วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 2, 2024
Home > Cover Story > ส่องอาณาจักรหลายแสนล้าน “กลุ่มเซ็นทรัล” ธุรกิจในมือตระกูลจิราธิวัฒน์

ส่องอาณาจักรหลายแสนล้าน “กลุ่มเซ็นทรัล” ธุรกิจในมือตระกูลจิราธิวัฒน์

ตระกูลจิราธิวัฒน์ เป็นหนึ่งในตระกูลที่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดบ่อยครั้งเมื่อมีความเคลื่อนไหวในด้านธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อบริษัท “เซ็นทรัล” ที่ครอบคลุมธุรกิจอยู่ใน 3 กลุ่มใหญ่ อย่าง เซ็นทรัลพัฒนา เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือ โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา

อย่างล่าสุดที่คนในตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งเป็นทายาทเจน 3 ของตระกูล ตัดสินใจเปิดธุรกิจบริหารจัดการกองทุน Private Equity ภายใต้การบริหารงานโดย ภูมิ จิราธิวัฒน์ ซึ่งบริษัทนี้เป็นการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด

การเปิดธุรกิจใหม่ของทายาทจิราธิวัฒน์เป็นภาพสะท้อนแนวคิดที่ถูกส่งต่อมาจากดีเอ็นเอในการทำธุรกิจของตระกูลจิราธิวัฒน์

วันนี้ธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัลมีมูลค่าประมาณ 600,000 ล้านบาท โดยมาจาก บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPNที่มีมูลค่าประมาณ 294,000 ล้านบาท เป็นผู้พัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า และธุรกิจอื่น เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ที่พักอาศัย บริหารงานโดย วัลยา จิราธิวัฒน์

จังหวะก้าวของการขยายอาณาจักรของ CPN มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในหลายพื้นที่เพื่อให้ครอบคลุมการขยายตัวของประชากรและเมือง นอกจากนี้ ยังเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บมจ. สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF ที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เคยถือครอง นั่นทำให้ศูนย์การค้าในพอร์ตของ CPN เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น เมกาบางนา, ดิ อเวนิว, เจ อเวนิว, เอสพลานาด รัชดา

ปัจจุบันศูนย์การค้าภายใต้การดูแลของเซ็นทรัลพัฒนามีทั้งหมด 39 แห่ง โดยเป็นศูนย์การค้าในประเทศ 38 แห่ง และประเทศมาเลเซีย 1 แห่ง

โดยรายได้ 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 33,701 ล้านบาท และกำไรใน 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 11,085 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากศูนย์การค้า 78% การขายอสังหาฯ 11% โรงแรม 3% อาคารสำนักงาน 3% ศูนย์อาหาร 2% และอื่นๆ 3%

อีกหนึ่งธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล ที่น่าสนใจไม่น้อยคือ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC บริหารจัดการธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศไทย อิตาลี และเวียดนาม มีมูลค่าสูงถึง 235,200 ล้านบาท บริหารงานโดย ญนน์ โภคทรัพย์ มืออาชีพที่ถูกกลุ่มเซ็นทรัลดึงเข้ามาเสริมทัพให้ CRC เพราะมีความเชี่ยวชาญในด้านสินค้าอุปโภคบริโภคจากประสบการณ์บริหารงานในบริษัท ยูนิลิเวอร์ ประเทศไทย

ธุรกิจที่อยู่ภายใต้เซ็นทรัล รีเทล ได้แก่ Tops, Go Wholesale, ไทวัสดุ, BnB Home, พาวเวอร์บาย, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์

การขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล โดยมีหมุดหมายอยู่ที่การเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจค้าปลีก คงต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของห้างค้าปลีกภายใต้การบริหารงานของ CRC นั้นล้วนแล้วแต่เลือกทำเลที่ดีที่สุด และครอบคลุมเมืองหลักในหลายประเทศ โดยข้อมูลจากเว็บไซต์ของเซ็นทรัลรีเทลระบุว่า มีร้านค้าจำนวน 1,897 ร้านใน 56 จังหวัดในประเทศไทย 121 ร้านใน 41 จังหวัดของเวียดนาม และห้างสรรพสินค้าจำนวน 9 สาขาใน 8 เมืองที่ประเทศอิตาลี ซึ่งยังไม่นับรวม Go Wholesale ห้างค้าส่งค้าปลีกที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงปลายปี 2566 และกำลังเริ่มขยายสาขาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ธุรกิจของเซ็นทรัลรีเทลน่าจะเป็นรายได้หลักของกลุ่มเซ็นทรัล โดยในปีที่ผ่านมา รายได้ 9 เดือนแรกอยู่ที่ 182,784 ล้านบาท กำไร 4,878 ล้านบาท

