วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
Home > Cover Story > เซเว่นฯ โต้กลับศึกโชห่วย แม็คโครดัน “บัดดี้มาร์ท” หนุน

เซเว่นฯ โต้กลับศึกโชห่วย แม็คโครดัน “บัดดี้มาร์ท” หนุน

กลุ่ม “ซีพี” ต้องเร่งเสริมทัพหนุนร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ครั้งใหญ่ หลังคู่แข่งเปิดเกมรุกผุดเครือข่ายร้านชุมชนล้อมกรอบทุกพื้นที่ ทั้งร้านโดนใจของค่ายบิ๊กซี กลุ่มตระกูลเจริญสิริวัฒนภักดี ร้านถูกดีมีมาตรฐานของเจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ป “ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส” รวมถึงกลุ่มเซ็นทรัลที่ลุยยกเครื่อง “ท็อปส์ เดลี่-แฟมิลี่มาร์ท” เพิ่มพื้นที่เช่าและโซนที่นั่งรับประทานอาหาร

ล่าสุด แม็คโคร ประเทศไทย หนึ่งในกลุ่มค้าปลีกค้าส่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศเปิดตัวร้านค้าปลีกชุมชนแบรนด์ใหม่ “บัดดี้มาร์ท (Buddy Mart)” เสมือนเป็นทัพหนุนร้านชุมชน “มิตรแท้ชุมชน” แบรนด์เดิมและยังช่วยอุดช่องว่างในพื้นที่ชุมชนและฐานลูกค้าที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นรุกเข้าไปไม่ถึง

ธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งธุรกิจโชห่วยมีสัดส่วนมากถึง 55% และร้านโชห่วยเหล่านี้เป็นหนึ่งในฐานลูกค้าสำคัญของบริษัท โดยจากฐานสมาชิกผู้ประกอบการกว่า 500,000 รายนั้น สร้างยอดขายถึง 30% ของยอดขายรวม

การเปิดร้านบัดดี้มาร์ทจะเป็นกลไกเพิ่มศักยภาพของฐานลูกค้ากลุ่มนี้และหมายถึงฐานรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นด้วย

“แม็คโครกับลูกค้าโชห่วยทั่วประเทศมีความผูกพันกันมานานกว่า 30 ปี ทุกปีเราจัดงานตลาดนัดโชห่วย เพื่ออัปเดตเทรนด์ธุรกิจให้ร้านค้าเล็ก ๆ มีโครงการประกวดทายาทโชห่วยแข่งขันไอเดียพัฒนาร้านของคนรุ่นใหม่หรือลูกหลานเจ้าของธุรกิจโชห่วย เมื่อนำมาเสริมกับข้อมูลเชิงลึกของแม็คโคร เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาร้านค้าปลีกที่ตอบโจทย์ให้โชห่วยและจับมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาสมาร์ทโชห่วยต่อยอดให้ผู้ประกอบการรายย่อย เกิดเป็นโมเดลทั้งมิตรแท้ชุมชนจนมาถึงรูปแบบล่าสุด บัดดี้มาร์ท”

สำหรับการลงทุนร้านบัดดี้มาร์ท เจ้าของร้านโชห่วยที่เข้าร่วมจะใช้งบลงทุน 400,000 บาท แบ่งเป็นค่าเงินค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน โดยมี 3 ขนาดทางเลือก คือ Package S หรือร้านขนาดเล็ก พื้นที่ 48-50 ตารางเมตร สินค้าประมาณ 1,600 รายการ

Package M 51-100 ตร.ม. ร้านขนาดกลาง สินค้าประมาณ 2,200 รายการ และ Package L ร้านขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 100 ตร.ม. จำนวนสินค้าประมาณ 3,000 รายการ

ส่วนฝ่ายบัดดี้มาร์ทร่วมลงทุนให้คู่ค้า 1.5 ล้านบาท ติดตั้งระบบ POS ระบบบริหารจัดการร้าน อุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้าน และยังร่วมกับธนาคารกรุงเทพ สร้างการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย

กลุ่มสินค้าภายในร้านประกอบด้วยอาหารสดและอาหารแช่แข็ง อาหารแห้ง น้ำและขนมขบเคี้ยว (Snacks) เบเกอรี่ ไข่ อาหารแช่แข็ง (Frozen Foods) ไอศกรีม เครื่องเทศ (Spices) ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ของใช้ส่วนตัว (Personal Cares) อาหารสัตว์ (Pet Foods) และเครื่องเขียน

ล่าสุด บัดดี้มาร์ทมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 10 แห่ง และเร่งขยายสาขาต่อเนื่อง โดย 10 สาขานำร่องอยู่ในเขตกรุงเทพฯ 2 แห่ง ได้แก่ สาขาร้านโฮป นวมินทร์ 139 และสาขาร้านขายดี เขตบางบอน

อีก 8 แห่ง ได้แก่ สาขาร้านถูกใจ อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา สาขาร้านค้าขายรุ่งเรือง อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา สาขาร้านมันนี่ อ. นครชัยศรี จ. นครปฐม สาขาตลาดเอที คลอง 8 ปทุมธานี สาขาร้านมั่งมี อ. ไทรน้อย จ. นนทบุรี สาขาร้านสว่างอรุณพาณิชย์ จ. พระนครศรีอยุธยา สาขากิจรุ่งเรืองถาวร อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา และสาขาบ้านไม้กลางซอย อ. ปากเกร็ด นนทบุรี

