วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
Home > PR News > บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2561 สร้างการเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าเต็มกำลังสร้างความแข็งแกร่งจากภายในสู่ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจร

บ้านปูฯ รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2561 สร้างการเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าเต็มกำลังสร้างความแข็งแกร่งจากภายในสู่ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจร

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งเอเชีย-แปซิฟิก รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2561 ผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย มีรายได้จากการขายรวม 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 22,079 ล้านบาท) และมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้น 11 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 347 ล้านบาท) จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ทั้งนี้ หากไม่นับรวมผลกระทบจากค่าใช้จ่ายตามคำพิพากษาคดีหงสาจำนวน 86 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,713 ล้านบาท) และการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นที่ส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ขาดทุนในทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,041 ล้านบาท) บริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิจำนวน 79 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,492 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม จากการเดินหน้าการผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจหลัก จากธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันภายใต้กลยุทธ์ Banpu Greener & Smarter พร้อมนำนวัตกรรมเทคโนโลยี และโซลูชั่น ใหม่ ๆ เพื่อนำพาองค์กรสู่ธุรกิจพลังงานยุคใหม่แบบครบวงจร บ้านปูฯ มั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานโดยรวมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย โดยธุรกิจถ่านหินยังมีรายได้ที่โดดเด่นต่อเนื่องจากราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้น ธุรกิจไฟฟ้ามีการดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์อย่างมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างกระแสเงินสดที่ดี ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสามารถรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ครบทั้ง 6 แหล่ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มบ้านปูฯ เน้นเดินหน้าธุรกิจด้วยการผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลัก (Synergy) จากธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ในองค์กรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานและทักษะการทำงานของพนักงาน นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขัน และลดต้นทุนการผลิต ทั้งนี้เพื่อสร้างผลกำไรและผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย อีกทั้งเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก”

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของกลุ่มบ้านปูฯ สามารถจำแนกตามประเภทธุรกิจ ได้ดังนี้

ธุรกิจถ่านหิน มีรายได้จากการขาย 593 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 18,704 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า จากระดับราคาขายถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นและอุปทานที่ตึงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาสนี้ มีระดับราคาขายถ่านหินเฉลี่ยอยู่ที่ 80.91 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.05 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 23

ธุรกิจไฟฟ้า มีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และอื่น ๆ จำนวน 81 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,555 ล้านบาท) โดยโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีนรายงานรายได้ที่สูงจากการขายไอน้ำในช่วงฤดูหนาว และการขยายกำลังการผลิตที่โรงไฟฟ้าหลวนนาน อีกทั้งรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและการดำเนินการในเชิงพาณิชย์ครบแล้วทั้ง 5 โครงการในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ยังมีส่วนแบ่งกำไรในระดับดีจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสาที่มีผลการดำเนินงานที่ดีจากความสามารถในการรักษาระดับการจ่ายไฟ (Equivalent Availability Factor: EAF) ได้อย่างมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ธุรกิจไฟฟ้าในไตรมาสนี้มี EBITDA 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,609 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 32

ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีรายได้จากการขายที่ 26 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 820 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 599 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 259 มี EBITDA จำนวน 14 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 442 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อนที่ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 221 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลจากการรับรู้รายได้จากแหล่งก๊าซธรรมชาติในมลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ครบทั้ง 6 แหล่ง

“บ้านปูฯ ยังคงดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนตามแผนที่วางไว้ รวมไปถึงการเดินหน้าองค์กรให้สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ของโลกทั้งในเรื่องพลังงานสะอาด การจัดการระบบซัพพลายเชน และการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องการเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและโซลูชั่นต่างๆ อาทิ การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต การลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่เหมือง การนำบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”

“สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งเสริมกลยุทธ์หลัก Banpu Greener & Smarter ที่เน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้พลังงานอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า บ้านปูฯ จะยังคงเดินหน้ากลยุทธ์นี้อย่างเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรอย่างแท้จริง” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย

ใส่ความเห็น