หากย้อนกลับไปในปี 2540 วิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้อย่างมาก ทางการต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และกลายเป็นแรงผลักดันให้เกาหลีต้องปรับตัวหันมาเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมบันเทิงอย่างจริงจัง ทั้งเพลง ละคร ภาพยนตร์ เกมออนไลน์ และวัฒนธรรมทุกรูปแบบ เพราะรัฐบาลเกาหลีเริ่มเล็งเห็นว่า วัฒนธรรมประจำชาติมีมูลค่าทำเงินได้
มีการประกาศนโยบายเสริมสร้างปัจจัยพื้นฐานทางวัฒนธรรมตั้งแต่ปี 2543 เกิดองค์การมหาชน ศูนย์วิจัยทางวัฒนธรรม สถาบันการศึกษาเทคโนโลยีทางวัฒนธรรม ขยายศูนย์วัฒนธรรมและศิลปะทั่วประเทศ
ปี 2544 กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวประกาศปีแห่งการท่องเที่ยวเกาหลี จัดเทศกาลกีฬา เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร เทศกาลแฟชั่น เทศกาลการละเล่นต่างๆ จนเกิดกระแสและที่เติบโตโดดเด่น คือ วงการเพลง ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ ทำให้รัฐบาลเกาหลีมองเห็นช่องทางขยายอุตสาหกรรมบันเทิง โดยเฉพาะการส่งออกละครโทรทัศน์เรื่อง แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง สามารถทำรายได้จากลิขสิทธิ์ถึง 103.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีการก่อตั้งสถาบัน The Korea Creative Content Agency (KOCCA) เพื่อบริหารจัดการและพัฒนาธุรกิจด้านวัฒนธรรมเกาหลีอย่างครบวงจรในทุกสื่อบันเทิง
กว่า 27 ปี Korean Wave รุกคืบตลาดเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะ K-entertainment ทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ เพลง สร้างฐานแฟนคลับได้อย่างเหนียวแน่น จนถือเป็นประเทศเป้าหมายสำคัญ ซึ่งปีนี้ ศิลปินเกาหลีเข้ามาจัดกิจกรรมขยายฐานแฟนคลับชาวไทยตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็น บีไอ (B.I) หรือคิมฮันบิน (KIM HAN BIN) ศิลปินของเหล่ากลุ่มแฟนคลับ “ไอดี” เข้ามาจัดทัวร์คอนเสิร์ต B.I 2024 TOUR HYPE UP IN BANGKOK
บยอนอูซอก (Byeon Woo Seok) พระเอกหนุ่มจากซีรีส์ Lovely Runner จัดงานแฟนมีตติ้งครั้งแรกในไทย
พระเอกซูเปอร์สตาร์ คิมซูฮยอน (Kim SooHyun) จากซีรีส์ Queen of Tears ลุยเอเชียทัวร์แฟนมีตติ้ง 2024 KIM SOO HYUN ASIA TOUR in BANGKOK EYES ON YOU
แบคฮยอน (BAEKHYUN) สมาชิกวง EXO เปิดคอนเสิร์ตเดี่ยวในประเทศไทย หรือหนุ่มๆ บอยแบนด์วง NCT DREAM จัดคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ ณ ราชมังคลากีฬาสถาน และยังมีศิลปินอีกหลายคนวางแผนเข้ามามัดใจแฟนคลับชาวไทยยาวตลอดทั้งปี
แน่นอนว่า แบรนด์สินค้าหลายตัวต่างจับกระแส เร่งกระตุ้นกำลังซื้อขนานใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งห้างค้าปลีก “โลตัส” ที่ทุ่มทุนดึงศิลปินดาราเกาหลีระดับตัวพ่อเข้ามาสร้างบิ๊กแคมเปญติดต่อกันถึง 3 ปี หลังโกยยอดขายช่วงแคมเปญทุกปี โดยเริ่มประเดิมปี 2565 ทดลองหยิบกระแสความนิยมศิลปินเกาหลีจับมือกับกลุ่มร้านค้าทองในศูนย์ ใช้ชื่อโปรเจกต์ Gold & Lifestyle campaign เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Young Generation
