วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
Home > Cover Story > เปิดใจ ดร.ฝน ศิษย์เอก “ธนินท์” ปั้นไก่ทอดเจนใหม่ ฟรายด์เดส์

เปิดใจ ดร.ฝน ศิษย์เอก “ธนินท์” ปั้นไก่ทอดเจนใหม่ ฟรายด์เดส์

ไก่ทอด “ฟรายด์เดส์” (Fried Days) ผลผลิต 1 ใน 10 แบรนด์ที่เปิดตัวเข้ามาบุกสมรภูมิร้านอาหารภายใต้โครงการสร้างผู้นำผ่านธุรกิจเพื่ออนาคตของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ซึ่งคัดเลือกจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Young Talents ระดับหัวกะทิตามแนวคิดของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ กำลังสร้างปรากฏการณ์น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะการฉีกกลยุทธ์ร้านไก่ทอดแบบหลุดกรอบชนิดที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่ทั้งเคเอฟซีและแมคโดนัลด์ต้องเตรียมรับมือสู้ศึกครั้งใหญ่

เพราะ “ฟรายด์เดส์” มีทั้งทุนยักษ์ใหญ่ระดับ “ซีพี” เป็นผู้หนุนหลังบวกกับไอเดียการตลาดแนวใหม่จากกลุ่ม Young Talents ที่มีวรรณวิรัช วิรัชนิภาวรรณ หรือ ดร.ฝน กรรมการผู้จัดการ บริษัท วายแอนด์โอ จำกัด เป็นแกนหลักปลุกปั้นแบรนด์ ในฐานะศิษย์เอกที่เจ้าสัวธนินท์ลงมือถ่ายทอดวิชาอย่างเข้มข้น พร้อมสั่งให้เดินทางติดตามไปศึกษาธุรกิจร้านอาหารชื่อดังทั่วโลกอยู่เป็นประจำ

วรรณวิรัช วิรัชนิภาวรรณ หรือ ดร.ฝน เปิดใจกับ “ผู้จัดการ360” ว่า ได้โอกาสจากประธานธนินท์เข้ามาร่วมในโครงการ Young Talents เมื่ออายุ 29 ปี โดยก่อนหน้านั้น เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และได้ทุนเล่าเรียนหลวงไปเรียนระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์-จิตวิทยา ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด (Harvard University) ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งเรียนภาษาจีน จากนั้นได้ทุนศึกษาต่อระดับปริญญาเอกสาขาด้านความเป็นผู้นำมาใช้ในธุรกิจ ตอบโจทย์ทางธุรกิจและสาขาเศรษฐศาสตร์

ดร.ฝนเล่าว่า ประมาณเดือนเมษายน ปี 2012 นายธนินท์มา Business Trip ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และแวะมาที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด โดยเชิญนักเรียนไทย ประธานนักเรียน มารับประทานข้าวกลางวัน ถามไถ่ชีวิตทั่วไป เรื่องการเรียน ซึ่งท่านคงเห็นแวว “ความกระหายอยากเรียนรู้” ตั้งแต่ตอนนั้น และถูกเรียกตัวให้มาร่วมโครงการ Young Talents ของซีพี

“ท่านมาบอก 5 ปีให้หลัง เมื่อต้นปี 2017 ว่าท่านมองและเห็นแววตา ตอนนั้นดูเป็นเด็กกะโปโลมาก เพิ่งสอบเสร็จ ไม่ได้หวีผม เสื้อกับกระโปรงไม่แมตช์กัน จำได้ ท่านถามว่า ว่างไหม และในโต๊ะนั้นไม่มีใครว่าง เพราะเป็นเทศกาลสอบ แต่ฝนอยู่มหาวิทยาลัย สอบเสร็จแล้ว ท่านว่า เดี๋ยวบินไปนิวยอร์กด้วยกัน 4 คืน 5 วัน หลังจากนั้น ทุกครึ่งปีท่านจะให้มาฝึกงานที่ซีพี 3 ปีก่อนเรียนจบ ห้าหกครั้ง ท่านว่า ว่าง 10 วันก็ต้องกลับมาดูงาน ตามท่านไปเมืองจีน ตามไปยุโรป ไปดูงานร้านอาหารดังๆ ห้างใหญ่ เพื่อให้เราเข้าใจธุรกิจตามแนวคิดที่ท่านวางไว้ อยากให้มาช่วยสร้างคน สร้างผู้นำ ซึ่งเป็นการสร้างคนดี สร้างคนที่มุมานะ ท่านว่า แม้เขาไม่ได้อยู่ซีพี เขาออกไปทำธุรกิจ เขาจะเป็นบุคลากรที่ดีของประเทศ”

