วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
Home > Life > เปิดตัววันแรกขายเกลี้ยง ‘Amass me’ ปล่อย “Kapalikko” ปลุกกระแสแฟชั่นสายมู

เปิดตัววันแรกขายเกลี้ยง ‘Amass me’ ปล่อย “Kapalikko” ปลุกกระแสแฟชั่นสายมู

เปิดตัววันแรกขายเกลี้ยง ‘Amass me’ ปล่อย “Kapalikko” ปลุกกระแสแฟชั่นสายมู คอลเลกชันใหม่ 7 DAYS GOD’S

Amass me (อะแมส มี) ผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น มัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ เจ้าแรกในไทย ปล่อยตัวแบรนด์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) คอลเลกชันใหม่ 7 DAYS GOD’S ภายใต้คอนเซปต์ ‘God’s Grace collection’ ถ่ายทอดเรื่องราว 7 ทวยเทพกรีก ผสานศาสตร์แห่งความเชื่อเข้ากับโลกแฟชั่น เปิดขายวันแรกหมดเกลี้ยงทั้งออนไลน์ และหน้าช้อปสินค้า

นางสาวยุฤดี ธนะกิตติภูมิ กรรรมการผู้จัดการ บริษัท อะแมส มี จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Amass me (อะแมส มี) เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่น มัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ที่มีความหลากหลาย กระทั่งได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในสัดส่วนของเสื้อผ้า Multi Luxury Brands ที่สามารถดันยอดขายได้มากขึ้นถึง 100% จึงทำให้ Amass me (อะแมส มี) มีความมั่นใจและต่อยอดความสำเร็จในก้าวต่อไป โดยการเพิ่มไลน์ผลิตในส่วนของ Amass me Street ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้า โดยปล่อยแบรนด์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) ออกมาปลุกกระแสแฟชั่นสายมู นอกจากนี้ยังเพิ่มในส่วนของมัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ ที่นำเข้ามาจาก ดีไซน์เนอร์ดังต่างประเทศ อาทิ แบรนด์ TSMLXLT, แบรนด์ Yedcrew, แบรนด์ Empty Referencer เป็นต้น ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกา

สำหรับยอดขายทางการตลาดของ Amass me street มีการเติบโตขึ้นทุกปี เพราะสินค้าที่บริษัทนำเข้าหรือผลิตจะมีความโดดเด่นในการผสมผสานระหว่าง Street และความ Creativity ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เหตุผลที่ Amass me street นำเข้าแบรนด์ต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่ม Target ที่กว้างขึ้น จึงทำให้ แบรนด์ Amass me street เติบโตขึ้นทุกปี จนสินค้าทุกคอลเลกชันกลายเป็นสินค้า rare item ในเวลาต่อมา

“Amass me (อะแมส มี) ยังคงมุ่งมั่นในการเป็น มัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ ที่รวบรวมแบรนด์นำเข้าที่มีเอกลักษณ์และสไตล์ที่แตกต่างกันออกไปมานำเสนอลูกค้าในเมืองไทย เปรียบเสมือนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ให้สำหรับทุกคนที่มีเสื้อผ้าหลากหลายแบบ หลากหลายสไตล์รวมกันอยู่ ให้ทุกคนมาเลือกชม ซึ่งไฮไลท์ในซีซั่นนี้ที่ Amass me (อะแมส มี) นำเสนอ คือแบรนด์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) บนคอลเลกชันใหม่ 7 DAYS GOD’S ที่เพิ่งเปิดตัวไป เพียงวันแรกก็สามารถทำยอดขายถล่มทลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งในออนไลน์ และช้อปหน้าร้านค้าที่มีลูกค้าเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อตั้งตารอจับจองคอลเลกชันใหม่ อาจเนื่องจากความเป็นเสื้อผ้า Street ของ kapalikko บนคอลเลกชันใหม่ที่ผสานศาสตร์แห่งความเชื่อเข้ากับโลกแฟชั่นจึงทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย” ยุฤดี กล่าว

รู้จักแบรนด์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) เป็นแบรนด์สัญชาติไทย จาก Amass me (อะแมส มี) ที่ตั้งใจทำแบรนด์ใหม่ให้เป็นดั่งตัวแทนสะท้อนภาพของการเชื่อมโยงโลกแห่งความเชื่อและโลกแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกัน โดยที่มาของแบรนด์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) นั้นเริ่มต้นมาจากสัญลักษณ์ของแบรนด์ที่ใช้ชื่อเดียวกันนี้ เป็นสัญลักษณ์ของมหายันต์ที่นำพาซึ่งความโชคดีมาให้กับผู้ครอบครอง โดยสัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์แห่งความเชื่อที่สืบทอดกันมาในแถบยุโรปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังแผ่ขยายไปยังประเทศต่างๆ จนมีชื่อเรียกขานอย่างเป็นทางการตามแต่ละประเทศไม่ว่าจะเป็น ยันต์ “St John’s Arms” หรือยันต์ “Hannunvaakuna” นอกจากนี้ยันต์ Kapalikko (คาปาลิกโก้) ยังปรากฏอยู่บนปุ่ม Command บนคีย์บอร์ดของ Apple อีกด้วย ซึ่งสัญลักษณ์นี้เป็นเครื่องรางแห่งการเรียกความโชคดี ทั้งยังช่วยเสริมในเรื่องการเงิน ดึงดูดทรัพย์จากทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง เสริมเรื่องการงาน เมตตามหานิยม พร้อมป้องกันจากสิ่งที่เป็นอัปมงคลตามความเชื่อ นับได้ว่าเป็นยันต์ที่เปรียบดั่งแม่เหล็กในการดึงดูดสิ่งมงคลเข้าหาผู้ครอบครอง จากกระแสในความเชื่อดังกล่าวทำให้ทาง Amass me (อะแมส มี) หยิบนำยันต์ความเชื่อนี้มาใส่เข้าไปกับความเป็นแฟชั่นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการกำหนดของราคาอย่างเช่น คอลเลกชันเสื้อผ้าที่ออกมาใหม่ ราคาจะอยู่ที่ราว 3,500 – 6,000 บาท ต่อชุด ซึ่งยังคงเป็นราคาที่ลูกค้าจับต้องได้ พร้อมกับสามารถสวมใส่รู้สึกโชคดีไปในทุกๆ วัน

