Content

เฟซบุ๊กกับการสร้างประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ

ประเด็นของเฟซบุ๊กนี่เขียนเท่าไรก็ไม่มีวันหมด เพราะมีประเด็นใหม่ๆ มาให้พูดถึงอยู่เรื่อย ล่าสุดหลังจากเฟซบุ๊กเข้าตลาดพร้อมกับราคา IPO ที่ 38 เหรียญสหรัฐ ราคาก็ค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ นับจากราคาวันเปิดตลาดที่ขึ้นไปสูงสุดถึง 45 เหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มว่าจะลดลงไปเรื่อยๆ อีกจนกว่าหุ้นเฟซบุ๊กจะหาราคาที่สมดุลของตัวเองเจอ แต่ประเด็นเรื่องราคาที่ขึ้นลงอาจจะไม่สำคัญเท่าข้อกล่าวหาที่ว่าเฟซบุ๊กกำลังจะทำลายวัฒนธรรมหลายๆ อย่างของซิลิกอน วัลเลย์ ซิลิกอน วัลเลย์เป็นที่ที่สร้างนวัตกรรมต่างๆ ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นไมโครโปรเซสเซอร์ คอมพิวเตอร์กราฟิก เว็บไซต์ที่ช่วยให้เราสามารถขายสินค้าหรือจ่ายเงินซื้อสินค้ากับคนแปลกหน้า ได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ebay.com หรือ paypal.com และอื่นๆ อีกมากมายเช่นเดียวกับกูเกิลที่เคยเป็นหุ้น IPO ด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดในโลก ที่มิใช่เพียงจะประสบความสำเร็จด้านธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของเราอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยล่าสุดพวกเขาพยายามที่จะทำให้ หนังสือในห้องสมุดทุกแห่งเป็นรูปแบบดิจิตัลให้หมด รวมถึงการสอนให้รถขับเองให้ได้ หลายๆ คนเริ่มตั้งคำถามกับเว็บไซต์อย่างเฟซบุ๊ก Zynga LinkedIn Groupon ว่า พวกเราได้อะไรจากเว็บไซต์เหล่านี้ ในขณะที่มีผลสำรวจว่าเราใช้เวลาออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊กและเว็บไซต์แนวโซเชียลเน็ตเวิร์กจำนวนหลายชั่วโมงต่อวัน ซึ่งดูจะเป็นการเสียเวลาไปโดย เปล่าประโยชน์หรือไม่ ในขณะที่ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆ ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

Read More

อาหาร GMO ปัญหาใกล้ตัวและใหญ่ระดับโลก

เมือง Dendermonde ในเบลเยียม มีการเปิดพิจารณาคดีเกี่ยวกับพืชดัดแปลงตัดแต่งพันธุกรรม (genetically-modified organism (GMO) เมื่อเดือนพฤษภาคม มีนักเคลื่อนไหว 11 คนถูกฟ้องร้องในข้อหา ทำลายแปลงทดลองปลูกมันฝรั่ง GMO? คดีนี้ไม่เพียงเป็นที่สนใจในเบลเยียม แต่ยังเป็นที่สนใจไปทั่วโลก และเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อภาคการเกษตรของไทยด้วย ทั้งที่เป็นคดีความที่เกิดขึ้นในประเทศที่ห่างไกลจากไทย เพราะสาเหตุดังต่อไปนี้ คำถามที่โยงคดีความที่เกิดขึ้นในเบลเยียมกับสถานการณ์ด้านอาหารในไทย คือคำถามที่ว่า “เราจะสร้างความมั่นคงทางอาหารและต่อสู้กับความหิวโหยที่เกิดขึ้นทั่วโลกได้อย่างไร โดยไม่สูญเสียการควบคุมการผลิตและจัดจำหน่ายอาหาร” ประเด็นความมั่นคงทางอาหารเป็นประเด็นสำคัญมากในประเทศอย่างเช่นไทย เพราะความอยู่ดีกินดีของคนไทยจำนวนมากขึ้นอยู่กับภาคเกษตรกรรมที่จะต้องให้ผลผลิตสูงเพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก ด้วย บริบทเช่นนี้จึงมีคำถามเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาว่า ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงในการผลิตพืชพาณิชย์ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหม่ การเกษตรกำเนิดขึ้นในโลกเมื่อประมาณ 5,000-6,000 ปีล่วงมาแล้ว บนผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ระหว่างแม่น้ำไทกริส และยูเฟรติสในตะวันออกกลาง สมัยนั้น สังคมมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม มนุษย์เปลี่ยนวิถีจากการใช้ชีวิตเป็นนักล่าและนักเก็บ ที่ต้องย้ายถิ่นที่อยู่ตลอดเวลาเพื่อหาอาหาร เรียนรู้ที่จะอยู่กับที่และดำรง อยู่ได้ด้วยการเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อการพัฒนาเกษตร ก้าวหน้ามากขึ้น การผลิตอาหารเหลือกิน สามารถนำไปเลี้ยงคนอื่นๆ ได้ ก่อให้เกิดอาชีพหลากหลาย ทั้งหมดนี้คือกระบวนการ ที่หากขาดไปก็คงจะไม่มีเมืองและชีวิตทันสมัยในเมืองเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม

