วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
Home > New&Trend > ยูนิลีเวอร์ ปรับสูตร “วอลล์ เทคโฮม” ครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมชูจุดยืนรักษ์โลกกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกน้อยลง

ยูนิลีเวอร์ ปรับสูตร “วอลล์ เทคโฮม” ครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมชูจุดยืนรักษ์โลกกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกน้อยลง

ยูนิลีเวอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำ พัฒนานวัตกรรมที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง ปรับสูตร “วอลล์ เทคโฮม” ครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมชูจุดยืนรักษ์โลกกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกน้อยลง

ยูนิลีเวอร์ เดินหน้าภารกิจในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์โดยมีผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ พร้อมทั้งสานต่อการทำสิ่งดีๆ ผ่านวอลล์ประเทศไทย เปิดตัว “วอลล์ เทคโฮม” โฉมใหม่กับการปรับสูตรครั้งแรกในรอบ 10 ปี เพิ่มปริมาณนมผงขาดมันเนย รสชาติเข้มข้นและเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มกว่าที่เคย โดยมาในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นกับปริมาณพลาสติกที่ลดลงจากเดิมถึง 16% ตอกย้ำความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการมอบคุณค่าให้กับผู้บริโภคควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับทุกคนในสังคมอย่างแท้จริง

นายอะบิจิต กุลคาลนิ ผู้อำนวยการธุรกิจไอศกรีมประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์มุ่งส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี โดยตลอดระยะเวลากว่า 90 ปีที่อยู่เคียงข้างสังคมไทย ยูนิลีเวอร์ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเป็นสำคัญ การปรับโฉมครั้งแรกในรอบทศวรรษของ ‘วอลล์ เทคโฮม’ ไอศกรีมอันดับ 1 ที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนานในครั้งนี้ ทั้งการปรับสูตรใหม่ด้วยการเพิ่มปริมาณนมผงขาดมันเนย รสชาติเข้มข้นและเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มกว่าที่เคย และการลดการใช้พลาสติกในแพคเกจจิ้ง ตอกย้ำการใส่ใจในการส่งต่อรสชาติที่ดีพร้อมคุณค่าทางโภชนาการให้กับผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการสานต่อภารกิจด้านความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมด้วยการลดการใช้พลาสติก และเพิ่มการใช้พลาสติกที่มีคุณภาพดีขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2582”

ทั้งนี้ ‘วอลล์ เทคโฮม’ สูตรใหม่ ได้เพิ่มปริมาณนมผงขาดมันเนยมากกว่า 1% เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้มข้นพร้อมเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่มยิ่งกว่าที่เคย และด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้พลาสติกลงถึง 16% คาดว่าจะช่วยลดปริมาณพลาสติกได้มากถึงปีละ 150 ตัน เทียบเท่ากับปริมาณการปล่อยคาร์บอนที่ลดลงถึง 900 ตัน และด้วยรูปทรงใหม่ยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บได้สูงสุดถึง 9.8% ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งผลิตภัณฑ์ระหว่างโรงงานไปยังโกดังเก็บสินค้าได้ถึง 22 ตันต่อปีอีกด้วย