเลือกมานำเสนอคือ... เบบี้แอสไพรินลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง แอสไพรินได้ชื่อว่าเป็นยารักษาโรคเก่าแก่ที่สุดขนานหนึ่งของมนุษย์

Read More

คำแนะนำสั้นๆ เพื่อชีวิตที่ยืนยาว (1)

 บทความสั้นกระชับเกี่ยวกับปัญหาและการดูแลสุขภาพที่นำเสนอนี้ คัดเลือกจากหนังสือ A Short Guide to a Long Life เขียนโดยนายแพทย์ David B. Agus, MD ผู้เขียน The End of Illness ซึ่งเป็นหนังสือเพื่อสุขภาพเล่มแรกของเขา และติดอันดับหนึ่งหนังสือขายดีที่สุดของ  New York Times David B. Agus เป็นแพทย์และนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งระดับแถวหน้าคนหนึ่งของโลก เขาเป็นศาสตราจารย์ด้านการแพทย์และวิศวกรรมประจำ University of Southern California (USC) และเป็นผู้อำนวยการ Westside Cancer Center และ Center for Applied Molecular Medicine ของ USC รวมทั้งเป็นคอลัมนิสต์ของสำนักข่าว CBS News เราประเดิมบทความแรกด้วยเรื่อง ...  ประโยชน์อเนกอนันต์ของยาลดไขมันกลุ่ม statin ปัจจุบันโรคหัวใจยังได้ชื่อว่าเป็นเพชฌฆาตหมายเลขหนึ่งที่คร่าชีวิตคนอเมริกันได้มากที่สุด

Read More

ใช้สมุนไพรใกล้ตัวรักษาโรค

 ใช้สมุนไพรใกล้ตัวรักษาโรคต่อไปนี้เป็นสมุนไพร 10 ชนิด ที่มีสรรพคุณเด่นๆ ในการช่วยรักษาโรคได้อย่างน่าทึ่ง และเป็นเหตุผลที่สมควรอย่างยิ่งในการนำมาปรุงอาหาร  โรสแมรี–ทำให้เนื้อปลอดภัยจากสารก่อมะเร็งระหว่างปรุงอาหาร หากผสมโรสแมรีลงในอาหารจานเนื้อ จะช่วยป้องกันการเกิด heterocyclic amines (HCAs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อได้รับความร้อนสูงมากๆ โดยเฉพาะส่วนของเนื้อแดง (red meat) ได้ชื่อว่ามีความเสี่ยงสูงสุด ผลการวิจัยระบุว่า โรสแมรีป้องกันการเกิดสาร HCA ได้ราวร้อยละ 79 โดยเหตุที่โรสแมรีเป็นสมุนไพรชนิดแข็ง ไม่ใช่อ่อนนุ่ม จึงแนะนำให้เก็บด้วยการนำทั้งกิ่งใส่ในถุงพลาสติกที่มีซิปล็อกสำหรับเก็บในช่องแช่แข็ง และนำไปแช่แข็งก่อน แล้วจึงเด็ดใบมาใช้ตามต้องการ จากนั้นเก็บส่วนที่เหลือในถุงแล้วนำไปแช่แข็งต่อไป ออริกาโน–ลดโคเลสเตอรอลผลการศึกษาหลายชิ้นบ่งชี้ว่า สารสกัดของออริกาโนซึ่งรวมถึง carvacrol ที่เป็นฟีนอลธรรมชาติในออริกาโน มีสรรพคุณในการลดระดับโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างชะงัด ผลการศึกษาของสหรัฐฯ กล่าวว่า สารต้านอนุมูลอิสระของออริกาโนมีประสิทธิภาพสูงกว่าสมุนไพรอื่นๆ อีก 27 ชนิดถึง 20 เท่า ถ้าคุณหาออริกาโนสดไม่ได้ ให้ใช้ marjoram สด ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันแทนได้ ใบกระวาน–ต่อสู้โรคเบาหวานผลการวิจัยยืนยันว่า ใบกระวานมีบทบาทในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งป้องกันปัจจัยต่างๆ เช่น ภาวะโคเลสเตอรอลสูง ที่ทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานประเภทที่สองสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า สาเหตุเป็นเพราะสารโพลีฟีนอลในใบกระวาน เป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติต่อสารต้านอนุมูลอิสระ ใบกระวานสดให้รสชาติฉุนกว่าใบกระวานแห้ง แต่ก่อนใช้ต้องนำมาถูหรือขยี้เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยออกมา เมื่อแห้งแล้วใบกระวานจะหมดความหอมหลังจาก 12