Read More

ดวงอาทิตย์กับความปรวนแปรของโลก

ท่ามกลางภัยพิบัติทางธรรมชาติและความปรวนแปรของภูมิอากาศที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในทศวรรษนี้ ชีวิตคนเดินดินอย่างเราก็มีแต่ความไม่แน่นอนและความสับสนสงสัยว่าต้นสายปลายเหตุมันมาจากอะไรกันแน่ และควรจะปรับตัวไปในทิศทางไหน จึงจะอยู่รอดปลอดภัย ควรจะเชื่อนักวิทยาศาสตร์หรือนักโหราศาสตร์ดี ขณะที่สภาวะเศรษฐกิจและการเมืองกำลังร้อนแรงไปทั่วโลก สภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ร้อนระอุด้วยเช่นกัน ภัยพิบัติรุนแรงที่เกิดขึ้นหลายครั้งได้มีการกล่าวอ้างว่ามีมูลเหตุมาจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) บ้าง รังสีที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์ (sunspots, solar winds, solar storms) บ้าง สนามแม่เหล็กโลกเบี่ยงเบนไปบ้าง และดวงจันทร์ที่เลื่อนลอยออกไปจากแรงดึงดูดของโลกบ้าง เราจึงจำเป็นต้องขุดคุ้ยข้อมูลขึ้นมาจากเว็บไซต์แหล่งต่างๆ และประมวลทำความเข้าใจถึงคำกล่าวอ้างต่างๆ ที่แพร่สะพัดอยู่ว่ามีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน โลกร้อนขึ้น! เพราะรังสีที่ลุกโพลงจากดวงอาทิตย์ หรือการเผาผลาญเชื้อเพลิงของมนุษย์ IPCC ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติออกมาป่าวประกาศ ว่า มีหลักฐานยืนยันมากมายว่าโลกร้อนด้วยฝีมือมนุษย์ แต่ก็มีนักวิชาการอีกกลุ่มหนึ่งเห็นแย้งว่าเหตุที่โลกร้อนขึ้นน่าจะเป็น เพราะรังสีร้อนแรงที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์เสียมากกว่า นักวิชาการกลุ่มหลังนี้ ได้อ้างข้อมูลการสำรวจของยานอวกาศ Ulysses ซึ่งเป็นยานตรวจวัดรังสีดวงอาทิตย์ และสังเกตจุดดับและพายุสุริยะ (sunspots, solar winds) และส่งข้อมูลมายังโลกอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจพบว่า sunspots ที่ผิวของดวงอาทิตย์มีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่อุณหภูมิของโลกก็ร้อนตามไปด้วย ฉะนั้น sunspots เหล่านี้ต้องมีอิทธิพลที่ทำให้โลกของเราร้อนขึ้นเป็นแน่ ปฏิกิริยาการปล่อยรังสีของดวงอาทิตย์ที่นักวิชาการกลุ่มแย้งอ้างถึงนั้น ปรากฏว่ามีขึ้นมีลงเป็นประจำทุกๆ

