วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
Home > Cover Story > ไลฟ์สไตล์ กิฟต์ช็อป 8 พันล้าน ไดโซะ มินิโซ โมชิ ชิงเม็ดเงิน

ไลฟ์สไตล์ กิฟต์ช็อป 8 พันล้าน ไดโซะ มินิโซ โมชิ ชิงเม็ดเงิน

นับจาก “ไดโซะ (Daiso)” ร้านขายสินค้าจิปาถะราคา 100 เยนจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาบุกตลาดไทย ผุดสาขาแรกเมื่อปี 2546 ปลุกกระแสร้านค้าไลฟ์สไตล์ สร้างสีสันใหม่ๆ ให้ลูกค้าคนไทย จนกลายเป็นอีกเซกเมนต์ที่มาแรงไม่หยุด โดยคาดการณ์มูลค่าตลาดรวมในปี 2566 เม็ดเงินสูงถึง 5,500 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 6,400 ล้านบาทในปี 2567 แถมปี 2568 จะพุ่งพรวดเป็น 7,400 ล้านบาท ก่อนทะยานไปถึง 8,600 ล้านบาท ในปี 2569

ต้องยอมรับว่า ไดโซะจุดประกายการชอปปิ้งของผู้บริโภคชาวไทยพร้อมๆ กับการเติบโตของกลุ่มคนกำลังซื้อปานกลางที่มีระดับการศึกษาสูงขึ้น เกิดพฤติกรรมการจับจ่ายแนวใหม่ๆ ไม่ใช่แค่กิฟต์ช็อป หรือสินค้าทั่วไป แต่ต้องคุ้มค่า มีดีไซน์ สินค้าทุกชิ้นต้องสะท้อนบุคลิก ความชอบและตัวตน

หลังไดโซะเข้ามาลุยตลาดได้ไม่นานและได้รับความนิยมสูงมาก แบรนด์ต่างๆ จึงกระโดดตามมาติดๆ อย่าง KOMONOYA หรือร้าน 100 Yen Shop ของบริษัท วัตต์ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดร้านค้าราคาเดียวในประเทศญี่ปุ่น จับมือกับกลุ่มเซ็นทรัลตั้งบริษัท ไทย วัตต์ จำกัด เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552  เปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ภายใต้แบรนด์ KOMONOYA สินค้า 60 บาท ทุกชิ้น

สินค้าส่วนใหญ่เป็นของใช้ในครัวเรือนของชาวญี่ปุ่น เช่น เครื่องครัว เบเกอรี่ สินค้าเพื่อความงาม เครื่องแต่งกาย แฟชั่น ของใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์ทำความสะอาด ขนม อาหาร เครื่องปรุงรส ภาชนะบรรจุอาหาร งานฝีมือ กระเป๋าทุกชนิด นอกจากนั้น ในเวลาต่อมากลุ่มเซ็นทรัลยังเปิดตัว MiniMono ชูจุดขายราคาจำหน่ายเริ่มต้น 60 บาทไปจนถึง 300 บาท ทั้งกลุ่มเครื่องสำอาง แอคเซสซอรี เครื่องเขียน แกดเจ็ต อุปกรณ์ในครัว รวมถึงอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง

ขณะที่ช่วงปี 2559 มี 3 ผู้เล่นพร้อมใจบุกสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็น Miniso จากประเทศจีน เน้นจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ราคาย่อมเยาสัญชาติจีน ภายใต้โลโก้กระเป๋าชอปปิ้ง “shopping bag, which is simple but fashionable”

ร้านจัสท์ บาย (Just Buy) ไลฟ์สไตล์ช็อปราคาเดียวของค่ายโรบินสัน และ Moshi Moshi โดยบริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของกลุ่มครอบครัวบุญสงเคราะห์ที่อยู่ในวงการกิฟต์ช็อปมานานกว่า 50 ปี

ทั้งนี้ รายงานประจำปี 2565 ของบริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ระบุข้อมูลของผู้เล่นหลักในประเทศไทย โดยไดโซะมีสาขาในประเทศไทยรวม 107 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และ 28 จังหวัด

มินิโซมีสาขาในประเทศไทย 57 แห่ง อยู่ในกรุงเทพฯ และครอบคลุมพื้นที่ 20 จังหวัด

KOMONOYA เปิดให้บริการแล้ว 36 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงอีก 22 จังหวัด

MiniMono เปิดให้บริการแล้ว 18 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงครอบคลุมอีก 9 จังหวัด ขณะที่จัสท์ บาย เปิดแล้ว 44 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ และ 33 จังหวัด

