วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
Home > Cover Story > ซีพี-เมจิ รุกหนักตลาดโยเกิร์ต

ซีพี-เมจิ รุกหนักตลาดโยเกิร์ต

 

คนไทยบริโภคโยเกิร์ต 2 กิโลกรัม/คน/ปี เทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลจากผลสำรวจในปี 2012 การบริโภคโยเกิร์ตของชนชาติต่างๆ พบว่ายุโรปบริโภคโยเกิร์ตเฉลี่ย  27 กิโลกรัม/คน/ปี แคนาดา 10 กิโลกรัม/คน/ปี อเมริกา 7 กิโลกรัม/คน/ปี  สาเหตุมาจากทัศนคติในเรื่องการบริโภคต่างกัน ผู้บริโภคชาวไทยนิยมรับประทานโยเกิร์ตเพื่อแก้ปัญหาท้องผูกเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ในต่างประเทศนิยมทานโยเกิร์ตเพราะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ   
 
“ที่ผ่านมาตลาดโยเกิร์ตในไทยแข่งขันกันผ่านผลิตภัณฑ์รูปแบบที่คล้ายกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วโยเกิร์ตยังมีอีกหลากหลายชนิดและมีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างในประเทศญี่ปุ่น โยเกิร์ตธรรมชาติชนิดคงตัวเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดที่ทุกครอบครัวมีติดบ้านไว้เพื่อรับประทานเป็นอาหารตั้งแต่เด็กไปจนถึงคนสูงอายุ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม” ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด ผู้ผลิต-จำหน่ายผลิตภัณฑ์นมรายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์เมจิ เปิดเผย
 
ตลาดโยเกิร์ต ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เจ้าตลาดอย่างแบรนด์ดัชมิลล์เองยังคงความเป็นผู้นำตลาดได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยผลิตภัณฑ์สินค้ามากมาย และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดถึง 60% ในขณะที่อันดับ 2 แอคทีเวีย ที่ชูจุดขายช่วยระบบขับถ่ายเป็นสำคัญ และซีพี–เมจิ  ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 ในโยเกิร์ตถ้วย
 
ในขณะที่ตลาดโยเกิร์ตในไทยแข่งขันกันโดยชูคุณประโยชน์ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย และความหลากหลายของรสชาติเป็นหลัก ซีพี-เมจิ เห็นโอกาสในการยกระดับตลาดโยเกิร์ตและขยายการเติบโตผ่านการสร้างเซกเมนต์ใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตระดับพรีเมียม ผ่านผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตชนิดคงตัว  “โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย” ออกสู่ตลาดไทย โดยซีพี-เมจิ ได้ลิขสิทธิ์จากประเทศบัลแกเรีย ให้ขยายตลาดเข้ามาขายในประเทศไทย ทั้งนี้ โยเกิร์ต เมจิ  บัลแกเรียออกวางขายในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 40 ปี  และมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่น
 
ซีพี-เมจิ ได้ลงทุนสร้างโรงงานใหม่กว่า 2,000 ล้านบาท บนเนื้อที่ 140 ไร่ ที่ สระบุรี  เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และลงอุปกรณ์เครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัยสุดใน South-East Asia  เพื่อรองรับการผลิตนวัตกรรมโยเกิร์ตชนิดคงตัว โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย ในการเพิ่มไลน์การผลิตใหม่นี้สามารถรองรับกำลังการผลิตมากถึง 1.5 แสนถ้วยต่อวัน และนวัตกรรมโยเกิร์ตอีกหลายตัวที่เตรียมมาพลิกโฉมตลาดโยเกิร์ตในประเทศไทยในอนาคต 
 