ด้านหนึ่ง ร้านค้าทองต้องการขยายฐานการลงทุนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ อีกด้านหนึ่ง โลตัสเร่งสร้างภาพลักษณ์การเป็นห้างไลฟ์สไตล์ หรือ Everyday SMART Community Center เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คน ทั้งลูกค้าและคนในชุมชน ดึงคนเข้ามาใช้บริการในห้างโลตัสที่ไม่ใช่แค่การจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ยังมีพื้นที่ศูนย์การค้า ร้านจำหน่ายสินค้าและบริการ โดยเฉพาะร้านทองที่ผู้คนหันมาซื้อลงทุนมากขึ้น
ปีนั้น โลตัสดึงพระเอกหนุ่มหน้าใส คิมซูฮยอน จัดโปรโมชั่น 2 ต่อ ต่อที่ 1 ซื้อทองรูปพรรณจากร้านค้าทอง ได้ส่วนลดค่ากำเหน็จ 60% พร้อมคูปองส่วนลดแทนเงินสดมูลค่า 500 บาท รวมมูลค่า 3 ล้านบาท
ต่อที่ 2 เมื่อจับจ่ายในร้านทองครบ 5,000 บาทขึ้นไป และร้านค้าเช่าอื่น ๆ ในศูนย์การค้า ครบ 1,500 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม Meet & Greet กับ “คิมซูฮยอน” จำนวน 3,800 ที่นั่ง และลูกค้าที่มียอดสะสมสูงสุด (Top Spender) 100 ลำดับแรก ได้รับสิทธิ์เป็น VIP นั่งแถวหน้า เจอพระเอกหนุ่มแบบชิดขอบเวที
รอบนั้น คิมซูฮยอนดึงยอด Top Spender สูงสุด 4.7 ล้านบาท ขณะที่ 3 อันดับที่ไล่ตามมานั้น อันดับ 2 อยู่ที่ 4 ล้านเศษๆ อันดับ 3 อยู่ที่ 3.9 ล้านบาท และอันดับ 4 อยู่ที่ 3.4 ล้านบาท
ปีถัดมา จัดแคมเปญ Lotus’s Anniversary 2023 Golden Moment ร่วมกับพันธมิตรร้านทองและร้านค้าแบรนด์ดัง นำ ‘พัคซอจุน’ นักแสดงภาพยนตร์และซีรีส์จากเกาหลี จัดงาน Meet & Greet ครั้งแรกในไทย โดย Top Spender 2,500 คนแรกที่สะสมใบเสร็จจากการซื้อทองในร้านพันธมิตร รวมถึงการซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าในศูนย์การค้าโลตัส รับสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟเข้าร่วม Meet & Greet กับพัคซอจุน
ปรากฏว่า Top Spender สูงสุดอันดับ 1 พุ่งพรวดไปถึง 78 ล้านบาท และดูเฉพาะ 3 อันดับไล่ลงมา อันดับ 2 อยู่ที่ 51 ล้านบาท อันดับ 3 อยู่ที่ 46 ล้านบาท และอันดับ 4 อยู่ที่ 41 ล้านบาท ที่เหลือไล่เลี่ยไม่ทิ้งห่างกันมาก
ล่าสุดปีนี้ โลตัสทุ่มทุนฉลองครบรอบ 30 ปี งัดแคมเปญ “ซื้ออะไรก็ได้เจอกงยู” ดึงซูเปอร์สตาร์ “กงยู” มาร่วมกิจกรรม โดยลูกค้า Top Spender 2,000 คนแรก ทั้งที่ซื้อสินค้าในโลตัสทั่วประเทศและร้านค้าในศูนย์การค้าโลตัส เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม-2 ตุลาคม มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรม Meet & Greet ในวันที่ 26 ตุลาคม นอกจากนั้น ยังเปิดให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าทุก 100 บาท มีสิทธิ์ลุ้นเป็นผู้โชคดีเข้าร่วมกิจกรรมอีกส่วนหนึ่ง
มีรายงานว่า เริ่มต้น 4 วันแรก Top Spender อันดับ 1 ทะลุ 4 แสนกว่าบาท คาดลูกค้าจะแข่งทำยอดอย่างดุเดือดในช่วงท้ายๆ เหมือนทุกปี กลายเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญที่เฉือนคู่แข่งไปเรียบร้อยแล้ว.
