วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
Home > On Globalization > ผู้หญิงอเมริกันขาดวินัยในการรับประทานยา

ผู้หญิงอเมริกันขาดวินัยในการรับประทานยา

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าตกใจ เมื่อผลจากการวิจัยพบว่าผู้หญิงอเมริกันมักจะไม่ได้รับประทานยาครบตามจำนวนที่แพทย์สั่ง โดยเฉพาะเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผู้ชายแล้วพบว่า ลักษณะนิสัยในการรับประทานยานั้นผู้หญิงมีลักษณะนิสัยที่แย่กว่าผู้ชาย เพราะผู้ชายจะทำตามที่แพทย์สั่งและรับประทานยาจนหมด ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วผู้หญิงมักจะถูกมองว่าเป็นคนมีระเบียบวินัย และรักษาสุขภาพมากกว่าผู้ชาย

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท HealthPrize Technologiesได้มีการจัดทำการสำรวจเกี่ยวกับลักษณะนิสัยในการรับประทานยาขึ้น โดยที่นักวิจัยได้เลือกสอบถามกลุ่มตัวอย่าง มากกว่า 1,000 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายรวมกัน พบว่าโดยปกติแล้วพวกเขามีโอกาสที่จะรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งมาจนหมดหรือเลือกที่จะหยุดรับประทานยาก่อนที่ยาจะหมด เพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองอาการดีขึ้นแล้ว ซึ่งจากการสำรวจในครั้งนี้พบว่า 45% ของผู้หญิงนั้นเลือกที่จะไม่รับประทานยาตามที่หมอสั่งมาจนหมด เพราะว่าตัวเองรู้สึกว่าอาการที่มีอยู่ดีขึ้นแล้ว ในขณะที่มีผู้ชายเพียงแค่ 36% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับความคิดนี้

นอกจากนี้ผู้หญิงเกือบหนึ่งในสามของกลุ่มการสำรวจนี้ยังได้ยอมรับด้วยว่า ในบางครั้งพวกเธอเลือกที่จะไม่รับประทานยาตามที่หมอสั่งเลย หรือหยุดการรับประทานยากลางคันไปเลยสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังหรือมีอาการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรง ในขณะที่มีผู้ชายเพียงแค่ 20% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับความคิดนี้

การรับประทานยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่งหรือการเลือกที่จะไม่รับประทานยาเลยนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง แพทย์หญิง Katrina Firlik หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของบริษัท HealthPrize Technologies ได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า คนที่ไม่ได้รับประทานยาจนหมดตามที่แพทย์สั่งนั้น ย่อมจะส่งผลกระทบทำให้มีสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีอาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือมีอาการป่วยที่ค่อนข้างรุนแรงก็ตาม

แพทย์หญิง Katrina ได้ยกตัวอย่างให้เห็นว่า โรคที่ทำให้ผู้หญิงอเมริกันเสียชีวิตส่วนใหญ่คือ โรคโคเลสเตอรอลในเลือดสูงและความดันเลือดสูง ซึ่งสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรคเหล่านี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ผู้คนไม่ได้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ

ถึงแม้ว่าการรับประทานยาไม่ครบตามที่แพทย์สั่งนั้นอาจจะมีเหตุผลและปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างเช่นว่า การลืมรับประทานยา ราคาของยาอาจจะแพงเกินไป ความสับสนในการรับประทานยาว่าต้องรับประทานยาอย่างไร ผลกระทบข้างเคียงของการรับประทานยา หรือแม้กระทั่งคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีอาการดีขึ้นแล้วเลยหยุดรับประทานยาไปเลย เหตุผลและปัจจัยเหล่านี้ก็มีส่วนสำคัญ แต่การรับประทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งนั้นย่อมสำคัญกว่า

