วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
Home > Cover Story > กนกวรรณ วัชระ ดีดนิ้วเนรมิตหนังไทย

กนกวรรณ วัชระ ดีดนิ้วเนรมิตหนังไทย

“เริ่มต้นจากความชอบส่วนตัวและ Passion อยากเห็นภาพยนตร์ของไทยทัดเทียมสากล ทำไมเวลาเราดูหนังสนุกและตื่นเต้น จำเป็นต้องสตูดิโอใหญ่ๆ มาร์เวลสตูดิโอส์ วอร์เนอร์บราเธอส์ ทำไมในไทยไม่มีภาพยนตร์แบบนี้บ้าง พอเกิด Passion มากๆ เข้า อยากลองทำเอง เป็นนายทุนเอง เพราะคนไทยมีฝีมือเยอะมาก ทั้งสตูดิโอ บุคลากร นี่คือจุดเริ่มต้น อยากดีดนิ้วเนรมิตหนังอย่างที่ชอบได้ทันที”

กนกวรรณ วัชระ หรือคุณน้อย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด เล่าถึงแรงบันดาลใจและความท้าทายใหม่ในฐานะผู้ผลิตภาพยนตร์ในวัยเพียง 28 ปี

เธอกล่าวว่า ในเมืองไทยมีบริษัทใหญ่ๆ จีทีเอช ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม สหมงคลฟิล์ม แต่เหมือนเราต้องการความหลากหลายของภาพยนตร์มากขึ้น อย่างค่ายจีทีเอช ส่วนใหญ่เป็นหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้ เป็นซิกเนเจอร์ สหมงคลฟิล์มเป็นแนวขุนพันธุ์ ต้มยำกุ้ง แต่เรามีความรู้สึกอยากเห็นความหลากหลาย อยากมีภาพยนตร์ที่หลากหลายในตลาดไทย ถ้าอย่างนั้นตัดสินใจลุยเอง ใช้เวลาฟอร์มทีมประมาณ 1 ปี

ปรากฏว่าผลงานหนังเรื่องแรก “4 KING” ประสบความสำเร็จเกินคาด ทั้งในแง่การปลุกกระแสกลุ่มผู้ชม ตัวบทหนัง และยอดรายได้มากกว่า 170 ล้านบาท ทำให้วงการตื่นตะลึงกับผู้หญิงคนนี้ทันที

กนกวรรณ วัชระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จำกัด

กนกวรรณเรียนจบคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ แต่เลือกเรียนไมเนอร์ IBM(International Business Management) เพราะมองการตลาดต่างประเทศสามารถต่อยอดธุรกิจในอนาคตได้ โดยเฉพาะกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว

แต่ดูเหมือน Passion เร่งเร้าให้เธอกระโดดเข้ามาลุยธุรกิจของตัวเอง อาศัยเงินทุนส่วนหนึ่งของครอบครัวและเงินทุนส่วนตัวจากการลงทุนซื้อขายหุ้น ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา สะสมทุนเรื่อยมา

“การเข้ามาทำค่ายหนังลังเลบ้างเพราะเป็นน้องใหม่ ไม่รู้สภาพแวดล้อม แต่ความอยากทำ คิดแค่ว่า สมมุติตัดสินใจ ผลลัพธ์มีบวกกับลบ แต่ถ้าไม่ได้เริ่มทำอะไรก็เสมอตัว ไม่ได้อะไรเลย คิดว่า ทำดีกว่า หาข้อมูล พูดคุยและเริ่มฟอร์มทีม โชคดีเจรจาได้พาร์ตเนอร์บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Fatcat Studios ผู้สร้างสรรค์สเปเชียลเอฟเฟกต์ของเมืองไทย บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม บ้านริกสตูดิโอ รวมถึง Major Cineplex และ SF Cinema”

ล่าสุด กลุ่ม ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ยังเข้ามาร่วมทุนกับบริษัท ซึ่งทำให้ฐานธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น ทั้งในแง่เงินทุนและการจัดทัพด้านต่างๆ

