วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
Home > Life > เติมผงคอลลาเจนในอาหารดีไหม?

เติมผงคอลลาเจนในอาหารดีไหม?

Column: Well – Being

ปัจจุบันคุณอาจรู้ถึงความแตกต่างระหว่างผงโปรตีนกับชาเขียว และคุณอาจสามารถบอกความแตกต่างระหว่างน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันอะโวคาโด ในยุคของการเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ชื่อว่าดีและมีประโยชน์ให้อยู่ในรูปของ “ผง” นั้น คุณคงเคยรับรู้เรื่องราวของผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งในตลาดเวลานี้ นั่นคือ ผงคอลลาเจน ซึ่งคุณคงคุ้นเคยว่าเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

แต่บรรดาคนมีชื่อเสียงและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเพื่อสุขภาพกำลังสนับสนุนเต็มที่ให้มีการกินเข้าสู่ร่างกายด้วย และคุณอาจเคยเห็นเพื่อนร่วมงานตักผงคอลลาเจนผสมในกาแฟหรือสมูทตี้ด้วยซ้ำ

คอลลาเจนคืออะไร
นิตยสาร Shape รายงานว่า นพ.โจเอล ชเลซิงเกอร์ แพทย์โรคผิวหนังแห่งรัฐเนบราสกากล่าวว่า คอลลาเจนได้ชื่อว่าเป็นโปรตีนมหัศจรรย์ที่ช่วยให้ผิวคงสภาพเต่งตึงและเรียบลื่น ทั้งยังช่วยให้ข้อต่อแข็งแรงด้วย คุณจะพบโปรตีนตัวนี้ได้ตามธรรมชาติในกล้ามเนื้อ ผิวหนัง และกระดูก ในร่างกายของเรา ซึ่งมีปริมาณคอลลาเจนคิดเป็นร้อยละ 25 ของมวลร่างกายโดยรวม

โดยเหตุที่ร่างกายชะลอการสร้างคอลลาเจน ซึ่งชเลซิงเกอร์ให้ข้อมูลว่า การชะลอนี้อยู่ที่อัตราร้อยละ 1 ต่อปี โดยเริ่มตั้งแต่อายุ 20 ปี ทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่นมาเยือน และข้อต่ออาจไม่ยืดหยุ่นเหมือนเคย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมีผู้คนมากมายพยายามเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในร่างกาย ด้วยการหันไปหาแหล่งคอลลาเจนจากภายนอก เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือครีม ซึ่งได้คอลลาเจนจากวัว ปลา ไก่ และสัตว์ชนิดอื่นๆ

คอลลาเจนกินได้ให้ประโยชน์อะไรบ้าง
“โดยเหตุที่คอลลาเจนในพืชและสัตว์ ไม่เหมือนคอลลาเจนที่พบในร่างกายของเราอย่างแน่นอน แต่มันได้บ่งชี้ว่า ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อผิวหนังได้เมื่อผสมผสานกับส่วนประกอบเพื่อความอ่อนเยาว์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ” ชเลซิงเกอร์อธิบาย

“ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน เครื่องดื่ม และผงต่างๆ ได้รับความนิยมในโลกความงาม คุณไม่ควรคาดหวังถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นกับผิวหนังอย่างเห็นได้ชัดจากการกินเข้าสู่ร่างกาย”

การกินคอลลาเจนเพราะเชื่อว่าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดได้ เช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา ที่ดูเหมือนจะเป็นร่องลึกมากขึ้นทุกวันนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย “เป็นไปไม่ได้ที่การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อให้เข้าถึงบริเวณที่เป็นปัญหาเฉพาะจุด และพุ่งเป้าไปสู่จุดที่ต้องได้รับการบำรุงมากที่สุดได้” ชเลซิงเกอร์กล่าว และเพิ่มเติมว่า การกินผงคอลลาเจนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเชิงลบด้วย เช่น ปวดกระดูก ท้องผูก และอ่อนล้า

ฮาร์เลย์ ปาสเตอร์แนค เทรนเนอร์ชื่อดังดีกรีวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตด้านวิทยาศาสตร์การออกกำลังกายและวิทยาศาสตร์การอาหาร ให้ความเห็นคล้ายคลึงกันว่า ผงคอลลาเจนไม่ช่วยบำรุงผิวหนังของคุณ “คนมักคิดว่ามีคอลลาเจนอยู่ในผิวหนัง ในเส้นผมของเรา และถ้าเรากินคอลลาเจนเข้าไป มันอาจช่วยให้คอลลาเจนในร่างกายของเราแข็งแรงขึ้น แต่โชคร้าย นั่นไม่ใช่ตรรกะการทำงานของร่างกายมนุษย์”