ปี 2560 หลังจากร่วมเป็น Young Talents รุ่นบุกเบิก ดร.ฝน ตัดสินใจทิ้งโอกาสการทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกามาลุยงานในเครือซีพี เป็นรองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้นำ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ช่วยจัดทำหลักสูตร C.P. Leadership Development Action Learning Program ซึ่งถือเป็นเฮดควอเตอร์ในการสร้าง “คน” และผู้นำรุ่นใหม่ของซีพี

จนกระทั่งเครือซีพีตัดสินใจตั้งบริษัท วายแอนด์โอ เพื่อเป็นฐานต่อยอดโมเดลธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและเป็นเวทีให้กลุ่ม Young Talents เข้ามาโชว์ชั้นเชิงธุรกิจ คิดกลยุทธ์การตลาด โดยเฉพาะการบริหารธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้นหาทำเล เจรจาค่าเช่า ศึกษาเมนู เรียนรู้ทุกขั้นตอนจนถึงปิดประตูร้าน ซึ่ง “ฟรายด์เดส์” คือโมเดลหนึ่งที่ซีพีต้องการผลักดันให้สามารถดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จ

สำหรับคอนเซ็ปต์ของร้านฟรายด์เดส์ คือ Lifestyle Quick Service Restaurant ที่ครบเครื่อง หลุดกรอบและชูแบรนด์ไก่ทอดสไตล์ไทยผสมผสานไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ผู้คนสามารถใช้เวลาได้ตลอดทั้งวันและทุกวัน เรียกว่า ALL DAY @ FRIEDDAYS ยึดหลัก “ปัจจัยสี่” อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งโมเดลร้านสาขาแรกในอาคารฟอร์จูนทาวน์ มีพื้นที่รวม 264 ตารางเมตร แบ่งเป็น 3 โซน

ประกอบด้วย ฟาสต์โซน (Fast Zone) หรือพื้นที่รับประทานอาหารที่เน้นความรวดเร็ว ที่นั่งกะทัดรัด เหมาะกับคนทำงานออฟฟิศ

โซนที่ 2 รีแลกซ์โซน (Relax Zone) รองรับการพบปะของเพื่อนฝูง การสังสรรค์ หรืออยากอยู่เงียบๆ ทำงาน อ่านหนังสือ ที่นั่งมีความสะดวกสบายมากขึ้น ปูเบาะ เป็นสัดส่วน มีปลั๊กเสียบชาร์จโน้ตบุ๊กและมือถือ

โซนที่ 3 ไพรเวตโซน (Private Zone) หรือพื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ สำหรับการประชุมงานย่อย หารือธุรกิจ ซึ่งแยกสัดส่วนห้องชัดเจน และบริการจอมอนิเตอร์ เลเซอร์ นอกจากนี้ มีพื้นที่ “ฟรายด์เดส์ คาเฟ่” สำหรับคอกาแฟ รวมทั้งเบียร์และมีรายการดนตรีแสดงสด มีมุมจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์เครื่องเขียน เครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งสอดรับกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

ส่วนอาหาร ซึ่งถือเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญที่สุด จะเน้นไก่ทอดรสชาติไทยๆ ทั้ง ไก่ทอดซอสพริกสด เผ็ดแบบโหระพา ซอสมะขาม น้ำพริกเผา โดยตัดชิ้นไก่หรือ “คัตส์” (Cuts) เป็น 8 ชิ้นต่อตัว ต่างจากค่ายอื่นที่ตัดเป็น 9 หรือ 10 ชิ้น เช่น ปีก (Wing) น่อง (Drumstick) สะโพก (Thigh) อก (Breast) และมีเมนูอื่นแบบไทยๆ เช่น ยำไก่นุ่ม สลัดไก่นุ่ม ไก่อบสไปซี่ เมนูข้าวไก่ฟรายด์เดส์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารมาเลเซียอย่าง นาซีเลอมะก์ เสิร์ฟข้าวไก่ทอด ไข่ต้ม และน้ำพริกเผา