Read More

แค่ “ทราย” กับ “ทะเล” ไม่โรแมนติก ยังชีพไม่ได้

“ทรายกับทะเล” เป็นคำพูดที่ชวนให้นึกถึงภาพบรรยากาศสวยงามโรแมนติก แต่สำหรับคนชุมชนบ้านกลาง ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดพังงา คือภาพแห่งความทรงจำอันเจ็บปวด เป็นภาพที่คนในชุมชนต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี ลบภาพนั้นทิ้งไป พวกเขาตั้งใจจะไม่ปล่อยให้ภาพนั้นกลับมาเกิดขึ้นอีก ภาพล่าสุดที่ป่าชุมชนบ้านกลางวันนี้ พื้นทรายบริเวณกว้างที่สุดเป็นเพียงลานพักผ่อนริมทะเลขนาดไม่กี่ตารางเมตร สำหรับให้ชาวชุมชนมาทำกิจกรรมหรือพาลูกหลานมาเล่นหรือพักผ่อนชมวิวในยามแดดร่มลมตกหลังว่างจากกิจการงาน ขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลือแปรสภาพกลับมาเป็นป่าชายเลนแนวหนาทึบ จากแผ่นดินยื่นไปในทะเลมากกว่า 300 เมตร รวมพื้นที่กว่า 3,100 ไร่ ทำหน้าที่เป็นแนวชายฝั่งชั้นยอดให้กับชุมชน ทั้งการป้องกันภัยพายุ หรือแม้แต่สึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก กับการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ แหล่งรายได้ของชุมชนบ้านกลางให้ชุมชน หาเลี้ยงตัวเองได้อย่างอยู่ดีมีสุข ไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำงานรับจ้างให้เกิดภาวะขาดแคลนความอบอุ่นในครอบครัว “อาชีพหลักของคนในหมู่บ้านก็จับปลา หาปู วันหนึ่งออกไปไม่กี่ชั่วโมงกลับมาได้เงินเกือบ 2 พันบาท ไม่ต้องไป ทำงานที่อื่นได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว” แม่บ้านวัย 30 ปีรายหนึ่งเล่าด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เธอเล่าว่าสมัยที่เธอยังเด็ก สภาพของชุมชนผิดกับตอนนี้ ไม่มีป่าชายเลน เพราะมีนายทุนเข้ามาทำสัมปทานเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าชายเลน มองไปทางไหนมีแต่ ทรายที่ถูกแยกแร่ออกไปแล้วพ่นเป็นกองดำเลอะไปหมด คนในหมู่บ้านก็มีรายได้จากการเป็นลูกจ้างทำงานในเหมืองแร่ บางรายก็ถึงกับเฟื่องฟู รวมทั้งพ่อของเธอ แต่เมื่อเหมืองแร่เก็บของกลับบ้านก็ทิ้งไว้แต่ ทะเลทราย

Read More

การเข้าถึงตลาดพม่าของสินค้าเวียดนาม

นอกจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ เวียดนามกำลังวิเคราะห์อย่างจริงจังถึงการส่งสินค้าเพื่อเข้าไปตีตลาดอันกว้างใหญ่ในพม่า เว็บไซต์หนังสือพิมพ์อุตสาหกรรมการค้า (เวียดนาม) รายงานว่าตั้งแต่ต้นปี 2555 จนถึงทุกวันนี้ ข่าวการปฏิรูปในพม่า ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนจากทุกประเทศทั่วโลกมากที่สุด บวกกับการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรของออสเตรเลีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา จึงเหมือนการเพิ่ม พลังดึงดูดให้แก่ตลาดนี้ นักลงทุนหลายราย กำลังรอคอยคว้าโอกาส “กระโดด” เข้าพม่า นักธุรกิจเวียดนามไม่ยอมหลุดจากแนวโน้มนี้ สินค้าเวียดนามได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ตามสถิติของสถานเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำพม่า 2-3 ปีมานี้ แต่ละปี มีคณะธุรกิจเวียดนามไปพม่ากว่า 200 คณะ ซึ่งเป็นบรรดาคณะทางการอาศัยการสนับ สนุนช่วยเหลือของสถานเอกอัครราชทูตได้แนะนำคู่ค้า แต่ยังไม่รวมถึงคณะปลีกย่อยที่เดินทางไปด้วยตนเอง ดังนั้นเฉลี่ย 2-3 วัน จึงมีหนึ่งคณะที่เดินทางไปเพื่อพบปะติดต่อ การค้า ฝ่าม ถิ โห่ง ทาญ รองอธิบดีกรมเอเชีย-แปซิฟิก กระทรวงอุตสาหกรรมการค้าเวียดนามเปิดเผยว่าตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ระเบิดที่งานนิทรรศการนานาชาติแห่งหนึ่งเมื่อปี 2548 ประเทศนี้ก็ไม่อนุญาตให้องค์กรต่างประเทศจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในพม่า ตั้งแต่ปี 2553-2555 ทุกปี เวียดนามจะได้รับอนุญาตให้เปิดงานแนะนำสินค้าในพม่า ยิ่งกว่านั้น สินค้าเวียดนามได้รับการต้อนรับจากคนพม่าอย่างอบอุ่น

Read More

สัญญาณจากดอย “ไตแลง”

กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศการตั้งโต๊ะเจรจาสันติภาพระดับสหภาพ ครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุม บก.ภาคสามเหลี่ยม เมืองเชียงตุง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ระหว่างสภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (Restoration Council of Chan State: RCSS) และกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ (Shan State ARMY: SSA) ซึ่งมี พล.ท.เจ้ายอดศึกในฐานะประธาน RCSS เป็นหัวหน้าคณะกับตัวแทนรัฐบาลพม่า มี พล.อ.โซวิน รอง ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. และรองประธานคณะทำงานฝ่ายรัฐบาลพม่าคนที่ 1 เป็นหัวหน้าคณะ ก่อนที่ผู้นำ RCSS/SSA จะเดินทางต่อจากเชียงตุงไปตามเส้นทาง R3b เข้า หารือร่วมกับเจ้าจายลืน หรือจายเริญ ผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 (เมืองลา) บริเวณพรมแดนพม่า-เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน สาธารณรัฐ ประชาชนจีนที่มีข้อตกลงหยุดยิงกับรัฐบาล พม่ามาแล้ว 23 ปี

Read More

“โออิชิ” ยึดตู้แช่ ข้ามสายพันธุ์ ข้ามตลาด

ประมาณกันว่าคนไทยทั้งประเทศ 60 ล้านคน เป็นลูกค้า "โออิชิ" มากกว่า 30 ล้านคน เป็นลูกค้าในทุกกลุ่มอายุตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ และเจาะเข้าถึงครอบครัว ประมาณกันว่าตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (Non-Alcohol) มูลค่า 160,000 ล้านบาท ถ้าไม่นับตลาดหลักๆ อย่างน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลังและโซดาแบ่งเป็นตลาดเครื่องดื่ม อัดลม 35,000 ล้านบาท เครื่องดื่มน้ำผลไม้เกือบ 10,000 ล้านบาท และเครื่องดื่มชาเขียวอีก 8,000 กว่าล้านบาท ทั้งสามกลุ่มคือเป้าหมายที่โออิชิกำลังเร่งส่งเครื่องดื่มข้ามสายพันธุ์จากฐานหลัก “ชาเขียว” เข้าสู่ตลาดที่มีเม็ดเงินเกือบ 60,000 ล้านบาท รออยู่และยังต้องการขยายสู่สินค้าไลน์ใหม่ๆ ที่วางจำหน่ายอยู่บนชั้นตู้แช่ทั้งหมด เป็นเป้าหมายของ “ไทยเบฟ” ตั้งแต่วันแรกที่ซื้อกิจการโออิชิกรุ๊ปเมื่อปี 2551 เพื่อรุกเข้าไปในตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ที่เปรียบเสมือนบลูโอเชี่ยนตัวใหม่ของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” นอกจากการมีบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย การลดความเสี่ยงจากการปรับภาษีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะผู้ผลิต เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่เหล้าเบียร์

Read More

Umbrella campaign น้ำ = เบียร์

“Umbrella campaign” ยุทธศาสตร์ใหม่ของเครื่องดื่มแบรนด์ “ช้าง” มีเบียร์เป็นกลุ่มสินค้าหลักในตลาดรวมที่มีเงินสะพัดมากถึง 1 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดน้ำดื่มมีมูลค่า 20,000 ล้านบาท และตลาดโซดาอีกกว่า 5,000 ล้านบาท ยุทธศาสตร์การทำตลาด 360 ํ ที่พลิกสถานการณ์ตามเงื่อนไขกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอ ฮอล์ พ.ศ.2551 โดยเฉพาะการคุมเข้มกิจกรรมผ่านการเป็นผู้สนับสนุนกีฬาและดนตรี ซึ่งกลายเป็นกลยุทธ์หลักทางการตลาดของสินค้าเหล่านี้ไปเสียแล้ว การทุ่มเงินถึง 500 ล้านบาท เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ (Official Partnership) กับ 2 สโมสรฟุตบอลระดับโลก บาร์เซโลนาและเรอัล มาดริดระยะเวลา 3 ปี และงบทำการตลาด อีก 500 ล้านบาท ซึ่งไทยเบฟมีสิทธิ์นำทีม และโลโกของทั้งสองสโมสรมาใช้ในเชิงพาณิชย์กับผลิตภัณฑ์ของช้าง ต่อยอดจากทีมเอฟ เวอร์ตัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งมีสัญญาผ่านมาแล้ว 7 ปีและต่อสัญญาอีก 2 ปี จึงเป็นความพยายามใช้สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งดึงดูดกลุ่มลูกค้าแบบอยู่หมัด ภายใต้

Read More

จากนักปรุงสูตรลับสู่ “Mixologist”