Read More

อายุมากขึ้น … ระวัง inflamm–ageing

 ปัจจุบัน inflamm–ageing เป็นหัวข้อสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยให้ความสำคัญในลำดับต้นๆ  inflamm–ageing เป็นภาวะอักเสบระดับต่ำที่เกิดขึ้นกับร่างกายของคุณเมื่อมีอายุมากขึ้น และเป็นตัวเร่งให้เกิดกระบวนการชราภาพเร็วขึ้น ให้นึกภาพเวลาที่คุณโดนแมลงกัดต่อยหรือถูกแดดเผา แล้วมีอาการผื่นแดงและระคายเคืองตามผิวหนัง แล้วถ้าภาวะนี้เกิดขึ้นกับหลอดเลือด กระเพาะอาหาร ลำไส้ หรืออวัยวะส่วนอื่นๆ ล่ะ พึงสำเหนียกว่าภาวะอักเสบนี้สามารถเชื่อมโยงกับเงื่อนไขความเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับความชราภาพได้ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และสมองเสื่อม ซึ่งอาจทำให้คุณแลดูแก่เกินวัย แต่ต้องย้ำว่าภาวะอักเสบไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป เพราะเป็นส่วนสำคัญของกลไกการป้องกันตนเองของร่างกาย เพื่อให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคต่างๆ ศาสตราจารย์ John Mathers ผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของ Institute for Ageing and Health มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ อธิบายว่า เมื่อภาวะอักเสบเกิดขึ้น มันเป็นการตอบสนองต่ออาการบาดเจ็บหรือติดเชื้อ เมื่อการทำหน้าที่สิ้นสุดลงแล้ว ภาวะอักเสบนั้นจะหายไปเอง แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า เมื่อมีอายุมากขึ้นร่างกายค่อยๆ พัฒนาภาวะอักเสบระดับต่ำอย่างเรื้อรังในระยะยาวเพิ่มขึ้นด้วย “ซึ่งเป็นภาวะอันตราย เพราะการอักเสบก่อให้เกิดความเสียหายต่อโมเลกุลที่ประกอบกันขึ้นเป็นเซลล์” ศาสตราจารย์ Janet Lord ผู้เชี่ยวชาญด้านการชราภาพอย่างแข็งแรง กล่าวว่า คนที่มีอายุยืนยาวถึง 100 ปี อาจเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะอักเสบน้อยกว่า “แต่สำหรับผู้สูงอายุส่วนใหญ่แล้ว ภาวะอักเสบระดับต่ำคือจุดเริ่มต้นของการก่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป” ภาวะอักเสบมีผลต่อร่างกายแต่ละส่วนอย่างไร สมอง–Mathers กล่าวว่า

