วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
Home > Cover Story > Jobsdb by SEEK กับเทคโนโลยี AI โซ่ข้อกลางเชื่อมตลาดงาน-แรงงาน

Jobsdb by SEEK กับเทคโนโลยี AI โซ่ข้อกลางเชื่อมตลาดงาน-แรงงาน

สถานการณ์ภาพรวมของตลาดแรงงานไทยในปี 2566 ที่ผ่านมา สภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ประเมินว่า อัตราการจ้างงานใหม่ขยายตัวแบบเปราะบางตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ซึ่งตลาดแรงงานของไทยเผชิญปัญหาใหญ่ๆ อยู่ 2 ด้าน คือ 1. การขาดแคลนแรงงานไร้ทักษะที่ต้องพึ่งพิงแรงงานต่างด้าวสูงและมีทักษะ 2. การตกงานของแรงงานจบใหม่ที่วุฒิการศึกษาไม่ตรงต่อความต้องการของนายจ้าง

ขณะที่การจ้างงานและแนวโน้มสังคมโลกปี 2567 จากรายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) หรือ World Employment and Social Outlook Trends: 2024-WESO Trends) ระบุว่า อัตราการว่างงานและจำนวนผู้ว่างงานที่สนใจหางานลดลงต่ำกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19  โดยอัตราการว่างงานทั่วโลกในปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 5.1 ดีขึ้นเล็กน้อยจากปี 2565 ที่อยู่ที่ร้อยละ 5.3 จำนวนผู้ว่างงานที่สนใจหางานทั่วโลกและอัตราการมีส่วนร่วมของแรงงานก็ดีขึ้นในปี 2566

ข้อมูลจาก Jobsdb by SEEK หนึ่งในแพลตฟอร์มหางานอันดับหนึ่งในไทยเป็นไปในทิศททางเดียวกัน อัตราการจ้างงานในครึ่งแรกของปี 2024 มีโอกาสเติบโตมากขึ้นถึงร้อยละ 54 คาดการณ์จากค่าเฉลี่ยจำนวนของประกาศงานบนเว็บไซต์ Jobsdb ต่อเดือนสูงขึ้นร้อยละ 59 และผู้ประกอบการที่มีความต้องการที่จะจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติแสดงให้เห็นว่า อัตราผู้ว่างงานในประเทศไทยต่ำที่สุด นับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา

ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ดุเดือด บริษัทนายจ้างมองหาแรงงานที่ตรงใจ มีทักษะที่ตอบโจทย์ ขณะเดียวกันแรงงานมองหางานที่ให้มากกว่าค่าตอบแทนที่ดี ความมั่นคงในหน้าที่ ความต้องการที่หลากหลายของทั้งสองฝ่ายในตลาดงานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

ล่าสุด Jobsdb by SEEK เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อตอบโจทย์ Better Matches ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ผู้ประกอบการสามารถค้นหาแรงงานและบุคลากรที่ตรงใจได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี และข้อได้เปรียบด้านฐานข้อมูลในระบบ ทำให้ Jobsdb ยังคงเป็นผู้นำของแพลตฟอร์มหางาน ด้วยความแตกต่าง “ถ้าถามทำไมผู้ประกอบการและแรงงานต้องใช้บริการของเรา เราเป็นแพลตฟอร์มหางาน Tech Company ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศออสเตรเลียในปี 2011 และครอบคลุมกว่า 8 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ หรือหากจะบอกว่า Jobsdb มีเครือข่ายอยู่ใน 170 ประเทศทั่วโลกก็คงไม่ผิด” ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK อธิบาย

ในยุคที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของโลกยุคใหม่ หลายอุตสาหกรรมมีการใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือเพื่อให้การทำงานสะดวกมากขึ้น ซึ่งไม่ต่างจาก Jobsdb ที่มีการนำ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มหางาน

“รูปแบบการหางาน หรือหาบุคลากร ยุคก่อนเราจะต้องประกาศรับสมัครตามหน้าหนังสือพิมพ์ แรงงานต้องส่งจดหมาย หรือเดินทางไปกรอกใบสมัครด้วยตัวเอง ขณะที่ฝ่ายบุคคลของบริษัทจะต้องอ่านข้อมูลของผู้สมัครงาน เพื่อคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่ายกว่าจะได้งาน หรือกว่าจะได้บุคคลเข้ามาทำงาน

แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีพัฒนาทำให้เรามีเครื่องมือที่จะช่วยย่นระยะเวลาขั้นตอนของทั้งสองฝ่าย เราใช้ AI มานานแล้ว เพียงแต่ว่าตัวโมเดลถูกปรับปรุง พัฒนาขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆ AI คือระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งที่จะเรียนรู้จากฐานข้อมูลที่อยู่ในระบบ วันแรกที่เราเริ่มนำ AI มาใช้อาจจะยังเรียนรู้ได้ไม่เยอะ ถึงวันนี้มีการพัฒนาไปอีกขั้น วันพรุ่งนี้อาจจะเกิดการพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ๆ อีก แต่ AI จะเก่งขึ้นเมื่อมันถูกทำให้เรียนรู้ฐานข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น ด้วยความที่ระบบของ Jobsdb มีข้อมูลเยอะ ทั้งผู้ประกอบการ แรงงาน ยิ่งมีการใช้งานเยอะ AI จะเรียนรู้จากข้อมูลเหล่านั้น“