นางสาวยุฤดี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการเสริมโชคและความเชื่อเกี่ยวกับดวงเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากจะทำให้รู้สึกสบายใจในการดำเนินชีวิต ยังเป็นการช่วยเสริมความมั่นใจกับเหตุการณ์ที่จะต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับในโลกของแฟชั่นที่ไม่ต่างกับการสร้างความมั่นใจด้วยการแต่งตัวด้วยไอเท็มชิ้นที่สวมใส่ เพราะสามารถบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนได้อย่างเด่นชัด ดังนั้นในฤดูกาลนี้ Kapalikko (คาปาลิกโก้) จึงเลือกปล่อยผลงานคอลเลกชัน “7 DAYS GOD’S เสื้อผ้าที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อทุกเพศทุกวัย นำมามิกซ์แอนด์แมตช์เพื่อสร้างสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนผ่านเสื้อผ้าแฟชั่น คอลเลคชัน 7 DAYS GOD’S โดยได้รับแรงบันตาลใจและถ่ายทอดเรื่องราว ทวยเทพ ทั้ง 7 เทพกรีก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ และเป็นเทพประจำวันต่างๆ ทั้ง 7 วัน ที่จะทำให้คุณโชคดีไปในทุกๆ วัน กับ Kapalikko (คาปาลิกโก้) ได้แก่

วันอาทิตย์ (Sunday) : เทพเฮลิออส (อะพอลโล่) เทพผู้ขับรถเคลื่อนดวงอาทิตย์ผ่านฟากฟ้า เป็นเทพแห่งศิลปะวิทยาการและการดนตรี

วันจันทร์ (Monday) : เทพเซลีนี (อาร์เทมิส) เทพีแห่งดวงจันทร์

วันอังคาร (Tuesday) : เทพแอรีส เทพแห่งสงครามและความแข็งแกร่ง

วันพุธ (Wednesday) : เทพเฮอร์มีส เทพแห่งการสื่อสาร การค้า การแพทย์ วิทยาการลึกลับ

วันพฤหัสบดี (Thursday) : เทพซุส ซึ่งเป็นมหาเทพสูงสุดของโอลิมปัส เป็นเทพแห่งสายฟ้า ปกครองพื้นที่ท้องฟ้าทั้งหมด และยังเป็นบิดาของเทพองค์สำคัญอีกหลายองค์ด้วย

วันศุกร์ (Friday) : เทพอะโฟรไดต์ ซึ่งเป็นตัวแทนของความรักและความงามผู้ถือกำเนิดมาจากฟองคลื่นในมหาสมุทร เป็นตัวแทนของความปรารถนา

วันเสาร์ (Saturday) : เทพโครนัสหรือโครนอส เป็นเทพแห่งกาลเวลาและการชราภาพ อีกทั้งยังเป็นไททันที่เป็นบิดาของโดไซดอน ซุส และฮาเดสอีกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันสินค้ามัลติ ลักซ์ชัวรี แบรนด์ ภายใต้การจำหน่ายของ Amass me (อะแมส มี) นั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่หลากหลายทั้งในกลุ่มไฮเอนด์ ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกค้าแมส คนรุ่นใหม่วัยทำงาน ซึ่งบนความตั้งใจของ Amass me (อะแมส มี) คือการสนับสนุนผลักดันการเปิดตัวตนและไลฟ์สไตล์ผ่านแฟชั่นในชีวิตประจำวัน ให้ทุกคนมีความกล้าในการถ่ายทอดอัตลักษณ์ของตนเอง โดย Amass me (อะแมส มี) จะไม่หยุดคัดสรรแบรนด์ที่มีคุณภาพ มีสไตล์ และมีเอกลักษณ์ เพื่อทำให้ตู้เสื้อผ้าใบนี้เป็นตู้เสื้อผ้าใบโปรดและสามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกคนทั้งไทยและทั่วโลกได้ นอกจากนี้ล่าสุด Amass me (อะแมส มี) มีการเปิดแพลตฟอร์มนำส่งสินค้า Kapalikko (คาปาลิกโก้) ขยายออกไปยังแพลตฟอร์มประเทศจีน ญี่ปุ่น และดูไบ เป็นต้น สำหรับเป้าหมายต่อไปคือ บริษัทต้องการผลักดัน Kapalikko (คาปาลิกโก้) ไปสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้านที่มีความเชื่อร่วมกันในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน

ท่านใดที่ชื่นชอบและรักในแฟชั่น พบกันได้ที่ Amass me (อะแมส มี) ซึ่งมีช้อปหน้าร้านเพื่อจำหน่ายสินค้าแล้ว 9 สาขา ได้แก่ เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ ชั้น 1, เดอะคริสตัล เอกมัย-รามอินทรา ชั้น 1, เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 1, เซ็นทรัล ชิดลม ชั้น 2 และชั้น 3, เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1, เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชั้น 1, เดอะ พรอมานาด ชั้น 1, เทอร์มินอล 21 พระราม 3, ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ชั้น 1 ยุฤดี กล่าวทิ้งท้าย