ทั้งนี้ ตามแผนดำเนินงานระยะ 1-2 ปี บริษัทอยากมีหนังฉายต่อปี 3-4 เรื่อง โดยปีนี้ประกาศไลน์อัปหนัง 3 เรื่อง ต่อจาก 4 KING ซึ่งเข้าฉายแล้ว 1 เรื่อง คือ ไลโอโคตรแย้ยักษ์ และเตรียมเข้าฉายวันที่ 1 กันยายนนี้ คือ คืนหมีฆ่า ขณะที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตอีก 4 เรื่อง เพื่อให้ทันฉายในปี 2566-2567 และวางแผนลงทุนต่อเนื่อง เน้นหนังหลากหลายแนว เพื่อให้อุตสาหกรรมหนังไทยมีตัวเลือกมากขึ้น ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเป็นหนังแนวรัก โรแมนติกคอเมดี้ หนังผี แต่เน้นความตื่นเต้น เลือกหนังที่ใช้ Special Effect

สำหรับจุดแข็งของค่ายอยู่ที่กลยุทธ์ทางการตลาดที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม การวางแผนให้บุคคลเหล่านั้นหรือคนที่ไม่ได้คิดเข้าโรงหนังรับรู้ว่ามีหนังประเภทนี้ในประเทศไทยและเป็นของเนรมิตรหนังฯ ต่อให้เขาเดินเข้าโรงหนังหรือไม่ก็ตาม แต่เป้าหมายอยู่ที่การรับรู้ได้ว่า ประเทศไทยมีค่ายหนังเพิ่มขึ้นและมีหนังแนวนี้เข้ามาในประเทศไทย

อย่าง 4 KING ผลงานชิ้นแรก กนกวรรณกล่าวว่า เป็นแนวคิดที่อยากนำหนังที่ห่างหายไปจากอุตสาหกรรมหนังไทยกลับเข้ามาในตลาด เพิ่มชอยส์ให้ผู้บริโภค ไม่ซ้ำซาก ซึ่งตลาดไทยไม่มีหนังแนว Gangster มานานตั้งแต่เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง และประจวบเหมาะกับผู้กำกับ คือ พุฒิพงษ์ นาคทอง มานำเสนอบทน่าสนใจ ตัดสินใจทำเลย

พุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับ “4 KING”

ขณะเดียวกัน การกำหนดวันฉายช่วงปลายปี 2564 ซึ่งเวลานั้นทางการเพิ่งประกาศคลายล็อกกิจกรรมโรงภาพยนตร์จากสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด โรงหนังเปิดให้บริการประมาณ 70% และผู้คนอัดอั้นกับการไม่ได้ดูหนังมานาน เป็นช่วงใกล้สิ้นปี มีเทศกาลเฉลิมฉลอง แต่หนังเข้าฉายน้อย ซึ่ง 4 KING หนังไทยแนว Gangster เข้ามาเป็นตัวเลือกที่สร้างความแปลกใหม่ในเวลานั้น และเป็นค่ายน้องใหม่ ทุกอย่างเป็นไทมิ่งที่ดี บวกกับกลยุทธ์การตลาดเน้นสร้างการรับรู้ของหนัง ปูพรมบิลบอร์ดแทบทั่วประเทศ ทั้งหมดสามารถสร้างกระแสอย่างแรง

ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่กระแสกลุ่มวัยรุ่น แต่ทั้งกลุ่มรุ่นพ่อแม่ที่เคยเจอเหตุการณ์ ณ ตอนนั้น หรือเป็นหนึ่งในคนวัยรุ่นใจร้อน ปลุกทุกคนอยากเข้ามาดูหนัง เพื่อหวนรำลึกเหตุการณ์ หรือเสียใจกับเหตุการณ์ที่เคยทำมา ความรู้สึกคิดถึงเพื่อน

ล่าสุด เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ประกาศลุยต่อภาค 2 และเปิดโปรเจกต์ CASTING CALL 4 KING 2 รับสมัครออดิชัน นักแสดงหน้าใหม่ ทั้งชายและหญิง อายุ 17-30 ปี เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม-4 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้สนใจส่งประวัติร่วมคัดเลือกมากกว่า 16,000 ราย

