วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > Cover Story > KOKO ตำนานความอร่อยแห่งสยามสแควร์ กับการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 27 ปี

KOKO ตำนานความอร่อยแห่งสยามสแควร์ กับการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 27 ปี

ถ้าใครแวะเวียนไปย่านสยามสแควร์น่าจะคุ้นเคยกับร้านอาหารไทย KOKO ที่ตั้งอยู่สยามสแควร์ ซอย 3 กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นร้านอาหารไทยเก่าแก่ที่อยู่คู่สยามสแควร์มานานถึง 27 ปี แต่หลังจากเดินทางมานานร่วม 3 ทศวรรษ ตำนานความอร่อยแห่งนี้กำลังถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ สู่การเป็นร้านอาหารไทยไอคอนิกแห่งสยามสแควร์ ภายใต้การนำของ “ก้องภพ เอื้อศิริทรัพย์” นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ผู้ก่อตั้งนับเงิน กรุ๊ป เจ้าของซาลอนพรีเมียมอย่าง “กีกี้ บิวตี้ สเปซ”

“ในสยามสแควร์ตอนนี้แทบไม่มีร้านอาหารไทยเลย เพราะโดนกลบไปหมดด้วยความเป็นต่างประเทศ ซึ่งอาหารไทยหลากหลายรสชาติไม่แพ้ประเทศอื่น กินได้ไม่เบื่อ แต่ทำไมกลุ่มคนโดยเฉพาะวัยรุ่นถึงมองข้ามสิ่งที่มันโดดเด่นของความเป็นไทย เราอยากทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่รู้สึกภูมิใจกับความเป็นไทยผ่านอาหาร เลยตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร และทำให้อาหารไทยเป็นอีกหนึ่งซอฟต์พาวเวอร์ของไทย” ก้องภพเกริ่นถึงที่มาในการเข้าซื้อกิจการของ KOKO ร้านอาหารเก่าแก่แห่งสยามสแควร์ พร้อมเล่าเพิ่มเติมให้ “ผู้จัดการ 360 องศา” ฟังว่า

ร้าน KOKO (โคโค่) เป็นร้านอาหารไทยที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2539 เดิมทีเน้นเป็นอาหารจานเดียวและมังสวิรัติ แต่หลังจากเปิดมานานเจ้าของร้านเดิมมีอายุมากขึ้นและมีปัญหาสุขภาพ ทำร้านต่อไปไม่ไหวและไม่มีคนสานต่อ ด้วยความที่เห็นความสำคัญของอาหารไทยและศักยภาพทางธุรกิจ ทำให้ก้องภพตัดสินใจเข้ามาซื้อกิจการร้าน KOKO พร้อมรีแบรนด์จาก โคโค่ เป็น โกโก้ ภายใต้การบริหารของบริษัท นับเงินรัวรัว จำกัด ด้วยงบลงทุนถึง 8 หลัก หรือมากกว่า 10 ล้านบาท

“คุณป้าเจ้าของเดิมรู้จักกับพี่สาว (นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์ ผู้บริหารเครือรวยไม่หยุด กรุ๊ป) ที่ทำร้านอาหารในย่านสยามสแควร์อยู่แล้วทั้ง nice to Meat u, Fire Tiger คุณป้าเสียดายแบรนด์ KOKO แต่ท่านเองก็ทำไม่ไหว เลยมาบอกพี่สาว ซึ่งพี่สาวก็ทำไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เพราะเขามีร้านอาหารที่ต้องบริหารเยอะมาก ด้วยความที่ผมเคยช่วยงานร้านอาหารของพี่สาวมาบ้าง เลยตัดสินใจซื้อกิจการร้าน KOKO และรีแบรนด์ครั้งใหญ่ เพื่อเป็นการขยายธุรกิจของนับเงิน กรุ๊ป จากเดิมที่ทำธุรกิจความงามสู่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม”

โดยก้องภพเปิดเผยว่าเริ่มเจรจากับเจ้าของเก่าตั้งแต่ต้นปี 2566 ซื้อแบรนด์ก่อนสงกรานต์ รีโนเวตทั้งหมดในช่วงกลางปี และเปิดตัวอีกครั้งในไตรมาส 3 ของปี 2566 ซึ่งนับว่าใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ต้องบอกว่า KOKO โฉมใหม่มีการปรับเปลี่ยนจากร้านเดิมไปค่อนข้างมาก ทั้งเมนูอาหารและการตกแต่งร้านที่ปรับให้ดูทันสมัยมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียง 1 ชั้นเล็กๆ เน้นอาหารจานเดียวกินเร็วๆ แต่ก้องภพปรับร้านให้มีถึง 3 ชั้น พร้อมห้องคาราโอเกะกว่า 5 แสนเพลง และเพิ่มเมนูอาหารกว่า 300 เมนู

“เมื่อก่อนเมนูเขาเยอะอยู่แล้วแต่เน้นอาหารจานเดียว แต่ตอนนี้เราต้องการทำให้มันเป็นการ sharing แบ่งกันได้ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ทุกความชอบ จะมากับครอบครัว เพื่อน หรือชาวต่างชาติก็ได้ เพราะเรามีทุกอย่างครบ เป็นอาหารไทยรสชาติดั้งเดิมจัดจ้าน เพราะเราอยากส่งต่อความเป็นไทยแบบดั้งเดิมให้กับผู้บริโภค ตั้งแต่เปิดมาประมาณ 3 เดือน เมนูเพิ่มทุกวัน เราเป็นคนชอบกินอยู่แล้ว กินอะไรก็อร่อย เลยอยากลองทำเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ดูเทรนด์ว่าเป็นอย่างไร และมานำเสนอให้กับลูกค้า” ก้องภพกล่าวเสริม

