วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > Cover Story > จากบ้านช่างทอง สู่ “ออสสิริส” ความลงตัวของศิลปะกับนวัตกรรมการลงทุน

จากบ้านช่างทอง สู่ “ออสสิริส” ความลงตัวของศิลปะกับนวัตกรรมการลงทุน

ชื่อของ “ออสสิริส” อาจจะไม่คุ้นชินในวงกว้างนัก แต่ถ้าในแวดวงของทองคำแล้ว ร้านทองออสสิริส (AUSIRIS) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจค้าทองคำแท่งเพื่อการลงทุนรายแรกในประเทศไทย ที่ผสานศิลปะและความงามของทองเข้ากับนวัตกรรมการลงทุนได้อย่างลงตัว

“ผู้จัดการ 360 องศา” ชวนมาทำความรู้จักกับ “ออสสิริส” ผ่านการบอกเล่าของ คุณฟ้า-ฐิติรัตน์ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์ (CBO) กลุ่มบริษัท ออสสิริส จำกัด บุตรสาวของ “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ออสสิริสให้รู้จักเป็นวงกว้าง

ซึ่งเธอเกริ่นว่ากว่าจะมาเป็นออสสิริสอย่างในปัจจุบันนั้น ล้วนผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนาน จากช่างทองโบราณซึ่งเป็นกิจการเล็กๆ ของครอบครัว สืบทอดและส่งต่อมาถึง 4 ช่วงอายุคน จนมาสู่นวัตกรรมการลงทุนทองคำยุคใหม่ โดยมีจุดกำเนิดมาจากร้านทองเล็กๆ ในจังหวัดเพชรบุรี

พ.ศ. 2460 ร้านทองร้านแรกของตระกูลถือกำเนิดขึ้นที่ บ้านต้นโพธิ์ จังหวัดเพชรบุรี ถือเป็นยุคแห่งการบุกเบิกธุรกิจทองคำของครอบครัว ก่อนที่จะขยายสาขาไปยังจุดต่างๆ ทั่วจังหวัด กระทั่ง พ.ศ. 2530 ในยุคของเจเนอเรชันที่ 2 จึงเริ่มขยับเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ด้วยการเปิดกิจการร้านทองในชื่อ “ห้างทองไท้ฮั้ว” ขึ้นเป็นร้านแรก ตามติดมาด้วยการก่อตั้ง “บ้านช่างทอง” ร้านค้าส่งทองรูปพรรณขึ้นที่ย่านเยาวราช ศูนย์กลางแห่งการค้าทองของเมืองไทยในอีก 2 ปีถัดมา ซึ่งไม่เพียงเป็นการนำธุรกิจทองคำของครอบครัวเข้าสู่เมืองหลวงเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะธุรกิจจากช่างทองมาเป็นผู้ค้าทองอย่างเต็มตัวอีกด้วย

“บ้านช่างทอง” เป็นร้านขายส่งทองรูปพรรณรายใหญ่ และยังเป็นผู้บุกเบิกตลาดทองคำรูปพรรณ 99.99% รายแรก เนื่องจากทองรูปพรรณในเยาวราชนั้นตัวเลขค่าความบริสุทธิ์อยู่ที่ 96.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งเยาวราช

โดยสินค้าของบ้านช่างทองประกอบด้วยทองคำ 96.5% และทองคำ 99.99% ทั้งสร้อย แหวน จี้ ต่างหู ทองแท่ง รวมถึงงานสั่งทำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นใบทะเบียนสมรสทองคำ รูปสัตว์ต่างๆ ที่บรรจุในกรอบรูป และป้ายบริษัททองคำบรรจุในกรอบรูป เป็นต้น

ปัจจุบันบ้านช่างทองอยู่ภายใต้การบริหารงานของเจเนอเรชันที่ 3 ของตระกูล และเป็นผู้นำในตลาดค้าส่งและค้าปลีกเครื่องประดับทองคำและอัญมณีที่เป็นที่ยอมรับในวงการ

จุดเริ่มต้นของออสสิริสทองคำแท่งเพื่อการลงทุนเจ้าแรกของไทย

“ฟ้าจำได้ตอนเด็กๆ ถ้าไม่ไปโรงเรียนก็ต้องไปเสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าที่ร้านบ้านช่างทองตรงเยาวราช เป็นตึกใหญ่มีทั้งอากง อาโกว คุณพ่อ เป็นกงสีทุกคนอยู่รวมกัน ตอนนั้นเป็นร้านขายส่งทอง ลูกค้าเขาก็จะมาซื้อทองของเรา ซื้อเป็นถาดๆ เลย แล้วก็เอาไปชั่งน้ำหนัก แล้วค่อยไปขายต่อที่ร้านของเขา แต่ตอนนี้คนที่ดูแลบ้านช่างทองคือคุณลุงเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่แยกออกมาทำออสสิริส”