ด้านการตลาด  ซีพี-เมจิ  ได้ทุ่มงบการตลาดสูงถึง 100 ล้าน บาท  ซึ่งนับว่าเป็นงบที่ค่อนข้างสูงเพื่อใช้ในการทำการตลาด โปรโมตสินค้าชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการนำ  เจมส์ –จิรายุ  ตั้งศรีสุข มาเป็นพรีเซนเตอร์  หนังโฆษณาโทรทัศน์ความยาว 45 วินาที เพื่อให้ความรู้แก่ผู้บริโภคถึงความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ใหม่ แนะนำโยเกิร์ตผ่านไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่รักและใส่ใจในสุขภาพ  ตอกย้ำโยเกิร์ตเป็นสินค้าที่ผู้หญิงกินได้ ผู้ชายกินดี เหมาะสำหรับคนทุกเพศวัย และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ
 
และอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ ซีพี–เมจิ  นำมาใช้ในการทำการตลาดครั้งนี้ คือราคา แม้จะเน้นเป็นสินค้าพรีเมียม แต่เพื่อเข้าถึงกลุ่มแมสในขณะที่คู่แข่งขายเฉลี่ย ถ้วยละ 25 บาท โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย วางขายในราคาถ้วยละ 20 บาท กับช่องทางการตลาดและโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ทุกๆ ช่องทาง
 
“จากที่ซีพี-เมจิ เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์มากว่า 10 ปี โดยตั้งเป้าการเติบโตจากผลิตภัณฑ์นมพาสเจอร์ไรส์ และขยายฐานธุรกิจในส่วนของผลิตภัณฑ์นม อื่นๆ เช่น โยเกิร์ตถ้วย จากเงินลงทุนและความตั้งใจในการพลิกโฉมและสร้างเซกเมนต์ใหม่ให้กับตลาดโยเกิร์ตในประเทศไทย ซีพี-เมจิ คาดหวังส่วนแบ่งการตลาด 7% ภายใน 3 เดือนหลังการวางตลาด และมีส่วนแบ่งการตลาดโยเกิร์ตรวม 10% ภายในสิ้นปี 2013โดยซีพี–เมจิ สร้างเซกเมนต์ใหม่ให้กับตลาดเพื่อยกระดับการบริโภคโยเกิร์ตผ่านนวัตกรรมโยเกิร์ตชนิดคงตัวระดับพรีเมียม ที่นำเสนอจุดขายที่แตกต่าง ทั้งเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของซีพี-เมจิในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาตรฐานระดับโลก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคคนไทย และใส่ใจในการนำเสนอสินค้าคุณภาพและคุณประโยชน์ที่แตกต่างล้ำสมัยต่อไปในอนาคต” ประสิทธิ์กล่าว
 ในขณะเดียวกัน  ซีพี-เมจิ  มีแผนส่งออกไปขายตลาดในต่างประเทศในต้นปีหน้าด้วย โดยประเดิมที่ สิงคโปร์เป็นประเทศแรก และจะขยายไปประเทศอื่นๆ
 
การขยับตัวของซีพี-เมจิ ในตลาดกลุ่มเซกเมนต์นี้ พร้อมการทุ่มงบการลงทุนที่ค่อนข้างสูง  ถือเป็นการสร้างความแตกต่างที่แปลกใหม่ของผลิตภัณฑ์ โยเกิร์ตในตลาด ซึ่งคาดว่าจะยังเติบโตอย่างน้อย 20% หรือมีมูลค่าประมาณ 4.6 พันล้านบาทในปี 2556 โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถขึ้นเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ในเซกเมนต์นี้และมีส่วนช่วยผลักดันให้เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ภายในปี 2557 ด้วยยอดขายขั้นต่ำ 1 พันล้านบาทจากมูลค่าตลาด ซึ่งคาดว่าจะเติบโตเป็น 4.8-4.9 พันล้านบาท
 
หนทางขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโยเกิร์ต ของซีพี-เมจิ จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ คงต้องจับตาดู ในตลาดที่มีทั้งความหอมหวาน เย้ายวน ให้เข้ามาลิ้มลองนี้