วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
Home > Life > เยือนถิ่นเมืองลาว ในท่ามกลางจินตนาการ AEC

เยือนถิ่นเมืองลาว ในท่ามกลางจินตนาการ AEC

เทศกาลสงกรานต์ใกล้เข้ามา หลายคนเตรียมตัวสนุกกับการสาดน้ำดับร้อน หลายคนวางแผนเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตให้กับตัวเองในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึง หลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวคงผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับผู้ที่แสวงหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ วันนี้เราจะขอนำเสนออีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะกับการเติมพลังชีวิตให้กับตัวเอง กับประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับไทย อย่างสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ดินแดนที่ได้ชื่อว่าเป็น…Battery of Asia

การเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศลาวสำหรับคนไทยแล้วถือว่าสะดวกเพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ห่างกันแค่ลำน้ำโขงกั้นกลางเท่านั้น และมีความคล้ายคลึงกันในหลายๆ ด้านทั้งภาษา วัฒนธรรม แต่ในความคล้ายกันนั้นก็มีความต่างซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์และเป็นเสน่ห์เฉพาะของลาว ภายใต้ความสะดวกในการเดินทางเข้าไปเยี่ยมเยือนประเทศเพื่อนบ้านนั้น เราต้องให้ความเคารพต่อระเบียบ กฎหมาย วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของชาวลาว สิ่งใดที่เป็นข้อห้ามไม่พึงกระทำ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายเวลาเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ มารยาทที่ไม่ควรกระทำ ข้อห้ามในการถ่ายภาพในสถานที่บางแห่ง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวพึงตระหนัก เพื่อไม่ทำผิดต่อกฎระเบียบของบ้านเมืองที่เราไปเยือน เพราะหากทำในสิ่งที่ไม่พึงกระทำแล้ว การต้องแก้ปัญหาขณะเดินทางท่องเที่ยวคงไม่ใช่เรื่องสนุกเป็นแน่

สำหรับจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้คือ “นครเวียงจันทน์” เมืองหลวงแห่งประเทศลาว ซึ่งการเดินทางไปยังนครเวียงจันทน์นั้นสามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบประหยัดเวลาแต่ความสะดวกสบายสูงอย่างเครื่องบินซึ่งมีหลายสายการบินให้เลือกใช้บริการ หรือถ้าอยากจะขับรถไปเองก็สามารถทำได้ อีกทั้งยังสามารถใช้บริการการรถไฟไทยเส้นทาง กรุงเทพฯ–หนองคาย แล้วข้ามไปยังฝั่งลาวด้วยรถไฟระหว่างประเทศ หนองคาย-ท่านาแล้ง ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ 15 นาทีจากฝั่งไทย ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง อีกหนึ่งวิธีการเดินทางที่เราอยากแนะนำคือ รถทัวร์ เส้นทางกรุงเทพฯ–เวียงจันทน์ ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ซึ่งเป็นเส้นทางใหม่ที่เพิ่งเปิดบริการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเดินทางข้ามไปยังประเทศลาว และรองรับประชาคมอาเซียนที่กำลังจะมาถึง

จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง ก็มาถึงยังนครหลวงเวียงจันทน์ โดยต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้บริการของรถทัวร์ระหว่างประเทศสายนี้ แต่ยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนลาวเองที่เดินทางเข้ามาติดต่อธุระหรือท่องเที่ยวในไทยก็ใช้บริการของรถสายนี้เช่นกัน ซึ่งโดยรวมแล้วนับว่าเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายพอควร และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียว

รถพาเรามาส่งที่ขนส่งกลางของเวียงจันทน์ จากจุดนี้สามารถเดินทางต่อไปยังเมืองต่างๆ ของลาวได้สะดวก มีทั้งรถโดยสารระหว่างเมืองและรถตู้ขนาดเล็กแบบเช่าเหมาคันไว้คอยบริการ สามารถสอบถามเส้นทางและราคาค่าโดยสารได้จากท่ารถและคนขับได้โดยตรง ด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกัน และสกุลเงินที่ใช้ทดแทนกันได้ ทำให้การเดินทางมาท่องเที่ยวในลาวสำหรับคนไทยแล้วค่อนข้างสะดวกทีเดียว

