วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
Home > Cover Story > “แดรี่โฮม” ธุรกิจเพื่อสังคม เปลี่ยนวิถีการทำโคนมสู่ความเป็นออแกนิก

“แดรี่โฮม” ธุรกิจเพื่อสังคม เปลี่ยนวิถีการทำโคนมสู่ความเป็นออแกนิก

ในอดีตการทำฟาร์มโคนมของไทยมักประสบปัญหาทั้งคุณภาพและกระบวนการผลิต มีการปนเปื้อนของสารจำพวกยาปฏิชีวนะในน้ำนม ปัญหาความยั่งยืนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมที่ต้องแบกรับต้นทุนในการทำฟาร์มที่สูง โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายเรื่องยาและอาหารวัว

อีกทั้งการทำฟาร์มแบบอุตสาหกรรมที่เน้นปริมาณเป็นวิถีการผลิตที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ และที่สำคัญไม่สามารถทำให้เกษตรกรผู้ผลิตมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีแบบยั่งยืนได้

นั่นคือสิ่งที่ “พฤฒิ เกิดชูชื่น” ผู้ที่คลุกคลีกับฟาร์มโคนมมากว่า 10 ปี มองเห็นและพยายามหาทางแก้ไข เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์นมในประเทศไทย และเพื่อหาทางรอดให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในระยะยาว จนนำมาสู่การก่อตั้ง “แดรี่โฮม” ขึ้นในปี 2542 ณ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อผลักดันให้เกิดการผลิตน้ำนมอินทรีย์ หรือ นมออแกนิก ที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ได้ผลผลิตที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และนับเป็นผู้บุกเบิกการผลิตนมออแกนิกรายแรกของเมืองไทย

โดยแดรี่โฮมได้พัฒนาวิถีการเลี้ยงโคนมอินทรีย์ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมในเมืองไทย เลิกใช้เคมีเกษตรโดยสิ้นเชิง หญ้าซึ่งเป็นอาหารหลักของวัวและอาหารอื่นๆ จะต้องปลอดสารเคมี ต้องมีพื้นที่ให้วัวเดินได้อย่างอิสระ เป็นการเลี้ยงวัวที่ยึดความสุขของวัวเป็นหลัก ทำให้วัวมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุข ซึ่งจะส่งผลต่อน้ำนมที่ได้ ซึ่งแดรี่โฮมการันตีว่าเป็นน้ำนมออแกนิกเต็มไปด้วยสารอาหารทั้งวิตามิน โปรตีน ไขมัน และไม่มีสารก่อภูมิแพ้

ทางรอดของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
การทำฟาร์มโคนมแบบเดิมแม้จะสร้างรายได้จำนวนมากให้กับเกษตรกร แต่ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะใช้ไปกับค่าอาหารวัวและค่ายา นั่นทำให้เกษตรกรโคนมจำนวนไม่น้อยไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้

อีกทั้งแดรี่โฮมยังมองว่า ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Area: FTA) ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2568 และทำให้ภาษีน้ำนมนำเข้าเป็นศูนย์นั้นย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อเกษตรกรโคนมอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในอนาคตถ้าเกษตรกรไทยไม่พัฒนาหรือทำอะไรให้แตกต่าง น้ำนมโคของไทยจะสู้ของต่างชาติไม่ได้ ซึ่งทางรอดคือการเลี้ยงโคนมด้วยวิถีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะ และทำให้ผลิตภัณฑ์นมเป็นนมออแกนิก เพื่อเพิ่มคุณค่าและสร้างความต่างให้กับผลิตภัณฑ์

แดรี่โฮมจึงสนับสนุนให้เกษตรกรโคนมปรับเปลี่ยนวิถีการทำฟาร์มแบบเดิมสู่การเป็นฟาร์มโคนมอินทรีย์ เพื่อสร้างทางรอดและทำให้ความเป็นอยู่ของเกษตรกรดีขึ้น ซึ่งแดรี่โฮมจะเข้าไปให้ความรู้กับเกษตรกรในการทำฟาร์มโคนมแบบอินทรีย์ โดยมีกฎง่ายๆ 3 ข้อ คือ 1. ห้ามใช้ปุ๋ยเคมี 2. ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ถ้าวัวเจ็บป่วยและต้องใช้ยาจริง ๆ ก็สามารถให้ได้ แต่ต้องจับแยกออกจากฝูง และต้องเว้นระยะก่อนที่กลับมารีดนมได้อีกครั้ง 3. เปลี่ยนสัดส่วนอาหารวัวระหว่างอาหารข้นและอาหารหยาบ เช่น หญ้าและฟางข้าว