“เอาจริงๆ ด้วยฟีดแบ็กจากผู้ชม เพราะเป็นหนังเรื่องแรกของค่ายและผลตอบรับดีมากเกินคาด เราดูทุกคอมเมนต์ ทุกคนถามเมื่อไหร่มีภาค 2 อยากให้มีภาค 2 และตัวจักรวาลของ 4 KING ภาคแรกเน้น 2 สถาบัน ซึ่งมีเรื่องเล่าอีก 2 สถาบัน หรืออื่นๆ ต่อยอดออกไปได้ เกิดโปรเจกต์ภาค 2 ขึ้นมา โดยทีมผู้กำกับทีมเดิม พุฒิพงษ์ นาคทอง ดาราเมนแคสต์ภาคแรกและเพิ่มนักแสดงเจนใหม่”

เนื้อหาหลักยังเน้นมิตรภาพ ความรัก ครอบครัว ความรุนแรง ทั้งสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา สังคม แต่ภาคสองเข้มข้นกว่าภาคหนึ่งมากๆ ส่วนขั้นตอนการผลิตคาดการณ์ว่าเปิดกล้องในเดือนตุลาคมและเข้าโรงได้ประมาณปลายปีหน้า

เมื่อถามถึงเป้าหมายในอนาคต กนกวรรณตอบทันทีว่า อยากผลักดันอุตสาหกรรมหนังไทย อยากเป็นนัมเบอร์วันในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย โดยผลักดันผู้กำกับใหม่ ทีมงานใหม่ๆ ที่มีฝีมือ แต่ขาดพื้นที่สรรค์สร้างเข้ามาโชว์ศักยภาพอย่างเต็มที่

ส่วนเรื่องจุดคุ้มทุนด้านธุรกิจอย่างน้อยปีนี้เติบโต 20-30% และปี 2566-2567 เติบโต 30-40%

2499 อันธพาลครองเมือง-4KINGS

ช่วงเริ่มต้นทศวรรษใหม่ในปี 2540 มีปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตัวให้แก่วงการหนังไทย เมื่อหนังของไทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ทำลายสถิติหนังไทยทุกเรื่อง รายได้มากกว่า 70 ล้านบาท

หลังจากนั้นมีการสร้างสถิติด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมๆ กับกระแสความนิยมหนังไทย โดยช่วงปี 2540-2548 มีภาพยนตร์ไทย 9 เรื่อง สามารถทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท (ปี 2544) ทำรายได้ภายในประเทศกว่า 700 ล้านบาท ถือเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุด นางนาก ทำรายได้ 150 ล้านบาท บางระจัน ของ ธนิตย์ จิตต์นุกูล กวาดรายได้ 150.4 ล้าน มือปืน/โลก/พระ/จัน ของผู้กำกับฯ ยุทธเลิศ สิปปภาค 120 ล้าน และ สตรีเหล็ก ของ ยงยุทธ ทองกองทุน 99 ล้าน

ต้องยอมรับว่าหนังแนว Gangster ห่างหายไปนานกว่า 25 ปี กระทั่งค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม ปล่อยภาพยนตร์เรื่อง “4 Kings อาชีวะยุค 90” เขียนบทและกำกับโดย พุฒิพงษ์ นาคทอง เข้าฉายช่วงปลายปี 2564 สามารถปลุกกระแสดึงดูดผู้คนเข้าชม ยืนโรงนานถึง 9 สัปดาห์ ทำรายได้ทะลุ 170 ล้านบาท และขึ้นแท่นเป็นหนังไทยทำรายได้สูงสุดในปี 2564

หนังเรื่องนี้เคยออกฉายบนยูทูบในรูปแบบหนังสั้น (ความยาว 15 นาที) มียอด view กว่า 12 ล้านครั้ง ก่อนพุฒิพงศ์นำมาเสนอกับค่ายเนรมิตรหนัง ฟิล์ม และได้รับการอนุมัติด้วยทุนสร้าง 15 ล้านบาท

4KINGS ยังคว้ารางวัลคมชัดลึก อวอร์ด ครั้งที่ 18 ในสาขานักแสดงนำชายและนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม เข้าชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีชมรมวิจารณ์บันเทิง ครั้งที่ 30 และเข้าชิงรางวัล Audience Award กับ ABC Award จากเวที Osaka Asian Film Festival 2022 ที่ประเทศญี่ปุ่น.

ใส่ความเห็น