Read More

ควบคุมความอยาก (อาหาร) ให้อยู่หมัด

 เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ที่ว่า จู่ๆ เกิดนึกอยากอาหารบางประเภทขึ้นมาอย่างติดหมัด ถึงขนาดลงทุนขับรถระยะทางไกลไปยังร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง เพื่อซื้อคุกกี้ยี่ห้อที่เจาะจงต้องมีช็อกโกแลตและครีมสอดไส้อย่างที่ชอบเท่านั้น พฤติกรรมความอยากอาหารนี้ จัดว่ามีความเป็นสากลที่เกิดได้กับทุกคน โดยเฉพาะคุณสาวๆ อายุระหว่าง 18–35 ปี ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่า ทุกคนยอมรับว่าในรอบปีที่ผ่านมา ต่างมีประสบการณ์อยากอาหารอะไรสักอย่างหนึ่งมาแล้วทั่วหน้า  เมื่อเร็วๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์และนักกำหนดอาหาร ได้เปิดเผยกลไกที่ทำให้เกิดความรู้สึกอยากอาหาร และค้นพบวิธีควบคุมความอยาก ทั้งที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้นและในระยะยาวได้ด้วย ความอยาก (อาหาร) คืออะไรMarcia Pelchat, Ph.D., แห่ง Monell Chemical Senses Center ที่ฟิลาเดลเฟีย อธิบายว่า “นักวิจัยส่วนใหญ่ให้นิยามความอยากว่า เป็นความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะบริโภคอาหารนั้นๆ ให้ได้ จนเกือบจะเรียกว่าเป็นความหมกมุ่นก็ว่าได้ คือจะคิดถึงอาหารนั้นๆ อยู่ตลอดเวลา” เธอกล่าวเพิ่มเติมว่า มันไม่ใช่ความหิว “เมื่อคุณรู้สึกหิว อาจมีอาหารที่ชอบเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อาหารที่บริโภคอาจมีความหลากหลายกว่า ขณะที่ความอยากมีความจำหรือความคาดหวังในอาหารนั้นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และทำให้คุณพึงพอใจในเวลานั้น เช่น คุกกี้ยี่ห้อโปรดที่ต้องมีช็อกโกแลตและครีมสอดไส้อย่างที่เคยบริโภคเท่านั้น” ที่สำคัญ ความอยากไม่ใช่การส่งสัญญาณความต้องการอาหารชนิดหนึ่งชนิดใด “แต่เป็นประสบการณ์เชิงจิตวิทยา” ความอยากมาจากไหนผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเห็นพ้องกันว่า

Read More

QC สุขอนามัยของคุณ … ด่วน ! (2)

 ชุดชั้นในสำหรับเล่นกีฬาโยนทิ้งทุก 6-12 เดือนถ้าสวมสัปดาห์ละ 3 ครั้งชุดชั้นในสำหรับเล่นกีฬามีเนื้อผ้าและโครงสร้างที่ทำให้เสียคุณสมบัติการพยุงตัวเร็วกว่าชุดชั้นในทั่วไป เพราะรองรับการใช้งานอย่างหนักนั่นเอง เมื่อรู้สึกว่าชุดชั้นในเริ่มยืด สวมไม่กระชับ หรือป้ายแนะนำวิธีดูแลรักษาซีดจนอ่านไม่ออกแล้ว นั่นคือ การส่งสัญญาณให้ซื้อตัวใหม่ได้แล้ว คำแนะนำ–การซักชุดชั้นในสำหรับเล่นกีฬาด้วยมือ ช่วยยืดอายุการใช้งานได้ แต่ถ้าต้องซักด้วยเครื่องซักผ้า ให้ติดตะขอให้เรียบร้อย และใส่ถุงสำหรับซักชุดชั้นใน เลือกโปรแกรม gentle cycle อาจใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นก็ได้ หลีกเลี่ยงการปั่นแห้งและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ข้อเท็จจริงคือ แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่น เจริญเติบโตได้ดีในเสื้อผ้าที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ เช่น ชุดชั้นในสำหรับเล่นกีฬา ดังนั้น หลังเสร็จจากการเล่นกีฬา ให้ซักทำความสะอาดทันที ฟองน้ำในครัวโยนทิ้งอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งฟองน้ำทุก 9 ใน 10 ชิ้น มีจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยร้ายแรง แม้ในครัวที่เปลี่ยนฟองน้ำทุกสัปดาห์ ฟองน้ำก็ยังมีปริมาณแบคทีเรียที่เป็นเชื้อร้ายอยู่ถึงร้อยละ 80 คำแนะนำ–วางฟองน้ำในที่แห้ง และนำเข้าเตาอบไมโครเวฟนานหนึ่งนาทีทุกวัน เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ร้อยละ 99.9 ยกเว้นฟองน้ำที่มีส่วนผสมของโลหะ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการไหม้ไฟ ให้นำฟองน้ำไปชุบน้ำให้เปียกชุ่มเสียก่อน ข้อเท็จจริงคือ ผลการศึกษาของสภาอาชีวอนามัยปี 2012 ระบุว่า ฟองน้ำในครัวได้ชื่อว่าเป็นเครื่องใช้ในบ้านที่ “สกปรกที่สุด” หมอนโยนทิ้งหลัง 2 ปีหมอนที่ผ่านการใช้งานนานขึ้น ย่อมเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราและไรฝุ่นที่วิเศษสุด โดยเฉลี่ยแล้วหมอนเป็นแหล่งสะสมสปอร์ของเชื้อรามากกว่า