ส่วน Moshi Moshi ในเวลานั้นมีสาขารวม 99 แห่ง และปัจจุบันมีร้านไลฟ์สไตล์ช็อป Moshi Moshi เพิ่มเป็น 116 สาขา ร้าน GARLIC 1 สาขา ร้าน The OK Station ในตลาดสำเพ็ง ซึ่งเน้นจำหน่ายสินค้ากิฟต์ช็อปและเครื่องเขียนราคาขายส่ง 1 สาขา และร้าน GIANT อีก 1 สาขาในห้างแพลตตินั่มแฟชั่นมอลล์

นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI กล่าวว่า จุดเริ่มต้นธุรกิจของ MOSHI เกิดขึ้นเมื่อปี 2516 จากธุรกิจกิฟต์ช็อปแบบดั้งเดิมของครอบครัว และพัฒนามาเรื่อยๆ มีการเพิ่มสินค้าหลากหลายขึ้น จนมาถึงปี 2557 ที่มีกระแสความนิยมสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงก้าวเข้าสู่ตลาดสินค้ากลุ่มดังกล่าว และตัดสินใจเปิดร้าน Moshi Moshi สาขาแรกอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2559

ปี 2564 มีรายงานวิจัยการตลาดของบริษัทฟรอส์ทแอนด์ซัลลิวัน (ประเทศไทย) (Frost & Sullivan)  ระบุว่า MOSHI เป็นผู้นำผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ของประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาด 37.6% สูงเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน รวมทั้งมีสาขามากสุดในประเทศไทยรองจากร้านไดโซะ

ในแง่สินค้ายังถือว่ามีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากถึง 12 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ในบ้าน (Home Furnishing) กระเป๋า (Bag) เครื่องเขียน (Stationery) ตุ๊กตา (Plush Toy) ของใช้แฟชั่น (Fashion) อุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องสำอาง (Cosmetic) อุปกรณ์ด้านไอที (IT) ของเล่น (Toy) อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink) และหมวดอื่นๆ (Others) โดยมีจำนวนสินค้า (SKUs) รวมกว่า 22,000 เอสเคยู

นายสง่ากล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องและล่าสุดรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 มีรายได้รวม 588.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 459.75 ล้านบาท กำไรสุทธิ 81.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 47.02 ล้านบาท แม้เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันของธุรกิจ แต่สามารถรักษาผลประกอบการจาก  3 ปัจจัยหลัก คือ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ขณะเดียวกันเปิดสาขาใหม่อีก 4 แห่ง และเพิ่มสินค้าใหม่กว่า 3,000 รายการ

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 1,749.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 250.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในใตรมาส 4/2566 คาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่าไตรมาส 3/2566 เพราะเป็นช่วงไฮซีชัน มีวันหยุดยาว ช่วงปิดภาคเรียนและเทศกาลสำคัญ เช่น  คริสต์มาส ปีใหม่ โดยกำลังพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2566 จะเติบโตได้ 30% จากเดิมตั้งไว้ 20% โดยสินค้าตกแต่งบ้านยังเป็นสินค้ายอดนิยม เช่น เทียนหอม และเครื่องหอมต่างๆ รวมทั้งมีแผนเปิดสาขา Moshi Moshi จำนวน 11 สาขา GARLIC จำนวน 2 สาขา

ส่วนปี 2567 มีแผนขยายสาขา Moshi Moshi จำนวน 20 สาขา GARLIC จำนวน 4 สาขา จะทำให้ภายในสิ้นปี 2567 มีสาขา Moshi Mosh รวม 145 สาขา และ GARLIC รวม 7 สาขา นอกจากนั้น เตรียมเปิดสาขาร้านแบบสแตนด์อโลนครั้งแรกที่ภาคเหนือ ทำเลใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นแฟลกชิปสโตร์รองรับการเปิดสาขาแฟรนไชส์ในอนาคต ขณะที่จะเพิ่มสินค้าในร้านมากกว่า 10,000 รายการ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกเซกเมนต์ หรือเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมทั้งคัดเลือกสินค้าเพื่อเจาะช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น ทั้งแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada

บริษัทยังเปิดคลังสินค้าในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พื้นที่ทั้งหมด 21 ไร่ โดยมีการบริหารจัดการสินค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับสินค้า การตรวจสอบคุณภาพสินค้า การคัดแยกสินค้า การประกอบสินค้า จนถึงบรรจุภัณฑ์สินค้า การเก็บสินค้า และขนส่งสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ซึ่งคลังสินค้าสามารถรองรับการขยายสาขาและช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ในอนาคตประมาณ 220 สาขา หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี

ยิ่งไปกว่านั้น ปี 2568 จะเป็นปีที่บริษัทกำหนดเป้าหมายขยายสาขา Moshi Moshi ครบ 165 สาขา และจะดันสาขาออกสู่ต่างประเทศ โกอินเตอร์ด้วย.