แต่แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรให้หันมาเลี้ยงวัวแบบออแกนิกไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ทั้งผลลัพธ์และเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ เรื่องแรกเลยคือเกษตรกรจะได้นมที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น ปลอดภัยไร้สารปนเปื้อน และขายได้ราคาดี ประเด็นต่อมาคือเรื่องความยั่งยืนของอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพราะการทำฟาร์มโคนมแบบวิถีธรรมชาติช่วยลดต้นทุนของฟาร์มที่ยั่งยืนที่สุด ลดค่าอาหารวัวเพราะเกษตรกรสามารถผลิตอาหารวัวอย่างหญ้าและฟางข้าวที่ปลอดสารได้ อีกทั้งยังลดค่ายาอีกด้วย

ในส่วนของผู้บริโภคเองก็จะได้ประโยชน์โดยตรง เพราะน้ำนมที่ถูกผลิตด้วยวิถีธรรมชาติย่อมมีคุณภาพที่ดีต่อผู้บริโภค ไม่เพียงเท่านั้นยังส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะฟาร์มที่เปลี่ยนมาเป็นออแกนิกจะช่วยลดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม ลดสารตกค้างจากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ที่จะปนเปื้อนในธรรมชาติ ซึ่งล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สามารถเปลี่ยนความคิดของเกษตรกรให้หันมาทำฟาร์มโคนมออแกนิกได้

ปัจจุบันแดรี่โฮมสามารถสร้างเครือข่ายเกษตรกรฟาร์มโคนมออแกนิกได้ถึง 30 ราย และทุกรายพ้นขีดความยากจนทั้งหมด โดยแดรี่โฮมจะรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ก่อนนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “แดรี่โฮม” ซึ่งมีทั้งนม โยเกิร์ต และนมอัดเม็ด วางขายในห้างสรรพสินค้า ตัวแทนจำหน่าย ช่องทางออนไลน์ รวมถึงหน้าร้านของแดรี่โฮมเอง

ซึ่งความพิเศษของหน้าร้านแดรี่โฮมที่ปากช่องนั้นไม่ได้มีเพียงผลิตภัณฑ์นมออแกนิกเท่านั้น แต่ยังถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักผลิตภัณฑ์ออแกนิกก็ว่าได้ เพราะแดรี่โฮมได้รับเลือกจากกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นหน้าร้านจำหน่ายสินค้าออแกนิกหลากหลายจากทั่วประเทศ ทั้งผัก ผลไม้ ของใช้ต่างๆ นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้ชุมชนและพนักงานของตนเองผลิตสินค้าออแกนิกเพื่อส่งมาขายด้วยเช่นกัน

โดยเป้าหมายในอนาคตแดรี่โฮมจะพยายามขยายแครือข่ายเกษตรกรโคนมออแกนิกออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะเมื่อเทียบสัดส่วนฟาร์มโคนมในประเทศไทยทั้งหมดแล้ว ฟาร์มโคนมออแกนิกยังถือว่ามีอยู่น้อยมาก อีกทั้งการสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบออแกนิกจะยิ่งทำให้สินค้าออแกนิกเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และจะส่งผลดีในระยะยาวต่อไป

ดูแลสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร
จุดเริ่มต้นของแดรี่โฮมคือการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นนอกจากให้ความสำคัญกับกระบวนการเลี้ยงวัวแล้ว ในกระบวนการผลิตก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน โดยโรงงานของแดรี่โฮมถือเป็นโรงงาน Zero Waste ไม่ปล่อยของเสียออกสู่ธรรมชาติ กระบวนการผลิตมีการใช้พลังงานทางเลือกอย่างพลังงานแสงอาทิตย์จากโซลาร์เซลล์ที่ใช้มามากกว่า 15 ปีแล้ว สามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 25%

นอกจากนั้นยังมีการแยกขยะ ขยะอาหารนำไปเลี้ยงสัตว์ ขยะที่สามารถรีไซเคิลได้นำไปให้พนักงานแปรรูปหรือนำไปขายเพื่อเป็นรายได้เสริม มีระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้ทุกสิ่งที่ออกมาจากขั้นตอนการผลิตหมุนเวียนนำกลับมาใช้ประโยชน์ และเพื่อสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด

ล่าสุดยังได้ร่วมมือกับ “Ecolean” (อีโคลีน) ผู้นำนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกจากสวีเดน เพื่อปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แบบเดิมของแดรี่โฮมที่เป็นแกลลอนพลาสติก หันมาใช้บรรจุภัณฑ์จากอีโคลีน ที่มีน้ำหนักเบา ใช้พลาสติกน้อย ช่วยลดปริมาณการสร้างขยะ และลดการใช้ทรัพยากร ที่สำคัญยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้อีกด้วย

โดยบรรจุภัณฑ์จากอีโคลีนถือว่าตอบโจทย์วิถีการดำเนินธุรกิจของแดรี่โฮมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเช่นกัน และที่สำคัญยังเป็นการต่อจิ๊กซอว์ความเป็นแบรนด์รักษ์โลกของแดรี่โฮมให้เด่นชัดขึ้นไปอีกขั้น.