“ชาติ จิราธิวัฒน์” ผู้บริหารไฟแรงแห่งเครือเซ็นทรัล

 

 

ว่ากันว่า ชาติได้รับเลือกให้เป็นผู้ดูแลโครงการมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านนี้ เป็นเพราะมีแรงหนุนของ “กอบชัย จิราธิวัฒน์” อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ของกลุ่ม CPN ซึ่งเคยได้ร่วมงานและเห็นผลงานของหนุ่มคนนี้ เมื่อครั้งที่ชาติถูกเรียกตัวให้ไปช่วยทำงานที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” 

 

ชาติไม่เพียงถือเป็นหัวแรงสำคัญในการดึงแบรนด์ดังๆ กว่า 50 แบรนด์ มาอยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชาติยังมีส่วนในการโครงการพลิกโฉมเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ เป็น “เซ็นทรัลเวิลด์” เมื่อเกือบ 10 ปีก่อนด้วย 

 

“ตอนนั้น ผมก็ได้ทำหลายอย่าง แต่ก็ติดอยู่ในใจมาตลอดว่า มีบางอย่างที่อยากทำแต่ทำไม่ได้ เพราะติดข้อจำกัดที่ว่าเป็นโครงสร้างที่มีอยู่แล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้มาก ผมก็เลยคิดว่าน่าจะดีนะ ถ้าทำโครงการที่เริ่มจากศูนย์ไม่มีอะไร มีแต่ที่ดินว่างเปล่า และเราสามารถจินตนาการและทำอะไรก็ได้ที่เราอยากจะทำ”

 

ด้วยเหตุนี้ เมื่อ “ทศ จิราธิวัฒน์” ผู้เป็นอามาถามว่าอยากรับทำโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ไหม เขาจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล โดยนอกจากชาติ ซึ่งเป็นผู้บริหารรุ่น 3 ของจิราธิวัฒน์ที่ได้เข้ามาดูแล “เมกะโปรเจ็กต์” ชิ้นใหญ่นี้ ก็ยังมี “บรม พิจารณ์จิตร (ทายาทยุวดี จิราธิวัฒน์)” และ “จอมสุดา จิราธิวัฒน์ (ทายาทเกรียงศักดิ์ จิราธิวัฒน์)” โครงการนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นโครงการ “ปั้นดาว (นักบริหาร)” ของผู้ใหญ่เซ็นทรัล ของจริง

 

ชาติจบการศึกษาด้านการตลาดจาก Trinity College ประเทศอเมริกา และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก INSEAD จากฝรั่งเศส หลังเรียนจบเขาเข้าไปฝึกงานกับ Marks & Spencer ที่อังกฤษ ซึ่งตอนนั้นเซ็นทรัลเป็นแฟรนไชส์ในเมืองไทยอยู่แล้ว ฝึกงานเป็นเวลา 1 ปี ชาติจึงมาทำงานให้กับเซ็นทรัล

 

เส้นทางการทำงานในกลุ่มเซ็นทรัลไม่ต่างจากคนทั่วไปที่ต้องเขียนใบสมัคร กรอกรายละเอียดประวัติการศึกษา การทำงาน สอบสัมภาษณ์ โดยมีกอบชัยและคณะกรรมการสอบเป็นผู้สัมภาษณ์ 

 

ชาติได้เริ่มงานกับธุรกิจครอบครัวในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ Marks & Spencer ในกลุ่ม CRC เนื่องจากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศซบเซา สุทธิชาติจึงแนะนำให้ลูกชายลองไปเรียนรู้งานข้างนอกกลุ่มธุรกิจของครอบครัว ชาติเลือกที่จะไปทำงานในบริษัท GE Capital โดยผลงานที่สร้างความภูมิใจให้กับเขาก็คือ การปิดดีลไฟแนนซิ่งของ BMW ซึ่งเป็นดีลที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง 

 

จากนั้นชาติจึงได้ย้ายกลับมาทำงานในเครือเซ็นทรัลอีกครั้ง ด้วยความที่ชอบทำงานท้าทาย ในช่วงเวลากว่า 10 ปีในการทำงานให้กับครอบครัว เขาจึงมีประสบการณ์ทำงานอย่างโชกโชน อาทิ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเขาเป็นผู้ที่นำร้านแมนเชสเตอร์ฯ เมกะสโตร์ เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นรายแรก จากนั้นเขาก็เป็นผู้จัดการฝ่ายขายพื้นที่เช่าให้กับคู่ค้าต่างชาติ (International Leasing) ให้กลุ่ม CPN และขยับมาเป็นผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาโครงการให้กับกลุ่ม CRC จากนั้นจึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ 

 

ก่อนหน้านี้ชาติสารภาพว่า รู้สึกกดดันจากการได้เข้ารับหน้าที่ดูแล “อภิมหาโครงการ” เช่นนี้  แต่เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่คนตระกูลจิราธิวัฒน์ทุกรุ่นเข้ามีส่วนร่วมให้คำปรึกษาและคำแนะนำ โดยเฉพาะคนรุ่นก่อนที่นำประสบการณ์มาแบ่งปันและแนะนำ ทำให้ความกดดันลดน้อยลง 

 

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เคยยอมรับติดตลกว่า ด้วยความคิดและใช้สมองอย่างมากเพื่อให้โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ ออกมาดี สมกับที่ทุกคนตั้งความหวังและตั้งตารอคอย ทำให้ผมของเขากลายเป็นสีขาวมากกว่าตอนที่ยังไม่เข้ามาดูโครงการใหญ่นี้

 

ทั้งนี้ ชาติคาดเดาว่าสิ่งที่ทำให้ “ผู้ใหญ่” ในเครือเซ็นทรัลมอบความไว้วางใจให้กับผู้บริหารหนุ่มอย่างตนมาดูโครงการยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เซ็นทรัลเคยทำมา น่าจะมาจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในต่างประเทศของเขา ซึ่งเขาเรียนต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งบวกกับประสบการณ์ในการดีลงานกับต่างชาติ ซึ่งหน้าที่ของเขาทำให้เขาต้องทำงานเหล่านี้เป็นประจำจนเป็นปกติ ในการทำโครงการหรูที่ต้องมีคู่ค้าเป็นแบรนด์ต่างชาติ ทักษะด้านนี้จึงมีความจำเป็น 

 

นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะเขาเดินทางไปหลากหลายประเทศ ทำให้เขามีประสบการณ์และได้เห็นอะไรแปลกใหม่จากทั่วทุกมุมโลก บวกกับความเป็นคนมี “taste” ทำให้เขารู้ว่าโครงการระดับเวิลด์คลาสสำหรับลูกค้าระดับ A+ ควรมีดีไซน์และองค์ประกอบใดบ้าง 

 

ทันทีที่ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” เฟสแรกเปิดตัว เชื่อได้ว่าความยิ่งใหญ่ ความหรูหรา และความพิเศษ ที่ชาติทุ่มเทแรงกายแรงใจไปอย่างเต็มที่กับโครงการนี้ ไม่เพียงจะทำให้โครงการนี้กลายเป็นที่น่าจับตา แต่ยังจะทำให้ทายาทหนุ่มแห่งกลุ่มเซ็นทรัลคนนี้ กลายเป็นผู้บริหารหนุ่มที่น่าจับตาอีกคนของเมืองไทย อย่างแน่นอน 

 

1. สงคราม “ห้างหรู” ระอุ เซ็นทรัลชิงเปิด “Embassy”