สำหรับคำถามที่ว่าผู้หญิงนั้นพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทานยาให้ครบตามที่แพทย์สั่งนั้นจริงหรือไม่ เป็นคำถามที่ค่อนข้างใหม่และเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะคำถามเหล่านี้มีการเริ่มต้นตั้งคำถามครั้งแรกจากบริษัทที่ผลิตยาออกมาขาย ซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียกับผลของการสำรวจ ดังนั้นการทำสำรวจในหัวข้อนี้ ไม่ควรทำการสำรวจเพียงแค่มีการตั้งคำถามนี้ออกไป แต่ควรจะต้องมีการสังเกตควบคู่กันไปอีกด้วยว่า การไม่ได้รับประทานยาจนหมดตามที่แพทย์สั่งนั้นเป็นเพราะว่าการลืมรับประทานยาเป็นบางครั้งบางคราวหรือว่าเป็นรูปแบบของการหลีกเลี่ยงที่จะรับประทานยาจนหมดอย่างจริงจัง

รองศาสตราจารย์ Jennifer Cocohoba ซึ่งสอนและเป็นเภสัชกรอยู่ที่มหาวิทยาลัย California  และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการสำรวจในครั้งนี้ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การสำรวจหรือการทำวิจัยจากบริษัทผลิตยาส่วนใหญ่นั้น 80% เลือกที่จะทำการสำรวจจากผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง อย่างเช่น โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งอาจจะทำให้ผู้คนที่ได้ฟังผลการสำรวจเหล่านี้เกิดคำถามขึ้นว่า การที่เลือกคนที่มีอาการป่วยเรื้อรังมาสอบถาม เป็นเกณฑ์ที่เหมาะสมแล้วหรือไม่ เพราะคนที่ไม่ได้มีอาการป่วยเรื้อรังก็อาจจะมีลักษณะนิสัยในการรับประทานยาอีกรูปแบบหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีงานวิจัยอีกหลายๆ ผลงานที่น่าจะช่วยยืนยันได้ว่า เรื่องลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันในการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งระหว่างผู้ชายและผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นจากบริษัทที่ผลิตยา 

งานวิจัยที่ทำขึ้นในปี 2552 ที่ทำการศึกษาเรื่องลักษณะนิสัยในการรับประทานยา โดยได้ทำการศึกษากับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ การศึกษาในครั้งนี้ได้ทำการศึกษาผู้ชายและผู้หญิงที่เป็นโรคหัวใจประมาณ 7,600 คน ซึ่งก็ได้ผลการสำรวจแบบเดียวกัน คือผู้หญิงมีวินัยในการรับประทานยาตามคำสั่งของแพทย์น้อยกว่าผู้ชายอีกเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเมื่อปี 2554 ที่ได้มีการทำวิจัยเกี่ยวกับลักษณะนิสัยในการรับประทานยาไว้แล้วเช่นกัน โดยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์ และจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาเป็นประจำสม่ำเสมอ จากการวิจัยในครั้งนี้พบว่า 70% ของผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะรับประทานยาต้านไวรัสเป็นประจำสม่ำเสมอน้อยกว่าผู้ชาย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเอดส์เพราะยาต้านไวรัสนี้จะช่วยยึดการเจริญเติบโตของไวรัสได้ แต่ผู้ป่วยที่เป็นผู้หญิงก็ยังขาดวินัยในการรับประทานยาอยู่ดี

ใน The American Heart Journal ฉบับเดือนพฤษภาคมของปีนี้ยังได้มีการเผยแพร่ผลการทำวิจัยร่วมกันของ CVS Caremark และ Brigham and Women’s Hospital เพื่อศึกษาดูถึงลักษณะนิสัยในการรับประทานยาที่แตกต่างกันระหว่างผู้ชายและผู้หญิง งานวิจัยนี้พบว่า มีจำนวนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอยู่ถึง 10% ที่รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดรับประทานยาก่อนกำหนดเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีอาการดีขึ้น

แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Journal of the American Geriatrics Society ได้ทำการศึกษาลักษณะนิสัยการรับประทานยาของคนที่เป็นความดันโลหิตสูง โดยทำการศึกษาทั้งผู้หญิงและผู้ชายประมาณ 2,000 คน กลับพบว่า ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีการรับประทานยาที่สม่ำเสมอ ผู้หญิงไม่ได้มีแนวโน้มที่จะหยุดกินยา หรือรับประทานยาที่ไม่สม่ำเสมอเลย