อาณาจักรธุรกิจอันใหญ่โตของ “เจริญ สิริวัฒนภักดี” มีจุดเริ่มจาก “สุราแม่โขง” เจริญเปลี่ยนจากคนขายของโชห่วยกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจเหล้าขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เส้นทางเริ่มต้นตั้งแต่การจัดส่งสินค้าให้โรงงานสุราบางยี่ขัน ซึ่งทำให้ได้รู้จักกับจุล กาญจนลักษณ์ ผู้คิดค้นสูตรสุราแม่โขง และเถลิง เหล่าจินดา แห่งกลุ่มสุราทิพย์ จนสามารถยึดครองกลุ่มสุรามหาราษฎรของกลุ่มเตชะไพบูลย์ ชื่อบริษัท “ที.ซี.ซี.กรุ๊ป” แท้จริงมาจากชื่อภาษาอังกฤษของทั้งสามคน คือ เถลิง จุลและเจริญ ว่ากันว่า เจริญสามารถกวาดเหล้าคู่แข่งทุกยี่ห้อ ไม่ว่าแม่โขง หงส์ทอง กวางทอง และแสงโสม เข้ามาอยู่ในกำมือ แต่สูตรการปรุง “แม่โขง” ยังเป็นสูตรลับที่ไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ นอกจากจุล จนมาถึง “เดชพงศ์ กาญจนลักษณ์” ทายาทคนเดียวที่จบปริญญาโทวิศวกรรมจากสหรัฐอเมริกาและมารับช่วงต่อในการปรุงสูตรสุราให้ไทยเบฟเวอเรจ ความจริงแล้ว ประเสริฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นผู้คิดค้นสูตรสุราแม่โขง ขณะที่จุลเป็นเพียงเภสัชกรที่ถูกขอยืมตัวมาจากกรมวิทยาศาสตร์ กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อมาเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านผลิตสุราในตอนนั้น ปี 2489 ประเสริฐออกจากโรงงานสุราบางยี่ขันพร้อมทั้งสูตรแม่โขงด้วย จนกลายเป็นเหตุพิพาทกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งประเสริฐอ้างว่า สูตรแม่โขงเป็นของตัวเอง

Read More

เลียบเลาะ “บางยี่ขัน 2” House of Mekhong

ประตูโรงงานสุราบางยี่ขัน 2 เปิดต้อนรับ ผู้จัดการ 360 ํ เพื่อเก็บเกี่ยวประวัติศาสตร์การผลิตเหล้าไทยที่มีอายุยาวนานกว่า 70 ปี แม้ที่นี่ไม่ใช่โรงเหล้าแห่งแรกแต่ถือเป็นมรดกที่ตกทอดจาก “บางยี่ขัน” และปัจจุบันยังคงเป็นโรงงานผลิต “แม่โขง” ออกสู่ตลาดโลก ขณะที่ “แม่โขง” ขวดแรกผลิตที่โรงงานสุราบางยี่ขัน ปากคลองบางยี่ขัน ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเขตบางกอกน้อย ในเวลานั้นมีเป้าประสงค์เพื่อทดแทนการนำเข้าวิสกี้และบรั่นดีในช่วงกระแสชาตินิยม ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ โรงงานสุราบางยี่ขันแห่งแรกเดินเครื่องจักรผลิตเหล้าตั้งแต่ครั้งเริ่มสร้างกรุงเทพมหานคร ในสมัยนั้นถือเป็นสมบัติของนายอากร ซึ่งได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้ผูกขาดผลิตสุราขาวหรือ “เหล้าโรง” ออกจำหน่ายในกรุงเทพมหานคร การผลิตดำเนินเรื่อยมาจนถึงยุคที่ประเทศไทยเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศส เกิดกรณีพิพาทกัน หลวงวิจิตรวาทการได้ประพันธ์เพลงปลุกใจคนไทยให้รักชาติและกล้าเข้าสู่สมรภูมิ ชื่อว่า “ข้ามโขงไปสู่แคว้นแดนไทย” และ “โขงสองฝั่งเหมือนฝั่งเดียวกัน” กรมสรรพสามิตจึงตั้งชื่อสุราปรุงพิเศษ 35 ดีกรีที่ผลิตขึ้นใหม่ในปี 2484 ว่า “แม่โขง” นับตั้งแต่นั้นมา โรงงานบางยี่ขันเปลี่ยนผ่านสังกัดจากกระทรวงการคลังมาขึ้นอยู่กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และเข้าสู่ยุคที่รัฐบาลเปิดให้เอกชนประมูลเช่าโรงงาน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเมื่อปี 2503 ผู้เช่ารายแรกคือ บริษัท สุรามหาคุณ จำกัด โดยจ่ายอัตราค่าเช่าปีละ

Read More