วันพุธ, กันยายน 18, 2024
Home > New&Trend > สตาร์บัคส์ เดินหน้าสนับสนุนชุมชนชาวไร่กาแฟ เปิดร้าน ‘Community Store’ แห่งที่ 3 ณ สตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม

สตาร์บัคส์ เดินหน้าสนับสนุนชุมชนชาวไร่กาแฟ เปิดร้าน ‘Community Store’ แห่งที่ 3 ณ สตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย สานต่อพันธกิจเพื่อชุมชน เปิดร้าน ‘Community Store’ แห่งที่ 3 ณ สตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เดินหน้าสนับสนุนชุมชนชาวไร่กาแฟอย่างยั่งยืน

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เปิดประสบการณ์กาแฟแก้วโปรดท่ามกลางทิวเขาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ณ ร้านสตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม โดยเป็นร้านกาแฟเพื่อชุมชน (Community Store) แห่งที่ 3 ของประเทศไทย สะท้อนความมุ่งมั่นของสตาร์บัคส์ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ให้กับชุมชนท้องถิ่น ร้านสตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากประเพณีการปลูกกาแฟและมรดกทางวัฒนธรรมของภาคเหนือของไทยที่ทำงานร่วมกับสตาร์บัคส์มาอย่างยาวนาน จนเกิดกาแฟ ‘ม่วนใจ๋ เบลนด์’ ที่มีจำหน่ายเฉพาะประเทศไทย

นับตั้งแต่การเปิดตัวกาแฟ ‘ม่วนใจ๋ เบลนด์’ ในปี พ.ศ. 2546 และเปิดตัวร้านกาแฟเพื่อชุมชน (Community Store) แห่งแรกที่สาขาหลังสวน กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2556 สตาร์บัคส์ ประเทศไทยได้สนับสนุนเงินทุนเพื่อสนับสนุนชุมชนผู้ปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทยไปแล้วกว่า 27 ล้านบาท (ประมาณ 790,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เงินทุนเหล่านี้ทำให้มูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation หรือ ITDF) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในท้องถิ่น สามารถดำเนินโครงการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงโครงการระบบประปาภูเขา และคลินิกสุขภาพในบ้านห้วยส้มป่อย ซึ่งให้บริการแก่ชาวไร่กาแฟในบ้านห้วยส้มป่อย และชุมชนใกล้เคียงอีก 9 แห่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนกว่า 1,600 คน นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการจัดตั้งโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงศูนย์เด็กเล็กบ้านแม่ขี้มูกน้อย-บ้านกองกาย โรงเรียนบ้านสองธาร และโครงการเสริมสร้างศักยภาพ การฝึกอบรม และโภชนาการ ซึ่งได้เสริมสร้างศักยภาพให้กับชาวบ้านบนพื้นที่สูงกว่า 900 คน โดยการให้ความรู้ในหลากหลายวิชาชีพ

ร้านกาแฟที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น

ร้านสตาร์บัคส์ เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม ตกแต่งด้วยไม้ระแนงโทนสีอบอุ่น สร้างเสน่ห์แบบเรียบง่ายกลมกลืนกับพื้นที่โดยรอบ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สีเอิร์ธโทนสะท้อนถึงความเชื่อมโยงของชุมชนกับธรรมชาติ และโทนสีอุ่นสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันอย่างยั่งยืนระหว่างชุมชนและผืนดินที่ปลูกกาแฟ

เพื่อแสดงถึงความทุ่มเทของชาวไร่กาแฟ ร้านแห่งนี้จึงตกแต่งด้วยผลงานศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ ซึ่งผ้าทอแต่ละผืน ถูกถักทอโดยช่างทอผ้าและช่างฝีมือระดับท้องถิ่น โดยผ้าทอแต่ละผืนบอกเล่าเรื่องราวของความหลากหลายของชุมชนชาวเขารวมถึงผลงานฝีมือดั้งเดิม โดยได้นำมาประดับภายในร้านเพื่อแสดงถึงความมีชีวิตชีวา และสะท้อนความหลากหลายของชุมชนทางภาคเหนือ

เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชาวไร่กาแฟและชุมชนผ่านการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ทุกแก้วที่ซื้อที่ร้านสาขานี้ สตาร์บัคส์จะบริจาคเงิน 10 บาทแก่มูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวไร่กาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เฉพาะสาขานี้กับ ม่วนใจ๋ ไวท์ ช็อกโกแลต อัฟโฟกาโต-สไตล์ แฟรบปูชิโน่ (Muan JaiTM White Chocolate Affogato-Style Frappuccino® Blended Beverage) และสินค้าคอลเลกชันพิเศษ อาทิ แก้วเบญจรงค์ ดริ้งแวร์ พวงกุญแจ กระเป๋า และที่รองแก้วที่มีส่วนประกอบของกากกาแฟ คอลเลกชันนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากต้นกาแฟและชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของประเทศไทย โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สดใส โดยจะวางจำหน่ายที่ร้านสาขานี้เป็นที่แรก

นอกจากนี้ มูลนิธิสตาร์บัคส์ (The Starbucks Foundation) ยังได้มอบทุนสนับสนุนโครงการ Global Community Impact Grant มูลค่า 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนผู้ปลูกกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย โดยมูลนิธิฯ จะเป็นผู้นำในการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการด้านทักษะการดำรงชีวิต สนับสนุนโครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมการพัฒนาด้านน้ำ สุขาภิบาล และสุขอนามัย รวมถึงโภชนาการ และการจัดหาทรัพยากร เพื่อเชื่อมโยงสมาชิกชุมชนชาวเขากว่า 600 คน ให้ได้รับโอกาสดังกล่าว เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของสตาร์บัคส์ในการทำประโยชน์ให้กับชุมชนทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่สตาร์บัคส์ดำเนินธุรกิจอยู่