จากการศึกษาเหล่านี้ทำให้เรื่องการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และความแตกต่างระหว่างเพศก็อาจจะเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ลักษณะนิสัยในการกินยาของผู้ชายและผู้หญิงแตกต่างกัน

แพทย์หญิง Katrina ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่ผู้หญิงมีแนวโน้มสูงกว่าผู้ชายที่จะรับประทานยาไม่สม่ำเสมอก็เพราะผู้หญิงจะต้องดูแลรับผิดชอบงานต่างๆ ในบ้านรวมไปถึงการดูแลลูกๆ และพ่อแม่อีกด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอเป็นโรคความดันโลหิตสูง อาจจะเป็นไปได้ว่าภายในบ้านของเธอ เธอยังต้องดูแลรับผิดชอบลูกที่อาจจะเป็นโรคหืดหอบ หรืออาจจะต้องดูแลแม่ที่เป็นโรคมะเร็ง ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ของเธอจึงต้องดูแลลูกหรือแม่ที่ไม่สบาย ทำให้เธออาจจะลืมไปว่าต้องรับประทานยาของตัวเอง และทำให้ไม่ได้รับประทานยาเป็นประจำสม่ำเสมอ

ตัวอย่างข้างต้นนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ทฤษฎีในเรื่องของบทบาทและหน้าที่ของผู้หญิงที่มีในบ้านเท่านั้น เพราะมีผลการสำรวจจากบริษัทยาด้วยเช่นกันที่ช่วยยืนยันในเรื่องนี้ได้ ผลการสำรวจพบว่า ผู้หญิงจะให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนในครอบครัวมากกว่าสุขภาพของตนเอง มีผู้หญิงถึง 20% ที่บอกว่า พวกเธอให้ความสำคัญต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงภายในบ้านมากกว่าสุขภาพของตนเอง ซึ่งหมายความว่า สัตว์เลี้ยงของพวกเธอจะกินยาครบตามที่แพทย์สั่งเป็นประจำสม่ำเสมอ ในขณะที่พวกเธอกินยาบ้างไม่ได้กินยาบ้าง

นอกจากนี้  ศาสตราจารย์ Marianne Legato อาจารย์จากมหาวิทยาลัย New York’s Columbia ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงมักจะทำการศึกษาเรื่องผลข้างเคียงของการรับประทานยา จากเพื่อนๆ และญาติของพวกเธอหรือจากอินเทอร์เน็ต ผู้หญิงมักจะกลัวหรือวิตกกังวลไปว่า ยาที่หมอให้รับประทานนั้นอาจจะมีผลข้างเคียงต่อสุขภาพของเธอในอนาคต

ศาสตราจารย์ Marianne ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า คนไข้ที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ มักจะพูดคุยกับหมอว่า พวกเธอมีความกลัวและวิตกกังวลว่า ยาที่หมอสั่งมาให้พวกเธอรับประทานนั้นอาจจะแรงเกินไปสำหรับพวกเธอ ทำให้พวกเธอไม่ต้องการที่จะรับประทานยาให้หมดตามที่แพทย์สั่ง ในขณะที่คนไข้ที่เป็นผู้ชายนั้นไม่เคยมีความคิดวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ Marianne ได้บอกว่า การทำการศึกษาเรื่องของการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ยาก เพราะบางครั้งถึงแม้ว่าคนไข้จะลืมกินยา หรือหยุดรับประทานยาไปแล้ว แต่เมื่อแพทย์หรือผู้ที่ทำวิจัยถาม พวกเขาเหล่านี้ก็มักจะตอบไม่ตรงกับความเป็นจริงว่า ยังรับประทานยาอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ

เรื่องของลักษณะนิสัยในการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอนี้ ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะรับประทานยาไม่สม่ำเสมอมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้คงต้องรอดูต่อไปในอนาคตว่าจะมีผลการศึกษาเรื่องนี้ที่ออกมามากกว่านี้หรือไม่ เพื่อยืนยันถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของทุกคน เพราะแพทย์ย่อมสั่งยาตามจำนวนและปริมาณที่เหมาะสมเพื่อรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยนั้นๆ การรับประทานยาที่ไม่สม่ำเสมออาจจะทำให้เกิดอาการดื้อยาได้ และอาจจะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้อีกด้วย

 

Column: Women in Wonderland