วันศุกร์, พฤศจิกายน 8, 2024
Home > Cover Story > ทิพยประกันภัยเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่การเป็นเบอร์หนึ่งแห่ง Digital Insurer

ทิพยประกันภัยเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กร สู่การเป็นเบอร์หนึ่งแห่ง Digital Insurer

หลังจากสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “น้องวันนี้” Virtual Influencer คนแรกของวงการประกันภัยไทย เพื่อจับเทรนด์มาแรงอย่าง Metaverse พร้อมชูเทคโนโลยี InsurTech ซื้อประกันผ่านแอปพลิเคชันไปแล้ว ล่าสุดทิพยประกันภัยประกาศเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็น Digital Insurer หวังขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของประเทศ ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน

ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ประกอบกับการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อการดำเนินชีวิตและต่อทุกแวดวงให้ต้องเร่งปรับตัว ซึ่งรวมถึงธุรกิจประกันที่กำลังเผชิญกับความท้าทายและต้องเร่งเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ เพื่อนำพาองค์กรให้ฝ่าวิกฤตโควิดและยุคแห่งดิจิทัล ดิสรัปชัน (Digital Disruption) ไปให้ได้

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทประกันรายใหญ่ที่มีภาครัฐอย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงไทย และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เป็นผู้ถือหุ้นหลัก และเป็นผู้เล่นในตลาดประกันรายแรกๆ ที่ชิงจังหวะประกาศตัวเป็นผู้นำด้าน Digital Insurance เดินหน้านำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน

ต้นปี 2562 ทิพยประกันภัยเปิดตัว “TIP Insure” แอปพลิเคชันที่ครอบคลุมบริการด้านประกันภัยทุกด้าน โดยลูกค้าสามารถซื้อประกันออนไลน์กับทิพยประกันภัยได้ด้วยตนเอง รวมถึงสามารถตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ ต่ออายุ ชำระเงิน เคลมประกัน ถ่ายรูปประกอบเพื่อทำประกันได้โดยไม่ต้องรอพนักงาน รวมถึงสามารถค้นหาอู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล และสาขาของทิพยประกันภัยได้ภายในแอปเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าและตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ตามมาด้วยแอปพลิเคชัน “TIP Flash Claim” นวัตกรรมใหม่ในการเคลมประกันด้วยตนเองโดยไม่ต้องรอพนักงาน ซึ่งสามารถแจ้งเคลมได้ทั้งประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ อุบัติเหตุ และการเดินทาง รวมถึงสินไหมทั่วไป และยังสามารถติดตามความคืบหน้าในการซ่อมรถหรือสถานะการเคลมได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นยังได้จับมือกับกลุ่มบริษัท จีเอเบิล (G-Able) ผู้ให้บริการด้านดิจิทัลโซลูชัน สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์รูปแบบใหม่ “iON GO Ultimate Safe Drive by TIP” (ไอออนโก) แอปพลิเคชันช่วยในการขับรถปลอดภัย

ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้เกิดนวัตกรรมสำคัญในวงการประกันภัยอย่าง First Intelligent Smartphone Based – Pay – How – You – Drive Insurance in Thailand ที่จะจับพฤติกรรมการขับรถทั้งความเร็ว อัตราเร่ง อัตราเบรก พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และการใช้ความเร็วในเขตชุมชน โดยแสดงผลผ่านโทรศัพท์มือถือ ก่อนนำมาประมวลผลเป็นคะแนนและรูปแบบการจ่ายเบี้ยประกัน เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าขับรถปลอดภัยตั้งเป้าช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน

และที่สร้างสีสันให้กับวงการประกันภัยเป็นอย่างมากคือการเปิดตัวน้อง “วันนี้” (WUNNI) Virtual Influencer คนแรกของวงการประกันภัยไทย จับเทรนด์ Metaverse โลกเสมือนจริงที่กำลังมาแรง โดยน้องวันนี้ถูกสร้างขึ้นให้เป็นตัวแทนของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยรูปลักษณ์ของสาวสวยวัย 22 ปี ที่จะคอยมาแนะนำสิ่งต่างๆ ที่น่าสนใจ ผ่านทางโซเชียลทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และ Tiktok

ล่าสุดทิพยประกันภัยประกาศเดินหน้าทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็น No.1 Digital Insurer ของประเทศ โดยจับมือกับบริษัท สกิลเลน เอดูเคชั่น จำกัด (SkillLane) บริษัทด้าน Online Learning Platform และ Digital Training Platform ติดอาวุธพร้อมเสริมทักษะให้กับพนักงานทุกระดับในองค์กร ผ่านคอร์สเรียนออนไลน์กว่า 800 หลักสูตร เพื่อพัฒนาศักยภาพของพนักงานในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ Digital Insurer