จากบ้านช่างทอง “บุญเลิศ สิริภัทรวณิช” หนึ่งในทายาทของบ้านช่างทองและเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงทองคำมาตั้งแต่เด็ก ตัดสินใจออกมาเปิดอีกหนึ่งธุรกิจในชื่อ “บริษัท ออสสิริส จำกัด” ในปี 2548 โฟกัสการจำหน่ายทองคำแท่งเพื่อการลงทุนและเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนทองคำแท่งแห่งแรกในประเทศไทย

ซึ่งบุญเลิศเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ทองคำเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงในหลากหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อสวมใส่ เป็นของกำนัล สะสมเพื่อความมั่งคั่ง และลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน จึงมองเห็นโอกาสและเชื่อว่าร้านทองในอนาคตต้องมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อรองรับความต้องการของตลาด อีกทั้งการมีธุรกิจที่แบ่งกระจายความเสี่ยงจะสร้างความบาลานซ์ของธุรกิจครอบครัว ทั้งในแง่ของความเข้มแข็งและรากฐานที่มั่นคง

“ออสสิริสตอนแรกที่มาเปิดทำแค่ทองเพื่อการลงทุนอย่างเดียว เราฉีกเลย จะได้ไม่ต้องซ้ำกับตลาดเดิมที่บ้านช่างทองทำ เพราะบ้านช่างทองเขาทำขายส่งอยู่แล้ว ร้านที่เพชรบุรีเราเป็นหน้าร้าน พอเรามีช่างในมือเยอะมากขึ้น เลยมาทำบ้านช่างทอง ตอนนั้นเป็นร้านค้าส่งทองทองรูปพรรณยังไม่มีทองแท่ง ออสสิริสเป็นทองแท่งเพื่อการลงทุนเจ้าแรก”

คุณฟ้าเสริมว่าเทรนด์การลงทุนทองแท่งเริ่มมาในยุคผู้เป็นพ่ออย่างบุญเลิศ เพราะก่อนหน้านั้นคนไทยยังไม่เก็บเป็นทองแท่ง แต่เน้นเก็บเป็นทองรูปพรรณ นั่นทำให้ช่วงแรกบุญเลิศต้องเข้ามาสร้างความเข้าใจให้กับตลาด เพื่อแนะนำเรื่องการลงทุนในทองแท่งให้เป็นที่รู้จัก โดยเลือกกลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในทรัพยากรอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว จนกระทั่งตลาดเปิดรับและเป็นอีกหนึ่งเทรนด์การลงทุนที่กำลังได้รับความนิยม

ปี 2552 ออสสิริสยกระดับการลงทุนทองคำแท่งให้เข้าสู่โลกออนไลน์ และเปิดตัวโปรแกรมออมทองออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ต่อมาในปี 2554 ได้นำทองคำแท่งเข้าสู่กระดานซื้อขายหลักทรัพย์ โดยเป็นผู้ผลิตทองคำแท่งให้กองทุน ETF และในปี 2555 ออสสิริสได้เปิดตัวแอปพลิเคชันซื้อขายทองคำแท่งสำหรับ iPhone และ iPad เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ธุรกิจทองรูปพรรณอีกครั้งด้วยการเปิดตัว บริษัท ไอริส โกลด์ จำกัด แบรนด์ผู้ออกแบบ ผลิต และจำหน่ายเครื่องประดับทองคำรูปพรรณ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ในยุคปัจจุบัน

นอกจากนั้น ยังได้เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ แห่งใหม่ใจกลางสีลม ณ ห้างสรรพสินค้าสีลมคอมเพล็กซ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Gold Shop Next Gen” รวมทุกความต้องการด้านทองคำ ทั้ง “ซื้อ – ออม – เทรด” ทั้งการซื้อทองคำรูปพรรณ ทองคำแท่งเพื่อการลงทุน ทองคำแท่งเพื่อใช้เป็นของกำนัลหรือสะสม การลงทุนทองคำแท่งผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงบริการออมทองที่กำลังมาแรง

สร้างความต่างด้วยบริการ ดีไซน์ และทองคำแท่งขนาด 0.3 กรัม

คุณฟ้าอธิบายเพิ่มเติมว่าการลงทุนทองเป็นสิ่งตายตัวที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะราคาทองเป็นราคากลาง เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้คนรู้สึกอยากเป็นลูกค้าต้องหาอะไรที่แปลกใหม่จากตลาด ออสสิริสจึงเน้นเรื่องการให้บริการที่ครบจบในที่เดียว มีการนำนวัตกรรมต่างๆ มาใช้ รวมถึงดีไซน์ของตัวผลิตภัณฑ์ที่ต่างออกไป

“เราพยายามทำให้ลูกค้ามาที่นี่แล้วได้ทุกบริการที่เกี่ยวกับทองให้ครบจบที่เดียว และสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าว่าเราไม่ทิ้งไม่เทแน่นอน ทั้งการมีหน้าร้าน มีช่องทางให้ข้อมูล และให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า ด้านทองสวยงามของเราก็แตกต่าง คนทำทองแท่งเจ้าอื่นๆ เขาก็กำหนดไปเลยว่า น้ำหนัก 1 บาท 2 บาท 1 สลึง 2 สลึง แต่เราตีเป็นหน่วยกรัม ย่อยออกมาเป็นกรัมให้คนรู้สึกว่ามันถอนออกมาเป็นทองได้เร็วขึ้น ตอนแรกทำเป็น 1 กรัม ต่อมาย่อยเป็น 0.6 กรัม ตอนนี้ 0.3 กรัม 500-600 บาทก็ซื้อได้แล้ว”