นอกจากนี้ มีเมนูแรพ (Wrap) นำแป้งหรือขนมปังแผ่นแบนบางและนุ่มมาห่อหุ้มไส้ต่างๆ สไตล์เดียวกับตอร์ติญ่าของอาหารเม็กซิกัน รวมถึงสแน็ก เอ็นข้อไก่ทอด และหนังไก่ทอด ซึ่งสามารถรับประทานคู่กับเบียร์ในมื้อค่ำ

“เราเปลี่ยนเมนูและเพิ่มเมนูใหม่ๆ ตลอดเวลา โดยสำรวจจากความต้องการของผู้บริโภคและเมนูเบสต์เซลเลอร์ ซึ่งล่าสุดมีทั้งหมด 30-40 เมนู เพื่อย้ำคอนเซ็ปต์ร้านไลฟ์สไตล์ที่ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตตั้งแต่เปิดร้าน 7 โมงเช้าถึงปิดร้าน 4 ทุ่ม มีเซตเมนูต่างกัน อย่างมื้อเช้ามีเมนูแนะนำ ขนมปังไก่กรอบ มื้อเที่ยงมีข้าวผัดต้มยำไก่กรอบ มื้อเย็นแนะนำยำวุ้นเส้นรวมแซ่บ และช่วงค่ำมีเมนู ที ไทม์ เซต เพื่อความหลากหลาย”

ขณะเดียวกัน บริษัทดึงเทคโนโลยีเข้ามาเสริมความเป็นไลฟ์สไตล์ โดยให้ลูกค้าใช้คิวอาร์โค้ดสั่งอาหารที่จอและนำไปชำระเงินหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อลดความแออัดในบางช่วงเวลา

ด้านการขยายสาขาร้านนั้น บริษัทพุ่งเป้าพื้นที่ตามหัวเมืองต่างๆ เช่น พัทยา เชียงใหม่ โคราช ทำเลย่านธุรกิจ ชุมชน เช่น สยามสแควร์ สีลม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเก็บข้อมูล เพี่อปรับโมเดลร้านให้เหมาะกับทำเลและกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นโมเดลขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และคีออส โดยในต้นปีหน้าจะเปิดสาขา 2 ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนลุคใหม่ แต่คงคอนเซ็ปต์อาหารและสี “ส้ม-ดำ” ของร้านเป็นเอกลักษณ์หลัก

แน่นอนว่า แม้เทียบกับค่ายคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในแง่จำนวนสาขา อย่างเคเอฟซี ปัจจุบันมีร้านในประเทศไทยมากกว่า 624 สาขา แยกบริหารโดยแฟรนไชซี 3 ราย คือ บริษัท เดอะ คิว เอส อาร์ ออฟ เอเชีย (คิวเอสเอ) ในเครือไทยเบฟเวอเรจ 252 ร้าน เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (ซีอาร์จี) 234 ร้าน และ เรสเทอรองตส์ ดีเวลลอปเม้นท์ (อาร์ดี) อีก 138 ร้าน โดยตั้งเป้าหมายเปิดครบ 800 สาขาภายในปี 2563 และครบ 1,000 แห่งหลังจากนั้น

ขณะที่แมคโดนัลด์ ซึ่งกำลังเร่งรุกตลาดไก่ทอดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดแคมเปญ “แมคไก่ทอดรสเผ็ด” เพื่อแข่งขันกับค่ายเคเอฟซี เวลานี้มีสาขาในไทยรวม 243 สาขา ทั้งรูปแบบร้านมีที่นั่งรับประทาน ร้านไดรฟ์ทรู และร้านบริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่นับรวมเคาน์เตอร์ของหวาน (Dessert Center) และแมคคาเฟ่ โดยตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 20-25 สาขา หรือจะมีสาขามากกว่า 360 แห่งภายในปี 2564

แต่คู่แข่งหน้าใหม่อย่าง “ฟรายด์เดส์” ไม่ธรรมดา ซึ่ง ดร.ฝนยืนยันว่า เมื่อโมเดลทั้งหมดลงตัวและมั่นคงแล้ว โอกาสรุกตลาดจะรวดเร็วฉับไวทันที เพราะมีทุนรองรับเต็มที่

มาครบเครื่องขนาดนี้ สงครามไก่ทอดกำลังพลิกโฉม ร้อนเดือดขึ้นอีกแล้ว

 

ใส่ความเห็น