สำหรับตัวเมืองเวียงจันทน์เอง เป็นเมืองเล็กๆ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน โดยมีถนนสายหลักที่เป็นย่านท่องเที่ยวที่สำคัญๆ คือ ถนนล้านช้าง ถนนสามเสนไทย และถนนเชษฐาธิราช  สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร จุดแลกเปลี่ยนเงินตรา และการเดินทาง มีเพียงพอรองรับนักท่องเที่ยว สิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาเยือนนครหลวงจันทน์ คือการเยี่ยมชมโบราณสถานและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของลาว

พระธาตุหลวง ปูชนียสถานอันสำคัญและเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ สร้างขึ้นคราวเดียวกับเมืองนครเวียงจันทน์ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย และมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวกันพระธาตุพนมในประเทศไทย พระธาตุหลวงเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏอยู่ในตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

มาเวียงจันทน์ ยังไงก็ต้องถ่ายรูปคู่กับ “ประตูชัย” อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศลาว และเป็นอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงประชาชนลาวผู้เสียสละชีวิตในสงคราม โดยได้รับอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมมาจากประตูชัย ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมในสมัยนั้น แต่ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้ง พระพุทธรูปศิลปะแบบลาว และภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ ประตูชัยยังมีบันไดวนให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปบนยอดของประตูชัยเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองเวียงจันทน์ได้อีกด้วย บริเวณรอบๆ ประตูชัย ยังมีซุ้มรับถ่ายภาพโพลารอยด์คู่กับประตูชัยเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่หลายซุ้ม

หอพระแก้ว สถานที่ที่เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต และเคยเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ของลาว ปัจจุบันเหลือเพียงพระแท่นที่ประดิษฐานเท่านั้น โดยหอพระแก้วที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นถูกบูรณะขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด ในปี พ.ศ. 2480–2483 ถึงแม้ว่าหอพระแก้วในปัจจุบันจะไม่ได้ดำรงอยู่ในฐานะของวัดแล้ว แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงเดินทางมาสักการบูชาเป็นจำนวนมาก ตรงข้ามกับหอพระแก้วเป็นที่ตั้งของวัดสีสะเกด อีกหนึ่งศาสนสถานและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ วัดสีสะเกดสร้างโดยเจ้าอนุวงศ์ในปี พ.ศ. 2361 และถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง เพราะเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกทำลายโดยกองทัพสยาม เหตุเพราะเจ้าอนุวงศ์ทรงออกแบบวัดตามอย่างศิลปะไทยสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงเป็นเหตุให้กองทัพสยามไม่ทำลายวัดแห่งนี้ ปัจจุบันวัดสีสะเกดเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชของลาว ซึ่งอาณาบริเวณรอบๆ วัดสีสะเกดและหอพระแก้วนั้นเคยถูกใช้เป็นศูนย์กลางของหน่วยงานปกครองของฝรั่งเศสสมัยอาณานิคมมาก่อน

นอกจากวัดวาอารามแล้ว การเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองเวียงจันทน์ยังเป็นสิ่งที่สร้างความรื่นรมย์ให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี นครหลวงเวียงจันทน์เมืองที่ได้ชื่อว่าเจริญที่สุดของลาวของ สปป.ลาว ถนนหนทางและตึกรามบ้านช่องดูทันสมัย รถราโดยเฉพาะรถหรูๆ ดูหนาตา แต่ในความทันสมัยเหล่านั้น ภาพของแม่หญิงลาวนุ่งซิ่นไปทำงาน ไปเรียน และในชีวิตปกติประจำวัน ยังคงเป็นภาพที่เราเห็นได้อย่างชินตา ความเรียบง่ายของวิถีชีวิต อัธยาศัยไมตรีของชาวลาว และวิถีดั้งเดิมที่เดินควบคู่ไปกับความเจริญได้อย่างกลมกลืนคือเสน่ห์เฉพาะของลาว

เวียงจันทน์ถือเป็นศูนย์กลางของความเจริญ การค้า และเป็นจุดเชื่อมต่อในการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งถ้าใครรู้สึกชินตากับสถานที่ท่องเที่ยวในนครเวียงจันทน์ อยากเห็นอะไรที่แปลกตาออกไป ครั้งหน้าเราจะพาไปพบกับเมืองอื่นๆ ของลาว ที่มีเรื่องราวความเป็นมาและมีเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตให้กับตัวเอง