จำนวนห้างสรรพสินค้าที่อยู่ภายใต้ปีกของเซ็นทรัลรีเทลจะเพียงพอต่อการสู้ศึกค้าปลีกในไทยที่ยังคงระอุอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่การบุกตลาดเวียดนามด้วยการมองภาพรวมทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่กำลังอยู่ในกระแสธารของการเติบโต การช่วงชิงกระแสบวกนี้ดูจะเป็นการเดินเกมอันชาญฉลาดของผู้บริหารเซ็นทรัลรีเทลที่เข้าไปปักหมุดในเวียดนาม และกำลังสยายปีกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ทิศทางการเติบโตของเวียดนามดูจะมุ่งเน้นไปที่ภาคการผลิตและการส่งออก เห็นได้จากนโยบายของภาครัฐที่เปิดประเทศต้อนรับนักลงทุนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจกลุ่มสุดท้ายในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป คือ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) บริหารจัดการโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราทั้งสิ้น 6 แบรนด์ จำนวน 90 แห่งใน 14 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา ศรีลังกา มัลดีฟส์ จีน กาตาร์ โอมาน สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกี ญี่ปุ่น และพม่า

และยังมีธุรกิจอาหารอีก 20 แบรนด์ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ เซ็นทารา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท) เช่น KFC, mister donut, Auntie Anne’s, Cafe Amazon เป็นต้น

ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมีมูลค่าอยู่ที่ 61,500 ล้านบาท บริหารงานโดย ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์  รายได้ 9 เดือนแรกปี 2566 อยู่ที่ 16,530 ล้านบาท กำไร 823 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้มาจากร้านอาหาร 56% และโรงแรม 44%

นอกจากนี้ ตระกูลจิราธิวัฒน์ยังมีธุรกิจอื่นที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ชื่อ “เซ็นทรัล” ได้แก่ โรงแรมเครือ SALA ร้านอาหารเครือ Zen Group และ Potato Corner ในประเทศไทย

จากจุดเริ่มต้นของ เตียง จิราธิวัฒน์ ที่เปิดกิจการร้านขายของชำเล็กๆ เมื่อปี พ.ศ. 2493 โดยขายของใช้เบ็ดเตล็ดและสินค้าจิปาถะในย่านชุมชนเก่าแก่ของกรุงเทพฯ และก่อตั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแห่งแรกในย่านวังบูรพาเมื่อปี 2499 พร้อมกับบุตรชายทั้งสามคนคือ สัมฤทธิ์, วันชัย และสุทธิพร และก่อตั้งบริษัท เซ็นทรัล พลาซา จำกัด ในปี 2523 จากนั้นในปี 2524 เปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมต่อห้างสรรพสินค้าสู่อาคารสำนักงาน ศูนย์ประชุม และโรงแรมไฮแอทเซ็นทรัลพลาซา หรือ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวในปัจจุบัน

การเป็นผู้ริเริ่มให้กับอุตสาหกรรมค้าปลีกของไทยในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าเครื่องสำอาง การให้บริการลูกค้าอย่างครบวงจร ทำให้วันนี้กลุ่มเซ็นทรัลก้าวขึ้นมาอยู่ในฐานะผู้นำของธุรกิจค้าปลีกและการบริการ ที่มีมูลค่าอาณาจักรร่วม 6 แสนล้านบาท

การเป็นผู้นำและเป็นเลิศในทุกอุตสาหกรรมที่เซ็นทรัลทำอยู่ ดูจะเป็นวิสัยทัศน์ที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ต้องบอกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การเดินเกมของกลุ่มเซ็นทรัลภายใต้การดูแลของตระกูลจิราธิวัฒน์ สร้างจุดเปลี่ยนของธุรกิจในเครือในหลายมิติ และบทถัดไปของกลุ่มเซ็นทรัลจะเป็นอย่างไร เราคงได้เห็นกันอย่างต่อเนื่องแน่นอน.