วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
Home > New&Trend > แสนสิริ โตก้าวกระโดด

แสนสิริ โตก้าวกระโดด

แสนสิริเผยรายได้ปี 2555 โตทุบสถิติ พุ่งสูงกว่า 30,087 ล้านบาท กำไรทะลุเป้าหมาย
ถึง 3,019 ล้านบาท ธุรกิจเติบโตกว่าปีก่อนแบบก้าวกระโดดเกือบ 100% นับเป็นความสำเร็จจากแผนการดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าและระดับราคา รวมถึงความสำเร็จในการขยายการพัฒนาโครงการ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมรุกธุรกิจตามแผน 6 กุญแจสำคัญ

เศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า
ผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในปี 2555 สามารถขยายการเติบโตที่ชัดเจนทั้งจากการ
เปิดตัวโครงการใหม่ที่ตั้งเป้าไว้ 44 โครงการ ขณะที่สามารถเปิดไปได้ถึง 52 โครงการครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในทุกประเภทที่อยู่อาศัยและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ โฮมออฟฟิศ และช็อปเฮาส์ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 57,000 ล้านบาท รวมทั้งการรุกขยายธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 42,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดถึงเกือบ 100% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทสามารถสร้างรายได้จากการดำเนินธุรกิจได้ถึง 30,087 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,406 ล้านบาทหรือเติบโตกว่าปีที่ผ่านมากว่า 45% รวมทั้งมีกำไรสุทธิ 3,019 ล้านบาท เติบโตกว่าปีก่อน 50% โดยรายได้มาจากที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงและแนวราบในสัดส่วน 51 : 49 % ขณะที่ยอดขายในช่วงไตรมาส 4/2555 บริษัทมียอดขายรวม 16,245 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวม 14,073 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,819 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 754 ล้านบาท หรือ 71 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,066 ล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบัน (1 มกราคม – 26 กุมภาพันธ์ 2556) บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 16,646 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง 2 เดือน แม้จะยังไม่ครบไตรมาสซึ่งนับเป็นการทุบสถิติการสร้างยอดขายในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา ที่เคยทำได้สูงสุด 16,245 ล้านบาททั้งไตรมาสไปแล้ว ซึ่งในระยะเวลาที่เหลือ
อีกหนึ่งเดือน บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 20,000 ล้านบาทในไตรมาสแรกอย่างแน่นอน

“ความสำเร็จทั้งในด้านยอดขาย รายได้ และกำไรที่เติบโตพุ่งสูงขึ้นมาจากการที่กลุ่มบริษัทแสนสิริมีการขยายการลงทุนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการเพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น รวมทั้งความสำเร็จจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” ทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ส่งผลให้สามารถสร้างยอดขายได้สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้และอัตรากำไรที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากการโอนและทยอยส่งมอบที่อยู่อาศัยในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม Keyne by Sansiri (คีนย์ บาย แสนสิริ), Via 31 (เวีย 31), Pyne by Sansiri (ไพน์ บาย แสนสิริ) , Teal Sathron-Taksin (ทีล สาทร – ตากสิน) และคอนโดมิเนียมตากอากาศโครงการบ้านแสนคราม รวมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด อาทิ dcondo ดีคอนโด กระทู้ ภูเก็ต ที่มีการการโอน และทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีการบันทึกรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่อยู่ในระดับสูงอีกด้วย” เศรษฐา กล่าว

สำหรับปี 2556 บริษัทได้ประมาณการตั้งเป้าหมายรายได้ไว้สูงสุดที่ 36,000 ล้านบาท เติบโตจากรายได้ของปี 2555 ประมาณ 20% โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ยาวไปถึงในอีก 4 ปีข้างหน้าแล้วถึง 56,370 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ของปี 2556 แล้วประมาณ 22,952 ล้านบาท, รวมทั้งมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 2557 แล้วประมาณ 16,715 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ปี 2556 นี้คาดว่าจะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ที่มีการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดต่อเนื่องอีกครั้ง

“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงต่อไป บริษัทยังคงยึดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจภายใต้ 6 กุญแจ
สำคัญที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ได้แก่ การรุกต่อยอดพัฒนาโครงการในอีก 10จังหวัด 11 ทำเลทั่วประเทศ – 2.การจับตลาด niche market ฉีกหนีคู่แข่ง – 3.การวางเป้าเพิ่มสัดส่วน
การตลาดกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ในประเทศไทย 4.การเตรียมทวงตำแหน่งผู้นำบ้านเดี่ยวระดับไฮน์เอนด์
เปิดตัวแบรนด์นาราสิริ 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท 5.การขยับตลาดครอบคลุมด้วย
แผนเติมเต็มเซกเมนต์บ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ระดับราคา 1.5 ล้านบาท และ
6. การเล็งเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปีที่บริษั
ทเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง และสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 48,000ล้านบาท สูงขึ้นต่อเนื่องจากปี
ที่ผ่านมาตามเป้าหมายที่วางไว้” เศรษฐา กล่าว

…………………………………………………………..