ระบบหลังบ้านของ Jobsdb มีความคล้ายคลึงกับแพลตฟอร์มโซเชียล เช่น Facebook Tiktok เมื่อมีการใช้งานจากผู้ใช้ระบบจะจดจำข้อมูลเนื้อหาที่ผู้ใช้งานให้ความสนใจ ต่างกันเพียงแค่ Jobsdb จะอ่านข้อมูลผ่านคุณสมบัติของแรงงานที่ใส่เข้ามาในระบบ

“เราเป็นฐานข้อมูลการประกาศหางานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย คนหาเมื่อเข้ามาในแพลตฟอร์มของเรายังไงก็เจองานที่เหมาะสมแน่นอน เรื่องการ Matching ระหว่างผู้ประกอบการและแรงงาน สามารถทำได้สะดวกขึ้น ด้วยระบบที่เราออกแบบทำให้ข้อมูลที่แรงงานใส่เข้ามาจะถูกนำเสนอไปยังผู้ประกอบการที่ต้องการแรงงาน แต่แน่นอนว่า แรงงานที่ต้องการงานที่ใช่ จึงจำเป็นต้องอัปเดตข้อมูลใหม่ๆ เสมอ เช่น ทักษะหรือประสบการณ์ใหม่ เพื่อให้ระบบ AI สามารถทำงานจับคู่ได้ดีขึ้น”

นอกจากนั้น Jobsdb ใช้กลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างแต่เข้าถึงให้กับผู้ประกอบการและผู้หางานผ่าน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1. Better Matches ช่วยจับคู่การจ้างงานให้ได้คนที่เหมาะสมอย่างง่ายและรวดเร็วด้วยความฉลาดของ AI ในการค้นหา แนะนำและช่วยการคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม  2. Better Experience การจ้างงานไร้รอยต่อทั่วเอเชียแปซิฟิก พร้อมเข้าถึงกว่า 40 ล้านคนที่เป็นบุคลากรระดับเวิลด์คลาส โดยผู้ประกอบการสามารถเพิ่มโอกาสในการค้นหาผู้หางานได้ทุกประเทศในเครือ SEEK และ 3. Better Advice กลยุทธ์เชิงรุกที่เพิ่มประสิทธิภาพในการสรรหาบุคลากรด้วยข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์ของ SEEK ที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับประกาศงานและค่าใช้จ่าย เข้าใจ Demand และ Supply ของตำแหน่งงาน รวมถึงรายงานจากแบบสำรวจและคำแนะนำในการจ้างงานที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้การสรรหาเป็นเรื่องง่ายและสามารถนำไปปรับให้เข้ากับกลยุทธ์การจ้างงาน

เมื่อ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทในหลากหลายอุตสาหกรรม แน่นอนว่าย่อมสร้างความกังวลให้แก่แรงงานที่อยู่ในระบบไม่น้อย ว่าจะถูกแทนที่ด้วย AI หรือไม่ หลายองค์กรเลือกที่จะนำ AI มาใช้แทนแรงงานมนุษย์อย่างสมบูรณ์ในบางตำแหน่ง หรือบางสาขาอาชีพ

ดวงพรมองสถานการณ์ที่ AI เข้ามามีบทบาทในการทำงานของโลกยุคดิจิทัลมากขึ้น โดยให้ความเห็นว่า “ตลาดแรงงานน่าจะมีความกังวลในเรื่องการมาถึงของเทคโนโลยี AI ว่าจะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ แน่นอนว่า AI มี Impact ในเรื่องการพัฒนา แต่สำหรับตลาดแรงงานในไทย AI เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในหลายๆ ด้าน สิ่งสำคัญคือ แรงงานควรจะเรียนรู้ว่าเราจะใช้งาน AI เพื่อเพิ่ม Value ให้ตัวเอง ใช้ AIอย่างไรเพื่อที่จะให้เราโดดเด่นในการเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมกับงานในตลาดนั้น โดยเฉพาะงานด้านครีเอทีฟ สามารถให้ AI ช่วยเพิ่มมูลค่าในสายงานที่เราทำอยู่ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะใช้ AI เป็น แต่คนที่ใช้ AI ได้ย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ถ้าถามว่ามีโอกาสไหมที่ AI จะเข้ามาแทนที่แรงงานเลย มองว่ามียังเป็นงานที่ไม่ได้ต้องการฝีมือแรงงาน หรือทักษะมากนัก”

การหยิบเอาเทคโนโลยี AI มาใช้เป็นฟีเจอร์หลักในแพลตฟอร์มหางาน น่าจะทำให้ Jobsdb แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ฐานข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งเอเชียแปซิฟิก ที่ SEEK ดำเนินงานมาเป็นเวลากว่า 25 ปี น่าจะช่วยให้ทั้งผู้ประกอบการและแรงงานสามารถจับคู่ได้ง่ายยิ่งขึ้น.