วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > Cover Story > บันยัน หัวหินเนื้อหอม พลิกวิกฤตสร้างโอกาสดันยอดขายฉลุย

บันยัน หัวหินเนื้อหอม พลิกวิกฤตสร้างโอกาสดันยอดขายฉลุย

หัวหิน จัดว่าเป็นทำเลทองสำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พื้นที่นี้ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ความนิยมที่เกิดขึ้นเพราะการเดินทางที่สะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งสถานการณ์ก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาปีละเกือบ 4 ล้านคน ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่หัวหินปีละหลายหมื่นล้านบาท

เมื่อมีจำนวนนักเดินทางท่องเที่ยวเข้ามายังหัวหินเพิ่มขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ประกอบการจะมุ่งพัฒนาพื้นที่หัวหิน โดยเฉพาะบริเวณริมหาด ซึ่งนั่นทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวแทบหาไม่ได้แล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเบนเข็มไปยังแนววิวเขามากขึ้น แม้ว่าจะห่างไกลจากจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยว แต่การเดินทางที่สะดวก ทำให้โครงการที่อยู่ในหัวหินยังคงเป็นที่ต้องการ

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส คาดการณ์ว่า พื้นที่ชะอำ หัวหิน ปราณบุรี จะเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญรองจากชลบุรีและระยอง หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย พื้นที่ท่องเที่ยวเช่นหัวหิน จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะโซนหัวหิน ที่มีโครงการจัดสรรจำนวนมาก ทั้งอาคารชุดติดถนนเพชรเกษม วิลล่าโซนภูเขา รวมไปถึงโครงการจัดสรรทั้งที่พัฒนาเพื่อขายคนในพื้นที่ เช่น ทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว ระดับ 1-2 ล้านบาท บ้านแฝดชั้นเดียวระดับราคา 1.6-2.3 ล้านบาท บ้านเดี่ยวชั้นเดียว ระดับราคา 2.3-3 ล้านบาทเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับ “มนุษย์เงินเดือน”

นอกจากผู้ประกอบการไทยอย่าง บมจ. ศุภาลัย บมจ. แอล.พี.เอ็น. ที่มักจะพัฒนาอาคารชุดในพื้นที่ติดชายหาด และได้รับความนิยมอย่างมากแล้ว อีกหนึ่งบริษัทที่ไม่ใช่แค่การพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่สร้างชุมชนที่ดีสำหรับลูกค้า คือ บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี

เทียส ควั๊น ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบันยัน ประเทศไทย เปิดเผยกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่า บริษัทได้เปิดให้บริการ กอล์ฟ คลับมาตั้งแต่ 15 ปีก่อน และบันยัน รีสอร์ท หัวหิน 10 ปีก่อน ทว่า ช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทย จึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการของรีสอร์ตเป็นลักษณะให้เช่ารายเดือน ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากลูกค้าต้องการหนีออกจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ในเวลานั้นการทำงานแบบ Work From Home ถูกนำมาใช้ในทุกองค์กร ซึ่งลูกค้ามีทั้งคนไทย เอเชีย และยุโรป มีอัตราการเข้าพักประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้าบันยันหัวหินพัฒนาโครงการบ้านพักตากอากาศแบบพูลวิลล่าภายใต้ บันยัน เรสซิเดนซ์ จำนวน 110 หลัง ราคาตั้งแต่ 20-60 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันขายแล้ว 71 หลัง ลูกค้าคนไทย 60 เปอร์เซ็นต์ ขายพร้อมโฉนด และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าต่างชาติ ยุโรปเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นการเช่าระยะยาว (ลีสโฮลด์) 90 ปี

ล่าสุดบันยัน หัวหิน เปิดตัว Villa Suasana ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่อยู่สไตล์ทันสมัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดย Villa Suasana เจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ คู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยระหว่าง 137-227 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท

แม้ว่าบันยันจะไม่สามารถปักหมุดลงทุนในพื้นที่ริมหาดได้ ทว่ากลับพยายามสร้างจุดขายที่ไม่ยึดติดกับพื้นที่ ด้วยการชูกลยุทธ์การสร้างชุมชนที่หลายคนใฝ่ฝัน

นั่นคือการสร้างให้พื้นที่ในบันยันเป็นชุมชนสุขภาพดี ด้วยการเปิดบริการ Be well Medical Center คลินิกประจำบ้านที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ สำหรับผู้พักอาศัยในโครงการ พร้อมแพทย์ประจำบ้านมากประสบการณ์ นอกจากนั้น ยังมีบริการรักษาโรคเฉพาะทางจากแพทย์โรงพยาบาลที่ได้รับการยอมรับจากกรุงเทพฯ อีกด้วย

ภาพรวมทิศทางตลาดอสังหาฯ ในหัวเมือง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง ยังคงมีนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญมาจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ รวมถึงความต้องการที่พักอาศัยหลังที่ 2 เพิ่มขึ้น แม้จะมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง ที่อาจจะยังมีความวุ่นวาย ทว่า นักลงทุนต่างชาติกลับไม่ได้มองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากนัก ขณะที่สิ่งที่นักลงทุนกังวลเหนืออื่นใดกลับเป็นเรื่องโรคอุบัติใหม่ เช่น ที่โควิดเคยสร้างหายนะให้แก่เศรษฐกิจทั่วโลก