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้าน KOKO นั้น เหมือนกับคอนเซ็ปต์ของ กีกี้ บิวตี้ สเปซ (KIKI Beauty Space) ซาลอนพรีเมียมในเครือของนับเงิน กรุ๊ป ที่ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ซอย 3 เช่นเดียวกัน ในขณะที่ กีกี้ บิวตี้ สเปซ เลือกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามและเส้นผมระดับท็อปแบรนด์จากทั่วโลกมาใช้ KOKO เองก็วางโพสิชันเป็นร้านอาหารไทยพรีเมียม ที่เลือกเมนูเด็ดๆ จากหลายที่มารวมไว้ในร้านเดียว โดยมีจุดขายอยู่ที่ความหลากหลายของอาหาร รสชาติไทยแบบดั้งเดิม และวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ส่วนกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่คนทำงาน ครอบครัว และชาวต่างชาติเป็นหลัก

คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไม KOKO ถึงเลือกโฟกัสที่กลุ่มพรีเมียม ซึ่งก้องภพตอบข้อสงสัยนี้ว่า จริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจโฟกัสแค่กลุ่มพรีเมียม เพราะไม่ได้แค่อยากขายของแพง แต่เนื่องจากทางร้านให้ความสำคัญกับคุณภาพ เลือกใช้วัตถุดิบที่ดี ทั้งโลเคชัน การบริการ และพนักงาน ทำให้ต้นทุนสูง จึงไม่สามารถขายในราคาแมสได้นั่นเอง

ปัจจุบัน KOKO มีเมนูอาหารมากกว่า 300 เมนู ทั้งอาหารภาคกลาง ใต้ และอีสาน ใช้วัตถุดิบจากแหล่งต้นกำเนิด เช่น เมนูตำเส้นข้าวเปียก นำเส้นข้าวเปียกมาจากนครพนม น้ำปลาร้าจากอีสาน รวมถึงเชฟที่ทำเมนูอาหารอีสานก็เป็นคนอีสานเช่นกัน โดยเมนูอาหารแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักๆ คือ

ออริจินัล เลิฟ (Original Love) เมนูฮิตของร้าน KOKO เดิม เช่น กุ้งพริกขี้หนู เห็ดนางฟ้าสามรส และก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณ เป็นต้น

นิว เลิฟ (New Love) เมนูที่รังสรรค์ขึ้นใหม่โดยใส่ลูกเล่นและเสน่ห์ของอาหารไทยอีกกว่าร้อยเมนู

อินเตอร์เนชั่นแนล เลิฟ (International Love) เมนูอาหารไทยในตลาดโลก อย่าง เมนูสตรีทฟู้ด ผัดไทย แกงทุเรียนทองคำ (Golden Durian Curry) จากเนื้อทุเรียนดิบ เป็นต้น

เป้าหมายในการเข้าซื้อกิจการร้าน KOKO นอกจากเป็นการขยายธุรกิจของนับเงิน กรุ๊ป แล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายใหญ่ของก้องภพคือการทำให้นับเงิน กรุ๊ป ก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้าน Beauty & Lifestyle ของไทย โดยมีแบรนด์กีกี้เป็นเรือธงด้านความงาม ส่วนด้านไลฟ์สไตล์นั้นเขามองว่า “อาหาร” คือหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้คน ดังนั้นการรุกเข้าสู่ธุรกิจอาหารจึงเป็นการเติมภาพของการเป็นผู้นำธุรกิจ Beauty & Lifestyle ให้กับนับเงิน กรุ๊ป ให้ชัดเจนขึ้นได้อย่างแน่นอน

ไม่เพียงเท่านั้น การปรับโฉม KOKO ในครั้งนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญในการผลักดันให้สยามสแควร์เป็น “World Food Destination” ร่วมกับเครือรวยไม่หยุด กรุ๊ป เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง nice to Meat u, Fire Tiger, Mill Toast House, Dosan Dalmatian by Mammamia ที่สร้างความสำเร็จในย่านสยามสแควร์มาแล้ว เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าให้เข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับแผนธุรกิจนับจากนี้ ก้องภพมีแผนขยายสาขาร้าน KOKO เพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มจากพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ ก่อน โดยตั้งเป้ารายได้ของปี 2567 ไว้ที่ 100 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอาจมีการซื้อแบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาเปิดเพิ่มเติม แต่ต้องขึ้นอยู่กับตลาดและโอกาสที่เข้ามา นอกจากนี้ ยังมีแผนผลักดันพอร์ตฯ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้ขึ้นมาเทียบเท่ากับธุรกิจความงามให้ได้ภายในปี 2569 โดยปัจจุบันสัดส่วนธุรกิจความงามกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของนับเงิน กรุ๊ป อยู่ที่ 80:20

ซึ่งก้องภพทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ร้าน KOKO ตอนนี้โฟกัสคุณภาพเป็นหลัก ทั้งระบบการทำงานและเมนูต้องให้เป๊ะที่สุดก่อน การขยายต้องคอยจังหวะเราไม่รีบ ถ้าเป๊ะแล้วขยายมันไม่ยาก ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอาจมีการซื้อแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาเปิดเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับโอกาส ตอนนี้อาจยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเปิดอะไร แต่ที่บอกได้แน่ๆ คือ ถ้าเปิดอะไรแล้วมันต้องเป็นของที่ดีจริงๆ”.