Read More

QC สุขอนามัยของคุณ … ด่วน! (1)

  ตลับใส่คอนแทคเลนส์โยนทิ้งหลัง 3 เดือนเพราะไบโอฟิล์ม (biofilm) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้แบคทีเรียรอดพ้นจากการทำลายล้างของน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้กับคอนแทคเลนส์ ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นภายในตลับ ปัญหาคือไบโอฟิล์มเป็นสารที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แม้ตลับแลดูสะอาดดี แต่ไม่ได้หมายความว่าปลอดไบโอฟิล์ม โดยเฉพาะหลัง 3 เดือนไปแล้ว โอกาสเกิดไบโอฟิล์มมีสูงมาก แบคทีเรียจึงมีที่หลบซ่อนตัวเป็นอย่างดี คำแนะนำ – ให้ล้างตลับทุกครั้งที่คุณนำคอนแทคเลนส์ออกมาใส่ ด้วยการเทน้ำยาเก่าทิ้ง แล้วใช้นิ้วมือสะอาดขัดถูภายในตัวตลับสัก 5 วินาที จากนั้นล้างด้วยน้ำยาใหม่ที่สะอาด และใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง คว่ำตลับลงโดยเปิดฝาตลับทิ้งไว้ เพื่อให้ตลับแห้งสนิท ห้ามใช้น้ำเปล่าล้างตลับแทนน้ำยาเป็นอันขาด เพราะทำให้คุณเสี่ยงต่อการติดเชื้ออะมีบา Acanthamoeba Keratitis ที่ทำให้ตาบอดได้ ข้อเท็จจริงคือ มีผู้ใส่คอนแทคเลนส์ถึงร้อยละ 40 ที่ทำความสะอาดตลับใส่คอนแทคเลนส์น้อยมาก พวกเขาทำความสะอาดด้วยความถี่เพียงสองสามสัปดาห์ต่อครั้งเท่านั้น ! ยาโยนทิ้งทันทีที่หมดอายุโดยเหตุที่ยาเสื่อมสภาพตามเวลา จึงทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพในการรักษาลดลงหรืออาจถึงขั้นเป็นพิษได้ ให้ใส่ใจยาที่หมดอายุเร็ว เช่น ยาหยอดตา ซึ่งหมดอายุหลังจากเปิดใช้งานเพียงไม่กี่สัปดาห์ เพราะนัยน์ตาไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรียเป็นพิเศษ หากต้องการทิ้งยาหมดอายุ ให้นำไปให้เภสัชกรทิ้งแทนการทิ้งลงในอ่างล้างจาน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งไม่ทิ้งลงถังขยะ เพราะเสี่ยงเป็นอันตรายต่อเด็ก สัตว์ป่า และสัตว์เลี้ยง  คำแนะนำ – ให้เก็บยาในที่เย็นและแห้ง

Read More