วันเสาร์, กรกฎาคม 27, 2024
Home > Cover Story > “ณ สัทธา” จากหุ่นขี้ผึ้ง สู่ต้นแบบของงานแสดงไฟ

“ณ สัทธา” จากหุ่นขี้ผึ้ง สู่ต้นแบบของงานแสดงไฟ

“Nasatta Light Festival” งานแสดงไฟที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน มาตั้งแต่ปี 2561 โดย “ณ สัทธา อุทยานไทย” กลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่หลายๆ คนเฝ้ารอที่จะได้เข้าไปชมการจัดแสดงไฟที่ยิ่งใหญ่แห่งปีนี้สักครั้ง และนั่นทำให้ชื่อของ ณ สัทธา อุทยานไทย กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะต้นแบบการจัดงานแสดงไฟของเมืองไทย และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดราชบุรี

ถ้าจะกล่าวว่า “ณ สัทธา อุทยานไทย” หรือชื่อเดิมคือ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม เป็นสถานที่ที่เกิดมาจากความศรัทธาก็คงไม่ผิดนัก เพราะจุดเริ่มต้นของ ณ สัทธา อุทยานไทย เกิดขึ้นจากความตั้งใจของเจ้าของโรงหล่อพระพุทธรูปที่มีถิ่นฐานอยู่ย่านบ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี ซึ่งมีโอกาสได้ไปเห็นหุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ ที่สร้างจากขี้ผึ้งโดยพิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ แห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประกอบกับเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นทุนเดิม จึงเกิดแรงบันดาลใจในการสร้างหุ่นขี้ผึ้งพระอริยสงฆ์สำคัญๆ ขึ้น

แต่ด้วยเมืองไทยมีอากาศร้อนไม่สามารถปั้นเป็นหุ่นขี้ผึ้งได้ทั้งหมด ช่างและทีมงานเพื่อหาวิธีและวัสดุอื่นมาทดแทน ซึ่งใช้เวลาทดลองนานกว่า 5 ปี จนมาลงตัวที่ไฟเบอร์กลาสและมีขี้ผึ้งเป็นหนึ่งในขั้นตอนการทำ ซึ่งเรียกว่า “หุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส” และได้ทดลองปั้นหุ่นรูปแรกขึ้นมาคือ “หลวงปู่โต๊ะ”

หลังจากนั้นเขาจึงตัดสินใจร่วมกับเพื่อนเปิด “พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย” ขึ้นเป็นแห่งแรกที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม จนสร้างชื่อเสียงและกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย กระทั่งปี 2549 จึงได้มาเปิดเพิ่มอีกหนึ่งแห่งเป็นของตนเองที่จังหวัดราชบุรีในชื่อ “อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม” สำหรับจัดแสดงผลงานหุ่นขี้ผึ้งบนพื้นที่กว่า 42 ไร่ เพื่อเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ถ่ายทอดเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของไทย และเพื่อเป็นสถานที่ที่ผู้คนได้มีโอกาสมาสักการะพระอริยสงฆ์ เยี่ยมชมบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ผ่านหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาส

อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ผู้ก่อตั้งได้ใช้ประสบการณ์จากงานหล่อพระและทำหุ่นขี้ผึ้งมาสร้างสรรค์ผลงานและจัดสรรพื้นที่จัดแสดงให้ดูน่าสนใจ ที่นอกจากได้เยี่ยมชมหุ่นขี้ผึ้งแล้ว ยังได้เรียนรู้เรื่องของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมเพิ่มเติมอีกด้วย โดยมีการจัดแสดงแยกเป็นโซนต่างๆ เช่น วิหารพระพุทธรูป 3 สมัย (อู่ทอง, สุโขทัย, เชียงแสน), เรือนไทย 4 ภาค, กุฏิพระสงฆ์ ที่จัดแสดงหุ่นพระอริยสงฆ์ที่น่าเลื่อมใสในภูมิภาคต่างๆ มาไว้ในที่เดียว, ถ้ำจำลองที่จำลองบรรยากาศของถ้ำอชันตาในอินเดียมาแสดงเรื่องราวพุทธชาดก รวมไปถึงการจัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสของบุคคลสำคัญต่างๆ เช่น ศาสตราจารย์ ม.ล. ปิ่น มาลากุล, ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ และสืบ นาคะเสถียร เป็นต้น

แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปการบอกเล่าเรื่องราวในรูปแบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพอ ดังนั้น หลังเปิดให้บริการต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจมานานร่วม 10 ปี ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2558 จึงถึงเวลาที่อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามต้องปิดปรับปรุงครั้งใหญ่เพื่อปรับตัวให้ทันกับยุคสมัย ก่อนจะกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2561 พร้อมภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันมากขึ้น ภายใต้ชื่อใหม่อย่าง “ณ สัทธา อุทยานไทย”

และไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่สิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปหลังจากการปิดปรับปรุง คือ เทคนิคการเล่าเรื่องที่ทันสมัยและน่าสนใจมากกว่าเดิมสู่การเป็นอุทยานการเรียนรู้สมัยใหม่ โดยมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เข้ามาใช้ในการนำเสนอ เช่น การสร้างแอปพลิเคชัน ณ สัทธา อุทยานไทย (NaSatta Application) เพื่อใช้นำทางและสแกนคิวอาร์โค้ดตามจุดต่างๆ ที่ผู้ชมจะได้รับฟังเรื่องราวผ่านวิดิโอคลิป การ์ตูนแอนิเมชัน และเทคนิค AR

นอกจากนั้น ยังมีการจัดงานอีเวนต์ในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น เทศกาลสงกรานต์ที่มีกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ มีการจัดแห่เทียนในวันเข้าพรรษา และที่เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมากคือ “Nasatta Light Festival” เทศกาลงานแสดงไฟแห่งปี ซึ่งได้กลายมาเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับ ณ สัทธา อุทยานไทย

งานแสดงไฟ Nasatta Light Festival ดำเนินการภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ศิริเลิศ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ณ สัทธา อุทยานไทย จำกัด ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2561 โดยระดมความรู้และความถนัดของทุกคนในครอบครัว “ศิริพรเลิศ” และทีมงาน ณ สัทธา อุทยานไทย มาช่วยกัน จนสามารถสร้างสรรค์งานไฟที่เป็นเอกลักษณ์ของ ณ สัทธา อุทยานไทย ได้ในที่สุด ซึ่งการจัดงานไฟครั้งแรกนั้นได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และบริษัท Signify

“ปีแรกเราได้รับผลตอบรับที่ดี ซึ่งนั่นเรารู้แล้วว่าเรารอด แม้ว่าปีแรกที่ทำจะขาดทุนก็ตาม แต่สำหรับทีมงานเราถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเราได้ทำ ซึ่งนั่นหมายถึงประสบการณ์ พอครั้งที่สองเรารู้แล้วว่าต้องจัดการและวางแผนอย่างไร รู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใคร ต้องขายอาหารประเภทไหน ซึ่งงานไฟของเรามีลูกค้าต่างชาติมาเยี่ยมชมตั้งแต่ปีแรกที่จัด” พลอยพรรณ ขัตติยากรจรูญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ ณ สัทธา อุทยานไทย เปิดเผย

จากปี 2561 ณ สัทธา อุทยานไทย ได้จัดงานแสดงไฟมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบันที่ถือเป็นครั้งที่ 6 โดยธีมการจัดในแต่ละปีจะผ่านการระดมสมองของสมาชิกครอบครัวและทีมงาน ณ สัทธา อุทยานไทย เป็นหลัก

สำหรับงานแสดงไฟครั้งที่ 6 นั้น มาในธีม “Nasatta Light Festival Winter Illumination 2024” ที่เนรมิตสวนป่าด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคการออกแบบแสงไฟ ผสานกับสถาปัตยกรรมไทย โดยมีทีมไลติ้งดีไซเนอร์, วิศวกร, โปรแกรมเมอร์, สถาปนิก และศิลปินมืออาชีพมารังสรรค์งานแสดงไฟแต่ละจุด จนได้ออกมาเป็นงานแสดงไฟที่มีเอกลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยภายในงานมีการแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 20 โซน เช่น พระบรมรูปสามกษัตริย์, โซน Season Change, แสงเกสร, ถ้ำเวทมนตร์และต้นไม้เรืองแสง, ระบำแสงไฟ และมีอุโมงค์ไฟเป็นไฮไลต์ของงาน

Nasatta Light Festival ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

“เราทำกันเองไม่มีทีมออร์แกไนซ์ และจะสร้างงานไฟให้ประทับใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาเยี่ยมชมในปีต่อๆ ไป” พลอยพรรณกล่าวทิ้งท้าย.