Home > MUJI

เจาะ 3 จุดขาย MUJI ปลุกตลาดนัดเล็กๆ Passion เต็มๆ

มูจิ-MUJI มาจากคำว่า Mujirushi Ryohin ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า “สินค้าคุณภาพดีที่ไม่มียี่ห้อ” สร้างแบรนด์จากการไม่มีแบรนด์ ไม่มีโลโก้ ไม่เน้นโฆษณา มีแค่ตัวสินค้า ดีไซน์เรียบง่าย “มูจิ” ก่อตั้งขึ้นในปี 2523 โดย เซจิ สึสึมิ ประธานห้างสรรพสินค้าเซยู (Seiyu) ประเทศญี่ปุ่น โดยแรกเริ่มเป็นหนึ่งแบรนด์สินค้าซูเปอร์มาร์เกต เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันที่มีคุณภาพ ภายใต้สโลแกน “ราคาถูก ด้วยเหตุผล” กระทั่งอีก 3 ปี จึงเปิดร้าน Mujirushi Ryohin แห่งแรก และเริ่มขยายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงในต่างประเทศ ภายใต้แบรนด์ Muji สำหรับประเทศไทย มูจิเริ่มเข้ามาในช่วงปี 2549 โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลซื้อแฟรนไชส์จากบริษัท เรียวฮิน เคอิคะคุ จำกัด มาเปิดให้บริการในประเทศไทยแห่งแรกที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ก่อนขยายสาขาไปตามห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศและห้างสรรพสินค้าโรบินสันในบางสาขา ปี 2556 เรียวฮิน เคอิคะคุ เล็งเห็นถึงการลงทุนอย่างจริงจังในประเทศไทยจากผลตอบรับค่อนข้างดีของลูกค้าคนไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

Read More

กระแสญี่ปุ่นยังไม่แผ่ว ส่งแบรนด์ชั้นนำ “niko and … ” บุกไทย

ท่ามกลางกระแสความนิยมในเกาหลี ทั้งในเรื่องของอาหาร เพลง ศิลปิน และซีรีส์ ที่ฟีเวอร์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ถึงกระนั้นความเป็นญี่ปุ่นที่รุกตลาดมานานก็ยังไม่แผ่ว ล่าสุดส่งไลฟ์สไตล์แบรนด์ชั้นนำอย่าง “niko and … ” บุกไทย ประเดิมสาขาแรกใจกลางย่านวัยรุ่น ณ สยามสแควร์วัน ประเทศไทยยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญในการเข้ามาบุกตลาดของเชนค้าปลีกหลากหลายรายจากญี่ปุ่น ทั้งแบรนด์เครื่องแต่งกาย สินค้าไลฟ์สไตล์ ของใช้ รวมถึงเชนซูเปอร์มาร์เกตที่เดินหน้าขยายสาขากันอย่างต่อเนื่อง เริ่มที่ “มูจิ” (MUJI) แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ ของใช้ในครัวเรือน เครื่องแต่งกาย และอาหาร ที่เข้ามาเปิดตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2549 โดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาเปิดสาขาในไทย ปักหมุดเซ็นทรัลชิดลมเป็นสาขาแรก กระทั่งปี 2556 บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ได้ตัดสินใจร่วมทุนกับ Ryohin-Keikaku บริษัทแม่ของมูจิ จัดตั้งบริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัดขึ้น เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจเชิงรุกในไทย ล่าสุดมูจิ รีเทล (ประเทศไทย) ประกาศบุกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่างเต็มตัว เปิดตัว 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าสไตล์มินิมอล

Read More

สร้างสรรค์แต่ไม่ปรุงแต่ง

 ภาพของผู้คนที่ยืนเรียงแถวรอคอยที่จะได้มีโอกาสเข้าไปเลือกซื้อสินค้าจากร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น เมื่อคราวเปิดตัวในประเทศไทยแต่ละครั้งถือเป็นความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบการธุรกิจจากญี่ปุ่นที่กำลังรุกเข้ามาสร้างสีสันให้กับแวดวงธุรกิจไทยไม่น้อยเลยนะคะ แม้ว่าความคุ้นเคยของคนไทยที่มีต่อสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์จากญี่ปุ่น อาจทำให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องราวสามัญธรรมดา ขณะเดียวกันก็อาจประเมินได้ว่านี่คือกระแสธารของโลกทุนนิยมและความเป็นไปในยุคโลกาภิวัตน์ ที่ดำเนินอยู่ไม่แตกต่างจากกรณีอื่นๆ หากแต่ในอีกมิติหนึ่งยังปรากฏข้อเท็จจริงที่ว่า การขยายบริบททางธุรกิจของผู้ประกอบการญี่ปุ่นออกสู่ตลาดภายนอกประเทศอาจเป็นหนึ่งในหนทางรอดทางธุรกิจของผู้ประกอบการเหล่านี้ ท่ามกลางความชะลอตัวทางเศรษฐกิจภายในญี่ปุ่นเองด้วย การจำเริญเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษ 1960 ถึง1980 และได้รับการเรียกขานว่าเป็น “ความมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจ” กลายเป็นกับดักที่ส่งผลให้เกิดภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง ก่อนที่ฟองสบู่จะแตกออกและทำให้ระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับผลกระเทือนอย่างหนักหน่วงในระยะเวลาหลังจากนั้น  ถ้าจะถามว่าความเสื่อมถอยทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปี 1990 จนถึงปัจจุบันมีความรุนแรง หนักหนาเพียงใด ก็คงพิจารณาได้จากการประเมินและเรียกขานช่วงเวลาดังกล่าวของนักเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่ระบุว่าเป็น ทศวรรษที่หายไป หรือ เดอะ ลอสต์ เดเคด (the Lost Decade) ขณะที่บางรายเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่าเป็น ปีที่สูญเปล่า (the Lost Years) ของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว แต่ภายใต้ซากปรักหักพังของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งมีบริษัทใหญ่ๆ ตกเป็นเหยื่อที่มีสภาพไม่ต่างจากผีดิบที่ไม่สามารถเติบโตและสร้างผลกำไร เพื่อมาหล่อเลี้ยงองคาพยพทางธุรกิจได้มากนัก กลับเปิดโอกาสให้บริษัทเล็กๆ ที่ค่อยๆ สะสมทุนจากระดับท้องถิ่น ก้าวขึ้นมาเติมเต็มช่องว่างของการขับเคลื่อนกลไกทางเศรษฐกิจที่หายไปทีละน้อย และมีผลต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคของญี่ปุ่นที่ทำให้เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ในเวลาต่อมา การเกิดขึ้นของทั้ง MUJI และ Uniqlo เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจไม่น้อยในกรณีที่ว่านี้ เพราะหากย้อนหลังกลับไปในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ ทั้งสองบริษัทยังมีสถานะเป็นเพียงผู้ประกอบการในระดับท้องถิ่น หรือหากกล่าวให้เข้าใจได้ง่ายก็ต้องบอกว่าเป็นเพียงเอสเอ็มอี ที่คงไม่มีใครให้ความสนใจเป็นแน่ ทั้งสองบริษัทมีจุดเปลี่ยนผ่านทางประวัติศาสตร์จากห้วงเวลาที่ใกล้เคียงกันในช่วงต้นของทศวรรษ 1980 ซึ่งสังคมญี่ปุ่นโดยรวมกำลังเริงร่าอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ไต่ระดับพุ่งทะยาน

Read More