ขณะเดียวกัน หากตรวจแนวรบเครือข่ายร้านชุมชนของค่ายคู่แข่ง ซึ่งเร่งดึงพันธมิตรโชห่วยเข้าร่วมโปรเจกต์พัฒนาร้านสะดวกซื้อรูปแบบทันสมัย เพื่อปูพรมสาขาอยู่นั้น เริ่มจากบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป ตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ร้าน ภายในปี 2567 จากปัจจุบันเปิดแล้ว 5,000 ร้าน และคาดว่าสิ้นปี 2565จะมีสาขาเพิ่มเป็น 10,000 ร้าน พร้อมขยายคลังสินค้ารองรับ 8 แห่ง มูลค่าการลงทุนราว 24,000ล้านบาท คาดว่าปีนี้สามารถสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 60,000-70,000 ล้านบาท

ล่าสุด ทีดี ตะวันแดง ยังได้แบ็กอัพชั้นเลิศอย่างธนาคารกสิกรไทย ซึ่งประกาศร่วมลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท สนับสนุนร้านสะดวกซื้อชุมชน “ถูกดี มีมาตรฐาน” เพื่อเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนทั่วไทย โดยเปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่สนใจเปิดร้านเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ผ่านบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร

การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเครือข่ายร้านถูกดี มีมาตรฐาน ยังถือเป็นองค์ประกอบสนับสนุนศักยภาพความแข็งแกร่งให้บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด ซึ่งบริหารกิจการร้านสะดวกซื้อแบรนด์ CJ ในกลุ่มคาราบาวอีกแบรนด์หนึ่งด้วย

ปัจจุบันซีเจมีรูปแบบร้าน 2 โมเดลหลัก คือ ร้านสะดวกซื้อซีเจ เอ็กซ์เพรส รูปแบบ Supermarket Convenience Store พื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร หรือขนาด 5 คูหาขึ้นไป เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคในราคาประหยัด มีบริการชำระเงินด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน และเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละท้องที่ เช่น โซนเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “NINE นายน์ บิวตี้” และร้านกาแฟ “BAO CAFE”

อีกโมเดลหลักชื่อ “ซีเจ มอร์” (CJ MORE) คอนเซ็ปต์ More Than Anyone, More Than Supermarket หรือเป็นมากกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อทั่วไป ประกอบด้วย ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ตเน้นสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาประหยัดเทียบเท่ากับไฮเปอร์มาร์เก็ต และเพิ่มโซนสินค้าต่างๆ ได้แก่ โซนนายน์ บิวตี้ (Nine Beauty) โซนบาว คาเฟ่ (Bao Cafe) โซน อูโนะ (UNO) จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าแฟชั่น เครื่องเขียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โซน เอ-โฮม (A-Home) สินค้าเกี่ยวกับบ้าน บางสาขาอาจเพิ่มบริการอื่น ๆ เช่น ร้านสะดวกซัก “บาว คาเฟ่ สะดวกซัก” และโซน ซีเจ มอร์ ฟู้ดฮอลล์

ด้านร้านโดนใจของค่ายบิ๊กซีในเครือเบอร์ลี่ยุคเกอร์ (BJC) วางคอนเซ็ปต์หลักไม่ต่างกับบัดดี้มาร์ท คือ พัฒนาโชห่วย พัฒนาชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ใส่ใจใกล้บ้านคุณ โดยเจ้าของร้านใช้เงินลงทุนพลิกโฉมเริ่มต้น 3 แสนบาท ไม่ต้องหักแบ่งรายได้และยังเป็นเจ้าของกิจการ 100% มีรูปแบบร้าน 3 ขนาด เริ่มจากไซส์ S พื้นที่ขายประมาณ 40 ตารางเมตร จำนวนสินค้าประมาณ 1,000 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 27 ล็อก และตู้แช่เย็น 2 ตู้

ไซส์ M พื้นที่ขาย 40-80 ตารางเมตร จำนวนสินค้า 2,000 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 55 ล็อก ตู้แช่เย็น 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้
ไซส์ L พื้นที่ขายมากกว่า 80 ตารางเมตร จำนวนสินค้า 2,400 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 55 ล็อก ตู้แช่เย็น 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้

ขณะที่เบอร์ 1 คอนวีเนียนสโตร์ “เซเว่นอีเลฟเว่น” พยายามเน้นภาพลักษณ์การส่งเสริมกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งการสนับสนุนสินค้าของกลุ่มเอสเอ็มอีเข้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ ทั้งช่องทางออฟไลน์หน้าร้านและช่องทางออนไลน์ การร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงการดีพร้อม จัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมขยายสู่ช่องทางธุรกิจการค้าสมัยใหม่ (Gifted DIPROM – Modern Trade)

ในแง่กลยุทธ์การตลาดเพื่อผลักดันยอดขาย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ยังวางนโยบายหลักเน้นโปรโมชั่นทุกรูปแบบ การขายผ่านช่องทางออนไลน์และดีลิเวอรี เพื่อขยายฐานลูกค้าทุกระดับ

หากดูภาพรวมการเปิดสาขาในไตรมาสแรก ปี 2565 มีจำนวนร้านทั่วประเทศรวม 13,253 สาขา จากช่วงสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 13,134 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ 700 สาขา หรือมากกว่า 13,830 สาขา โดยเฉพาะการเร่งบุกต่างจังหวัดและพื้นที่ห่างไกล

ยิ่งเมื่อมีร้านบัดดี้มาร์ทของแม็คโครเข้ามาเสริมทัพ นั่นย่อมหมายถึงโอกาสสยายปีกเพิ่มมากขึ้นด้วย.

ใส่ความเห็น