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “โลกกำลังเดินเข้าสู่วิถีดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ เทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างไม่สามารถแยกได้ ทิพยประกันภัยซึ่งเป็นผู้นำด้านประกันภัยดิจิทัล ที่ผ่านมาเรามีการส่งเสริมด้านนวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อการเป็นองค์กรดิจิทัลอย่างรอบด้าน ซึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คือ พนักงาน ผู้เปรียบเสมือนกำลังหลักที่จะขับเคลื่อนองค์กรสู่ Digital Transformation ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและเตรียมคนให้พร้อมอยู่เสมอ”

โดยในความร่วมมือครั้งนี้ ทิพยประกันภัยจะนำคอร์สเรียนขององค์กรมาลงบนแพลตฟอร์มของสกิลเลนในชื่อ “TIP X SkillLane” เช่น หลักสูตรประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อไวรัสโคโรนา หลักสูตรทางด้านดิจิทัล หลักสูตรพัฒนาทักษะการสื่อสาร รวมถึงคอร์สเรียนต่างๆ ที่เหมาะกับความต้องการของพนักงาน โดยที่การพัฒนาในแต่ละหลักสูตรมาจากการวิเคราะห์และคัดเลือกทักษะที่จำเป็นในวงการประกันภัยและในโลกยุคดิจิทัล โดยที่พนักงานสามารถลงเรียนในคอร์สต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องเดินทางมานั่งอบรมแบบเดิม

ด้านนายฐิติพงศ์ พิสิฐวุฒินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิลเลน เอดูเคชั่น จำกัด กล่าวว่า “สิ่งที่สกิลเลนทำคือการทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการเรียนแบบออนไลน์ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่หลายบริษัทจัดการอบรมแบบปกติได้ยาก ทำให้หลายองค์กรหันมาสนใจพัฒนาบุคลากรผ่านแพลตฟอร์มของสกิลเลนมากขึ้น”

ถือเป็นการพัฒนาบุคลากรที่เข้ามาตอบโจทย์วิถีชีวิตในยุคโควิดได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและประหยัดเวลาในการเดินทางได้อีกมาก ปัจจุบันพบว่าพนักงานของทิพยประกันภัยกว่า 98% ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์ต่างๆ ที่องค์กรจัดให้ ซึ่ง ดร.สมพร มองว่าแม้โลกจะเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น แต่กำลังสำคัญที่จะทำให้องค์กรพัฒนาต่อไปได้คือพลังของคนในองค์กร การเสริมทักษะที่สำคัญให้พนักงานคือการติดอาวุธให้กับองค์กรด้วยเช่นกัน และเป็นอีกหนึ่งก้าวสู่การเป็น Digital Insurer

สำหรับภาพรวมของธุรกิจถือว่าโตสวนกระแสโควิดทั้งยอดขายและกำไร ยืนยันไม่มีกรมธรรม์ประกันภัยโควิดประเภท “เจอ จ่าย จบ” โดยผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมานั้น สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,624.72 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.71 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำกำไรสุทธิ 1,609.99 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.68 บาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 19,397.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 17% โดยมีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ และมีกำไรจากการลงทุนรวม 722.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.72%

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้น ดร. สมพร มองว่า เป็นเพราะบริษัทฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และหันมาเน้นประกันภัยส่วนบุคคลมากขึ้นในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด อีกทั้งยังได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อขยายฐานการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งทำให้ผลประกอบการเป็นไปในทิศทางที่น่าพอใจ

ทั้งยังคาดการณ์ต่อไปอีกว่า ภายหลังรัฐบาลผ่อนคลายให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติ จะทำให้ธุรกิจฐานรากและการลงทุนสามารถขยับขยายได้มากขึ้น และส่งผลบวกมายังธุรกิจประกันภัย โดยเชื่อว่ารายได้ของปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน

ในส่วนของการรับโอนประกันโควิดจากบริษัทเอเชียประกันภัยนั้นไม่กระทบต่อรายได้และฐานะการเงินของบริษัท เพราะแม้ว่ารูปแบบประกันภัยเดิมของลูกค้าจะเป็นแบบ “เจอ จ่าย จบ” แต่เมื่อรับโอนเข้ามาแล้วจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์โควิดของทิพยประกันภัย ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทยอยโอนกรมธรรม์มายังบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตนั้นยังมุ่งผลักดันการขยายตัวของเบี้ยประกันภัย รวมถึงมีแผนขยายธุรกิจโดยการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจจัดการการเคลม และจัดการสินไหม โดยได้จัดตั้ง บริษัท ทิพย ไอเอสบี จำกัด (TIP ISB) ขึ้นมาดูแล อีกทั้งยังศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งบริษัทประกันภัยใหม่ หรือการเข้าซื้อกิจการที่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อรองรับการขยายธุรกิจประกันภัยที่มีศักยภาพในอนาคต

ดร. สมพร กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ทิพยประกันภัยยังคงเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจประกันภัยต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็น Digital Insurer ชั้นนำของประเทศ และของภูมิภาค และตระหนักดีถึงการมาถึงของยุคดิจิทัล ดิสรัปชัน ซึ่งต้องปรับตัวให้ทัน หรือไม่อย่างนั้นเราก็ต้องเป็น Disruptor เสียเอง”

ใส่ความเห็น