“คนสมัยนี้เล่นโซเชียลก็อยากโชว์ เราต้องทำอะไรให้รองรับตรงนี้ด้วย เช่น ทำทองให้มันสวยมากขึ้น คนก็อยากโพสต์อวด ตอนนี้คนรอบตัวฟ้าจะซื้อของขวัญให้พ่อแม่ก็ซื้อเป็นทองแล้ว ถือว่าเรา success ประมาณหนึ่งนะ ที่ทำให้เพื่อนเราที่เป็นแฟชั่นจ๋าๆ ซื้อทองให้พ่อแม่ได้ เขาอาจจะเอารูปพ่อแม่มาใส่การ์ด หรือทำอะไรก็ได้ที่มันตอบโจทย์ความชอบของเขา”

นอกจากตัวทองคำแท่งและทองรูปพรรณที่มีดีไซน์ที่สวยงามตามสมัยแล้ว สำหรับบริการออมทองของออสสิริสก็แตกต่างจากตลาดเช่นกัน เพราะใช้การออมแบบ DCA หรือเฉลี่ยการซื้อทองในแต่ละเวลาเพื่อให้ลูกค้าคุ้มค่าที่สุด ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ใช่ทุกเจ้าจะมี

โดยออสสิริสจะตัดยอดเงินออมผ่านระบบตัดบัญชีอัตโนมัติทุกต้นเดือน ใช้เงินออมเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทต่อเดือน จากนั้นนำเงินมาหารเฉลี่ยด้วยจำนวนวันทำการของเดือนนั้นๆ และนำเงินที่เฉลี่ยได้มาซื้อทองคำให้อัตโนมัติทุกวันทำการ โดยซื้อทองคำด้วยราคาสมาคม ณ เวลา 16.00 น. ทุกวันทำการ โดยทองคำที่ซื้อเป็นทอง 96.5% และพอถึงสิ้นเดือนรับอีเมล ใบสถานะน้ำหนักทองสะสมพร้อมราคาเฉลี่ยประจำเดือน เมื่อออมทองสะสมครบ 0.3 กรัม (0.019685 บาท) แจ้งขอรับทองจริงได้เลย หรือขอขายคืนรับเป็นเงินโอนเข้าบัญชีก็ได้ หรือสะสมต่อไปเรื่อยๆ แทนการเก็บเงินก็ได้

“เหมือนเราจ่ายค่ารายเดือนอะไรสักอย่าง แต่มันมีสิ่งที่ได้กลับมา สมมุติเราตัดผ่านบัญชีทุกเดือน เดือนละ 1,000 บาท สะสมไปเรื่อยๆ ก็แปลงเป็นน้ำหนักทองสะสมไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ทองผันผวนเร็ว ปีหน้าก็ได้กำไรแล้ว”

ปัจจุบันออสสิริสมีฐานลูกค้าที่เข้ามาเปิดบัญชีออมทองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทางแบรนด์จะทำการตลาดกับทั้ง 2 กลุ่มลูกคือ หนึ่งกลุ่มลูกค้าใหม่เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าและขยายตลาด เพราะคุณฟ้ามองว่า จริงๆ คนรุ่นใหม่มีศักยภาพในการลงทุนอยู่แล้ว อย่างการซื้อของแบรนด์เนมหรือเครื่องประดับราคาแพง หน้าที่ของออสสิริสคือการแนะนำให้ลูกค้ากลุ่มนี้รู้จักการลงทุนในทองคำมากขึ้น

อีกหนึ่งกลุ่มคือ กลุ่มลูกค้าเดิมเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่า เพราะออสสิริสตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าทุกเจเนอเรชัน โดยการสร้างความเข้าใจและการเข้าถึงทองคำผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ

ดังนั้น เราจึงได้เห็นกลยุทธ์การตลาดจากออสสิริสผ่านช่องทางต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ใจกลางสีลมที่เพิ่งเปิดตัวไป แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการพัฒนาแอปพลิเคชันในการให้บริการเกี่ยวกับทองคำแบบครบจบในแอปฯ เดียวทั้งการซื้อ – ออม – เทรด ให้สอดคล้องกับการบริการหน้าร้าน ซึ่งออสสิริสกำลังพัฒนาอยู่ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในปลายปีนี้

ซึ่งคุณฟ้าในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายแบรนด์มองว่า นี่คือสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับออสสิริสและแวดวงทองคำ ถือเป็นการผสานนวัตกรรมการลงทุนเข้ากับศิลปะของทองคำที่มากขึ้นอีกหนึ่งขั้น.