วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
Home > PR News > The Bigbang Theory สร้างปรากฎการณ์ XR ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านธุรกิจ พร้อมขยายการตลาดไปต่างประเทศ

The Bigbang Theory สร้างปรากฎการณ์ XR ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านธุรกิจ พร้อมขยายการตลาดไปต่างประเทศ

บริษัท เดอะ บิ๊กส์แบง ทิออรี่ย์ จำกัด บริษัทชั้นนำด้าน Metaverse ที่ให้บริการด้าน Metaverse ในรูปแบบแพลตฟอร์มพร้อมใช้ หรือ Metaverse (infrastructure ) as a service รายแรกของโลก นำโดยนายพงศ์วุฒิ ไพรไพศาลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว New Journey, Now Exploration by The Bigbang Theory – The grand opening new service and TBT discussion

โดยงานนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดตัวบริการใหม่ในการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มมูลค่าให้กับภาคธุรกิจ ช่วยสร้างโลกเสมือนให้กับธุรกิจทุกประเภท มุ่งเน้นให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของเทคโนโลยี ที่สามารถนำมาใช้ในเรื่องของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ตลอดจนการเปลี่ยนธุรกิจแบบเดิมเข้าสู่โลกเสมือน และยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันโลก Metaverse ให้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวทุกคนมากขึ้น

นายพงศ์วุฒิ ไพรไพศาลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เดอะ บิ๊กส์แบง ทิออรี่ย์ จำกัด เปิดเผยถึงจุดเด่นของบิ๊กส์แบง ว่า “ในฝั่งของบริษัท เดอะ บิ๊กส์แบง ทิออรี่ย์ จำกัด เราทำ Metaverse สำเร็จรูป เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกคนสร้างธุรกิจบน Metaverse ได้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีการง่าย ๆ ภายใน 10 นาที จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ในการสร้าง Metaverse 1 ชิ้น ตอนนี้เราย่นระยะเวลาให้เหลืออยู่แค่ 10 นาที โดยจะเปิดให้ผู้พัฒนาอื่นสามารถมาพัฒนาฟีเจอร์ร่วมกับเราได้ด้วย นั่นแปลว่าสมมุติวันนี้เราบอกว่ามี 30 ฟีเจอร์ แต่มีบริษัท A บริษัท B ที่เค้ามีฟีเจอร์ของเขาอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถพัฒนาทั้ง 30 ได้ เขาสามารถมาจอยกับเราได้ และเอามาขายให้เราได้ ก็จะเป็นฟีเจอร์ที่ 31, 32, 33 และเราก็แชร์ Benefit กลับไปให้เขาได้ อยู่ในแอพฯ ที่ชื่อว่า Pistol By Bigbang”

พร้อมกันนี้พงศ์วุฒิยังได้เผยถึงการวางแผนขยายกลุ่มเป้าหมายไปต่างประเทศว่า “หลัก ๆ ตอนนี้ที่ตั้งเป้าไว้ว่าจนถึงปีหน้าเราจะมีลูกค้าประมาณ 500 ราย ตอนนี้มีผู้สนใจเข้ามาประมาณ 40 โปรเจกต์ที่เป็น Corporate ล้วน ๆ โดย Corporate ในไทยเราน่าจะเก็บได้ 50 ราย ด้านต่างประเทศปัจจุบันขยายไปแล้ว 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ ส่วนปลายทางที่มองไว้ คือ 7 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม ไต้หวัน จีน ฮ่องกง ที่เพิ่มเติมขึ้นมา รวมไทยก็เป็น 8 ประเทศ”

สำหรับมุมมองการตลาดและกลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยนั้น พงศ์วุฒิ เปิดเผยว่า “ตอนนี้เรามุ่งเน้นในฝั่งของ Corporate เป็นหลัก เพราะต้องการที่จะให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ยกตัวอย่างเช่น อยากจะพาแฟนมาชอปปิ้งที่ห้างก็ใช้มือถือเพียงเครื่องเดียวเลยแล้วก็ให้แฟนไปอยู่ด้วย แล้วก็เลือกของไปด้วยได้เลย อย่างนี้ก็เป็นเซอร์วิสหนึ่งที่เรียกว่า AR Service กลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ เลยจะเน้นไปที่กลุ่ม Corporate เลย กลุ่มธุรกิจที่เราโฟกัสถ้าคิดอย่างเร็วๆ ก็จะเป็นฝั่งของธุรกิจ Retail อันดับแรก เพราะมีลูกเล่นเยอะ สองคือกลุ่มคนทำ E-commerce ก็จะโฟกัสไปที่ขนาดใหญ่ และขนาดกลางเป็นหลักก่อนของประเทศไทย ต้องยอมรับว่าถ้าเป็นภาพของ Metaverse ในไทย คนที่เป็น First Worker ก็คือกลุ่ม Corporate กลุ่มที่เป็น Mid Level แล้วก็ที่เป็นกลุ่ม Retail จริง ๆ อาจจะยังไม่มาก เพราะว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่และปัจจุบันยังมีราคาแพงอยู่ ซึ่งในมุมของเราเอง อันนี้แหละที่บิ๊กส์แบงตั้งใจเข้ามาแก้ไข”