วันเสาร์, กรกฎาคม 27, 2024
Home > Life > ตอกย้ำน้ำอัดลมแย่สุดๆ

ตอกย้ำน้ำอัดลมแย่สุดๆ

 
Column: Well – Being
 
นักวิทยาศาสตร์พร่ำบอกมานานหลายปีแล้วว่า เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ปัจจุบันมีเหตุผลยืนยันเพิ่มเติมอีกมากมาย ที่ย้ำเตือนให้เราคิดแล้วคิดอีก ก่อนหยิบขวดหรือกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่ม ถ้าตัดสินใจเลิกดื่มหรือหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมให้ได้มากที่สุด คุณจะพบว่าเกิดผลดีต่อร่างกายอย่างมหาศาลจนเหลือเชื่อ ดังที่นิตยสาร GoodHealth นำเสนอต่อไปนี้
 
ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น
การดื่มน้ำอัดลมที่มีรสหวานของน้ำตาล ทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายเปลี่ยนวิธีเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน โดยหันมาเผาผลาญน้ำตาลแทนไขมัน ซึ่งนักวิจัยแห่งสหราชอาณาจักรชี้ให้เห็นว่า นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายมีความสามารถในการเผาผลาญไขมันลดลง จึงเป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักตัวมากยิ่งขึ้น และง่ายต่อการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย
 
เส้นรอบเอวลดลง
ผลการศึกษานาน 9 ปี โดยจำกัดวงเฉพาะน้ำอัดลมที่ใช้สารสังเคราะห์เพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาลหรือน้ำอัดลมประเภท “ไดเอต” พบว่า ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมไดเอตอย่างน้อยวันละครั้ง มีขนาดเอวเพิ่มขึ้น 7.6 เซนติเมตร แม้ผู้ที่ดื่มเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง มีไขมันในช่องท้องมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลยถึงสองเท่า ซึ่งไขมันที่สะสมในช่องท้องทำให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานสูงกว่าไขมันที่สะสมตามอวัยวะส่วนอื่น ๆ 
 
ลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน
เมื่อรู้สึกอยากดื่มน้ำอัดลมหวานๆ เพื่อสร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแก่ร่างกาย ให้เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วแทน คุณจะลดความเสี่ยงจากเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ราวร้อยละ 25 ห้ามหันไปดื่มน้ำอัดลมไดเอตเด็ดขาด เพราะไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงแต่อย่างใด
 
ลดความเสี่ยงหัวใจวาย
ผลการศึกษาปี 2015 ระบุความเชื่อมโยงจากการดื่มเครื่องดื่มผสมคาร์บอเนตทุกชนิดว่า ล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการหัวใจล้มเหลวทั้งสิ้น ขณะที่ผลการวิจัยชิ้นหนึ่งพุ่งเป้าไปที่น้ำอัดลมไดเอตโดยตรงว่า ผู้ที่ดื่มเป็นประจำทุกวัน เสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 43
 
บรรดานักวิจัยไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่พวกเขาคิดว่า อาจมาจากกรดในคาร์บอเนตนั่นเอง
 
ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
อย่าตกหลุมพรางความเชื่อที่ว่า การดื่มน้ำอัดลมวันละครั้ง ช่วยลดระดับความดันโลหิตและโคเลสเตอรอลได้ นักวิจัยสหรัฐฯ พบว่า ยิ่งดื่มน้ำอัดลมชนิดไดเอตและชนิดใส่น้ำตาลมากเท่าไร ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อคุณก้าวเข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน การดื่มน้ำอัดลมไดเอตวันละ 2 ครั้ง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองมากขึ้นราวร้อยละ 30
 
แม้นักวิจัยยังอยู่ในระหว่างศึกษาหาสาเหตุที่แน่ชัดก็จริง แต่สิ่งที่ยืนยันกันมานานแล้วคือ เครื่องดื่มที่ใส่น้ำตาลทำให้ผู้ดื่มอยู่ในภาวะดื้อต่ออินซูลินและเกิดภาวะอักเสบ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของภาวะผนังหลอดเลือดแข็งและเกิดลิ่มเลือด ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง
 
อายุยืนยาวขึ้น
นักวิทยาศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่า การดื่มน้ำอัดลมใส่น้ำตาลวันละ 590 มิลลิลิตร บั่นทอนอายุขัยเฉลี่ยลงถึง 4.5 ปี เพราะอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลในปริมาณสูง เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดกระบวนการชราภาพเร็วขึ้น ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำจึงมีเทโลเมียร์สั้น (telomere ซึ่งอยู่บริเวณปลายสุดของโครโมโซม ทำหน้าที่ห่อหุ้มเพื่อปกป้องยีนที่อยู่ข้างในไม่ให้หลุดลุ่ยเสียหายจากการแบ่งตัวของเซลล์ ทุกครั้งที่เซลล์มีการแบ่งตัว เทโลเมียร์จะสั้นลง ระบบการทำงานในร่างกายจะเสื่อมถอยลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น) ซึ่งขนาดที่สั้นเป็นตัวบ่งชี้ว่า คุณมีอายุขัยสั้นด้วย
 
ปกป้องสุขภาพฟัน
น้ำอัดลมประเภทโคลาที่มีน้ำตาลปริมาณสูง มีศักยภาพในการกัดกร่อนให้ฟันผุสูงกว่าน้ำส้มคั้นถึง 10 เท่า จึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพฟันเป็นอย่างยิ่ง และหมายรวมถึงน้ำอัดลมไดเอตหรือประเภทใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น ซอร์บิทอล และไซลิทอล ที่มีฤทธิ์เป็นกรดด้วย นักวิจัยสหรัฐฯ กล่าวว่า สารเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะฟันผุ ด้วยการทำลายผิวเคลือบฟันของคุณ
 
น้ำแร่ธรรมชาติดีที่สุด
หากต้องการดื่มน้ำประเภทฟองฟู่ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นซาบซ่า น้ำแร่ธรรมชาติดีที่สุด เพราะมีแร่ธาตุที่อาจช่วยปกป้องผิวเคลือบฟัน ช่วยลดความดันโลหิต และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายหลังการออกกำลังกาย
 
ขณะที่น้ำโซดาซึ่งใส่คาร์บอเนตสังเคราะห์เพื่อให้เกิดฟองฟู่ปริมาณมากนั้น อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพคล้ายคลึงกับการดื่มน้ำอัดลม เพราะมีส่วนประกอบของกรดนั่นเอง
 
ส่วนน้ำแร่รสต่างๆ หรือน้ำที่มีฟองฟู่อื่นๆ มีน้ำตาลน้อยกว่าน้ำอัดลมก็จริง แต่ก็ยังให้พลังงานระหว่าง 170–340 กิโลจูลส์ต่อแก้วอยู่ดี ยิ่งถ้ามีส่วนประกอบของสารให้ความหวานสังเคราะห์ จะเชื่อมโยงกับการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมอง และการสะสมไขมันในช่องท้อง
 
แม้แต่น้ำฟองฟู่รสธรรมชาติ ก็ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพฟัน ด้วยการทำลายผิวเคลือบฟัน เพราะผสมโซเดียมซิเตรท ซึ่งเป็นเกลือที่เติมเข้าไปเพื่อเพิ่มรสชาติ และเป็นที่รู้กันว่ามีฤทธิ์กัดกร่อนฟันด้วย
 
ดังนั้น ให้เลือกดื่มแต่น้ำแร่ธรรมชาติหรือน้ำเปล่า เพื่อปกป้องสุขภาพฟันของคุณ