ต้นทุนผลิตคอลลาเจนถูกกว่า
กระแสคอลลาเจนเริ่มต้นขึ้นเมื่อบริษัทผู้ผลิตตระหนักว่า โปรตีนคอลลาเจนมีราคาถูกกว่าการผลิตแหล่งโปรตีนชนิดอื่น ปาสเตอร์แนค อธิบายว่า “คอลลาเจนเป็นโปรตีนคุณภาพไม่ดีนัก มันไม่มีกรดจำเป็นต่างๆ ที่คุณจำเป็นต้องได้รับจากโปรตีนคุณภาพชนิดอื่น ชีวปริมาณออกฤทธิ์ก็ไม่สูงมากนัก ตราบใดที่ต้องผลิตโปรตีน คอลลาเจนได้ชื่อว่าเป็นโปรตีนราคาถูกสำหรับการผลิต แล้วนำมาทำตลาดว่า ช่วยบำรุงผิวหนัง เล็บ เส้นผม แต่ยังได้ไม่รับการพิสูจน์อย่างเป็นรูปธรรมด้วยซ้ำ”

แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกลับไม่เห็นด้วย พญ.มิเชล กรีน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังแห่งนิวยอร์กกล่าวว่า ผงคอลลาเจนสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง บำรุงเส้นผม เล็บ ผิวหนัง และสุขภาพของข้อต่อต่างๆ รวมทั้งมีโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสม

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Skin Pharmacology and Physiology ยืนยันว่า ผิวหนังของผู้เข้าร่วมการศึกษาอายุระหว่าง 35-55 ปี ยืดหยุ่นมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนเป็นเวลา 8 สัปดาห์

ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Clinical Interventions in Aging ตั้งข้อสังเกตว่า การกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนนาน 3 เดือน ช่วยเพิ่มความเข้มของคอลลาเจนในบริเวณที่เป็นรอยตีนกาได้ราวร้อยละ 19

นอกจากนี้ ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่งพบว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนช่วยลดอาการปวดข้อของนักกีฬาได้

แม้การศึกษาเหล่านี้จะให้ความหวังมากขึ้น แต่ นพ.วิชยา สุรามพุทธ ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกแห่งยูซีแอลเอ กล่าวว่า ยังจำเป็นต้องทำการวิจัยมากขึ้นอีก เพราะมีผลการศึกษามากมายที่ยังอยู่ในวงแคบและได้รับการสนับสนุนจากบริษัทผู้ผลิต

ปกป้องคอลลาเจนของคุณได้อย่างไร
พญ.กรีนแนะนำว่า ถ้าคุณอยากลองกินผงคอลลาเจนดู ให้ลองกินวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ซึ่งสามารถเติมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรก็ได้ เพราะผงคอลลาเจนไม่มีรสชาติ (แต่เธอเตือนว่า ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนจึงจะลองกินได้)

แต่ถ้าคุณตัดสินใจรอผลการวิจัยที่แม่นยำ ชเลซิงเกอร์กล่าวว่า คุณยังสามารถปกป้องคอลลาเจนที่คุณมีอยู่แล้ว ด้วยการปรับวิถีชีวิตในปัจจุบัน อาทิ สวมแว่นตากันแดดแม้ในวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มมีเมฆปกคลุม ไม่สูบบุหรี่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน พญ.กรีนกล่าวว่า การกินอาหารที่อุดมด้วยคอลลาเจน ได้แก่ อาหารที่มีวิตามินซีและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผิวหนังและข้อต่อของคุณด้วยเช่นกัน

ถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยล้ากับการรักษาระดับคอลลาเจน เพราะเหตุผลต้องการชะลอวัยล่ะก็ แนะนำให้เลือกลงทุนซื้อมอยเจอไรเซอร์ เพื่อให้คุณสามารถทาคอลลาเจนเฉพาะที่ได้แทนการต้องกินเข้าไป “ให้เลือกสูตรที่มีเปปไทด์เป็นส่วนประกอบสำคัญ เพื่อผลดีด้านการชะลอวัยและบำรุงสุขภาพผิว” ชเลซิงเกอร์ แนะนำ เพราะคอลลาเจนแตกตัวเป็นโซ่ของกรดอะมิโนที่เรียกว่าเปปไทด์ ดังนั้น การทาครีมที่มีเปปไทด์เป็นส่วนประกอบหลักจึงช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มตามธรรมชาติได้

ใส่ความเห็น