วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
Home > Cover Story > CP-TCC ฮุบทำเลทอง สงครามมิกซ์ยูสเดือด

CP-TCC ฮุบทำเลทอง สงครามมิกซ์ยูสเดือด

ตระกูลเจียรวนนท์กำลังเปิดเกมรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ 3 โปรเจกต์มิกซ์ยูสที่เป็นหัวหอกหลัก ทั้งวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ย่านสุขุมวิท 101 โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ บนทำเลถนนบางนา-ตราด กม. 5-7 และล่าสุดเปิดตัวคอนโดมิเนียมมิกซ์ยูส (Mixed-use) แนวใหม่ รูปแบบไฮไรส์ครบวงจรระดับอัลตราลักชัวรี บนทำเลทองราคาแพงหูฉี่ “เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ” ของทายาท เจนที่ 4

ขณะเดียวกัน แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ของ ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ลูกสาวเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ และ 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งธัญทิพ เจียรวนนท์ หลานปู่ธนินท์ ลงเม็ดเงินถือหุ้นมากกว่า 70% ต่างมีทิศทางการลุยธุรกิจไม่แตกต่างกัน เน้นโครงการมิกซ์ยูส นวัตกรรมใหม่ แนวทางใหม่ และเทรนด์ใหม่

แมกโนเลียฯ มีโปรเจกต์ใหญ่ วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน และเดอะฟอเรสเทียส์ รวมทั้งโครงการร่วมทุนกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ “ไอคอนสยาม” ซึ่งจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2561

สำหรับธัญทิพ ประธานบริหารบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น แม้ประเดิม “เดอะ สแตรนด์” เป็นโครงการแรก แต่เจาะสมรภูมิในทำเลทองชนิดติดถนนและห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพียง 30 เมตรใช้เวลาเดินไม่เกิน 2 นาที กลายเป็นการเปิดตัวน้องใหม่ในวงการที่โดดเด่น

ทั้งนี้ หากดูข้อมูลวิจัยจากบริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย พบว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112 หน่วย

เฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 220 หน่วย และมีผู้ประกอบการเตรียมแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 หน่วย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าปี 2561 ทั้งปีจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงถึง 3,000 หน่วย สูงที่สุดในรอบ 11 ปี

ส่วนราคาห้องชุดเปิดขายใหม่เฉลี่ยทั้ง 2 ทำเลอยู่ที่ 2.48 แสนบาทต่อ ตร.ม.โดยย่านทองหล่อมีราคาขายเฉลี่ย 3.17 แสนบาทต่อ ตร.ม. และเอกมัยที่ 1.8 แสนบาทต่อ ตร.ม กำลังซื้อมาจากทั้งคนไทยและต่างชาติ สัดส่วนซื้อเพื่ออยู่อาศัย 70% และเพื่อการลงทุนอีก 30%

ที่สำคัญ เมื่อโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) มีความชัดเจน จะส่งผลให้ทำเลดังกล่าวมีความคึกคักมากขึ้นอีก โดยเฉพาะราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยจะก้าวกระโดดสูงขึ้น เพราะในย่านทองหล่อจะมีสถานีเกิดขึ้นถึง 2 สถานี ตัดไปยังถนนเพชรบุรี และเชื่อมแอร์พอร์ตเรลลิงค์ จากเดิมทำเลมีศักยภาพดีอยู่แล้ว ในอนาคตจะสูงขึ้นไปอีก หรือคาดการณ์อีก 5 ปีข้างหน้าราคาที่ดินจะปรับขึ้นอย่างน้อย 50-60% ราคาโครงการเปิดใหม่จะพุ่งกระฉูด 30-40% เช่นเดียวกับผลตอบแทนด้านการลงทุนปล่อยเช่าหรือขายต่อจะมากกว่า 10% ต่อปี

แน่นอนว่า โครงการเดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ ของบริษัทที่มีฐานสนับสนุนแข็งแกร่ง ทั้งเงินทุน เครือข่ายนักธุรกิจ และการลิงค์แบรนด์กับ “แมกโนเลียฯ” ย่อมเป็นจุดแข็งและจุดขายสำคัญ เพราะ ณ วันนี้ ชื่อ “แมกโนเลีย” หรือ MQDC ถือเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด และโครงการ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม ที่มีความสูงถึง 317.95 เมตร ทำลายสถิติอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย คือ อาคารมหานคร ที่ 314.2 เมตร เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 และจะคงสถิติเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยจนกว่าโครงการเดอะพระราม 9 ซุปเปอร์ทาวเวอร์ จะก่อสร้างแล้วเสร็จ

ล่าสุด บริษัท แมกโนเลียฯ ยังนำโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ไปจัดโรดโชว์ที่ฮ่องกง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูในฮ่องกง ซึ่งรวมทั้งโครงการอื่นๆ ของแมกโนเลียฯ และย่อมหมายถึงโครงการของเดอะ สแตรนด์ ของวันพอยท์ซิกซ์ด้วย

วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แมกโนเลียฯ กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายด้านการลงทุนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีมูลค่าสัมพัทธ์ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว การใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า โรงแรม และร้านอาหารชั้นเลิศ

ปัจจัยหลักสำคัญของโครงการมาจากทำเลที่ตั้ง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทยและเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองทุกความต้องการได้

ช่วงปลายปีนี้ แมกโนเลียฯ ยังมีกำหนดเผยโฉมมิกซ์ยูสโปรเจกต์ วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Great Good Place” และไลฟ์สไตล์คอมเพล็กซ์ “101 The Third Place” พร้อมๆ กับการปลุกบิ๊กโปรเจกต์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งเป็น Mixed-Use Lifestyle ที่ออกแบบให้โครงการที่อยู่อาศัยรายล้อมด้วยผืนป่า และพื้นที่เชิงพาณิชย์ รองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยครอบคลุม 4 กลุ่มวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ พื้นที่กว่า 300 ไร่ มูลค่ามากกว่า 90,000 ล้านบาท

ด้านยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มตระกูลสิริวัฒนภักดีของเสี่ยเจริญ กำลังเดินหน้าสร้างเครือข่ายโปรเจกต์มิกซ์ยูสขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4 ตลอดสาย หลังจากเปิดตัว “เอฟวายไอเซ็นเตอร์” เมื่อปี 2559 โดยกำลังเร่งพัฒนาโครงการขนาดใหญ่บนถนนพระราม 4 พร้อมกัน 2 โครงการ

ประกอบด้วยโครงการสามย่านมิตรทาวน์ มูลค่าลงทุน 9,000 ล้านบาท ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562 และโครงการ “One Bangkok” (วัน แบงค็อก) อภิมหาโปรเจกต์ที่ประเมินเม็ดเงินลงทุนเบื้องต้นมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นโครงการสร้าง “เมือง” ขนาดใหญ่ที่กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ต้องการต่อยอดจากโครงการ One Central Park ในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งนำร่องรูปแบบการสร้าง “เมือง” จากไลฟ์สไตล์ของ “คน” และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

แต่ วัน แบงค็อก มีขนาดการลงทุนและขนาดพื้นที่มากกว่า วัน เซ็นทรัลปาร์ค หลายเท่า ประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอจำนวน 5 อาคาร โรงแรมหรู 5 โรงแรม ที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี 3 อาคาร ร้านค้าปลีกและพื้นที่ทำกิจกรรม โดยตั้งเป้าเปิดเฟสแรกในส่วนอาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านค้าปลีก ประมาณปี 2564 หลังจากนั้นเปิดให้บริการทั้งหมด โดยเฉพาะโซนที่พักอาศัย ภายในปี 2568 และคาดว่าจะมีผู้คนมากกว่า 60,000 คนเข้ามาทำงานและพักอาศัย

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ในกลุ่มบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) ของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ยังเปิดตัวเดอะปาร์ค (The PARQ) โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูส มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท บริเวณถนนพระราม 4 ตัดกับถนนรัชดาภิเษก ตรงข้ามเอฟวายไอเซ็นเตอร์ โดยเริ่มพัฒนาพื้นที่เฟสแรก เงินลงทุน 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารสำนักงานเกรด เดอะปาร์ค เวิร์คเพลส สูง 16 ชั้น พื้นที่ 60,000 ตร.ม. และพื้นที่ร้านค้าปลีกพรีเมียม เดอะปาร์ค ไลฟ์ พื้นที่ 12,000 ตร.ม. รวมทั้งมีสวนลอยฟ้าขนาด 3,400 ตร.ม. พื้นที่สีเขียวมากกว่า 7,000 ตร.ม. ซึ่งเฟสแรกคาดว่าจะเปิดให้บริการในปลายปี 2562

ขณะที่กลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือ ทีซีซี เตรียมพัฒนาโครงการค้าปลีกรูปแบบใหม่ๆ รองรับการขยายโครงการในกลุ่มอสังหาฯ จากปัจจุบันมีโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า เกตเวย์ และบ็อกซ์ สเปซ รวมถึง “บิ๊กซี” ที่ล่าสุดนำเสนอแพลตฟอร์มใหม่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี ฟู้ดเพลส” เพื่อ Synergy กับบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ ในเครือทีซีซี กรุ๊ป โดยวางแผนเปิดตัวบิ๊กซี ฟู้ดเพลส เต็มรูปแบบในโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ช่วงปลายปี 2562

ทั้งหมดทั้งมวล สงครามมิกซ์ยูสรอบนี้เมื่อสองตระกูลใหญ่ทุ่มทุนระดับแสนล้าน เนรมิตโครงการสร้าง “เมือง” สุดอลังการ และสร้างเป็นโหนดเครือข่าย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทยได้พลิกโฉมครั้งใหญ่แน่

ใส่ความเห็น