ปัจจุบันนโยบายด้านความยั่งยืน (Sustainability) เป็นสิ่งที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนการดำเนินงานและในแผนธุรกิจขององค์กร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในเกือบทุกประเภทธุรกิจ ซึ่งครั้งนี้ “ผู้จัดการ 360 องศา” จะพาไปสำรวจความคืบหน้าการดำเนินการด้านความยั่งยืนกับอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอย่างธุรกิจการเงินและประกัน กับ “กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล”
บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ให้ภาพรวมด้านกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ไว้ว่า “วิธีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนคือสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญต่อเจตนารมณ์ขององค์กร For Every Life, For Every Future ชีวิตมีกัน…ทุกวันดีกว่า พรูเด็นเชียลจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้นไปในอนาคต เราเป็นบริษัทประกันที่มีความเข้มแข็งสูงที่ไม่ได้ทำธุรกิจแค่สร้างกำไร แต่ต้องเอากำไรตรงนั้นมาทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นไปด้วย”
โดยกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล และพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้ดำเนินกลยุทธ์สู่ความยั่งยืนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลัก ประกอบด้วย
1. การทำให้ประกันและการเงินเข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน ผลักดันให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงประกันและสินค้าทางการเงินต่างๆ ได้ เพื่อให้สามารถวางแผนอนาคตได้เข้มแข็งและดีมากยิ่งขึ้น
2. นโยบายการลงทุนที่รับผิดชอบต่อสังคม เน้นการลงทุนในธุรกิจที่ต้องการลดคาร์บอนฯ และมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว
“หลายๆ ธุรกิจเวลาที่มีนโยบายทางด้านความยั่งยืนจะเน้นเรื่องการลดคาร์บอนฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เราเองก็ต้องการทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เนื่องจากพรูเด็นเชียลเป็นธุรกิจการเงินและประกัน พวกคาร์บอนฯ เราต่ำมากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พรูเด็นเชียลมีเยอะมากกว่าคนอื่นคือเรื่องของการลงทุน เราจึงเน้นการนำเงินจากลูกค้าไปลงทุนระยะยาวโดยที่ได้ผลตอบแทนที่ดี และเน้นกลุ่มเอกชนที่มีความชัดเจนในการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม เป็นนโยบายการลงทุนที่รับผิดชอบต่อสังคม เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก หรือองค์กรที่วันนี้ยังไม่ได้ดีต่อสิ่งแวดล้อมดีที่สุด แต่เขามีเป้าหมายที่จะลดคาร์บอนฯ อย่างชัดเจน จากกลุ่ม Brown สู่ Green โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่พรูเด็นเชียลให้ความสำคัญ และมีอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ที่ต้องการการช่วยเหลือทางด้านการเงินในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว”
3. การดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน ทั้งเรื่องธรรมาภิบาล เรื่องความเท่าเทียมทางเพศสภาพในองค์กร ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พรูเด็นเชียลให้ความสำคัญ
ไฮไลท์ความยั่งยืนของพรูเด็นเชียลระดับกลุ่ม
จาก 3 กลยุทธ์หลัก ทำให้ปี 2024 ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลมีความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้งด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล
ปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลได้ลงทุนกว่า 12.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อชุมชนทั่วโลก หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ โครงการชะ-ชิ้ง (Cha-Ching) ที่มุ่งเน้นส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับเยาวชน สามารถเข้าถึงนักเรียนกว่า 2.8 ล้านคน และฝึกอบรมครูผู้สอนกว่า 87,400 คน ทั่วโลก นับตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2016
ด้านการลงทุนที่รับผิดชอบต่อสังคม ได้ลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านกรอบการลงทุน Financing the Transition (FTT) เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ, สามารถลด Weighted Average Carbon Intensity (WACI) ของพอร์ตการลงทุนลง 54% จากปีฐาน 2019 และประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Scope 1–2) ลงถึง 49% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งใช้พลังงานหมุนเวียนครอบคลุม 58% ของการใช้พลังงานทั่วโลก นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรม Sustainability in Action Week ครั้งแรก ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 4,300 คน จากทั้งเอเชียและแอฟริกา
“เราทำไปได้คืบหน้ามากๆ เราตั้งเป้าว่าภายในปี 2030 เราจะลด WACI Score ลงมาให้ได้ 55% กรุ๊ปทำได้ดีมากๆ สิ้นปี 2024 เราลดไปได้แล้ว 54% เหลืออีกเปอร์เซนต์เดียวก็เข้าเป้าแล้ว เปลี่ยนจากคาร์บอนฯ สูง มาเป็นคาร์บอนฯ โดยนำเงินไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนไปสู่ธุรกิจสีเขียว ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้จริง”
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กับ Positive Impact
ขณะเดียวกัน ในปีที่ผ่านมา พรูเด็นเชียล ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชีย ก็ได้สานต่อกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนผ่านโครงการต่างๆ ที่มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคมไทยอย่างเป็นรูปธรรม
“เราทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันในการดูแลโลกใบนี้ และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นถัดไป พรูเด็นเชียลฯ ไม่เพียงมุ่งมั่นสร้างมั่นคงทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการส่งต่อและสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่สังคมไทยในระยะยาว ความมุ่งมั่นนี้สะท้อนผ่านโครงการและกิจกรรมมากมายที่บริษัทฯ ดำเนินการในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านการทำให้กลุ่มคนเปราะบางได้เข้าถึงประกันและการลงทุนอย่างรับผิดชอบ และการส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่เยาวชนไทย”
หนึ่งในโครงการที่โดดเด่นคือ การส่งเสริมความรู้ทางการเงินแก่เยาวชนไทยผ่านโครงการชะ-ชิ้ง (Cha-Ching) ซึ่งไทยถือว่าทำได้อย่างโดดเด่น สามารถเข้าถึงนักเรียนแล้วกว่า 234,000 คน และ ครู 15,000 คนทั่วประเทศ คิดเป็นกว่า 10% ของทั้งกลุ่ม นอกจากนี้ พนักงานของบริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจยังร่วมอบรมเป็นครูพี่เลี้ยงอาสาเพื่อถ่ายทอดแนวคิดการจัดการเงินอย่างง่ายแก่เด็กอายุ 7-12 ปี ครอบคลุมทั้งเรื่องการหารายได้ การเก็บออม การใช้จ่าย และการบริจาค โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการฯ มากกว่า 275 คน นับตั้งแต่ปี 2022 อีกทั้งยังได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งวิชาในบุรีรัมย์โมเดล เพื่อสร้างความรู้ทางการเงินให้เด็กไทยอีกด้วย
“ที่เราภูมิใจมากคือ ไม่ใช่แค่ตัวนักเรียน แต่มีการไปวัดว่ากลุ่มครูที่มีโอกาสสอนโปรแกรมชะ-ชิ้ง ให้กับเด็ก มีอัตราการเป็นหนี้ลดลง”
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการ “Give The Future: การให้ที่ยั่งยืน คือ การให้ที่ส่งต่อได้” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยมอบประกันภัยอุบัติเหตุแก่กลุ่มลูกจ้างกรุงเทพมหานครและกลุ่มลูกจ้างโรงพยาบาลรัฐครอบคลุม 10 โรงพยาบาลทั่วประเทศ ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลศรีธัญญา, วชิรพยาบาล และ โรงพยาบาลสามพราน เป็นต้น รวม 80,000 คน ทุนประกันรวม 8,000,000,000 บาท
“เป้าหมายหลักของเราคือกลุ่มลูกจ้าง กทม. ซึ่งเขามีรายได้ไม่มากนัก แต่ทำงานความเสี่ยงสูง เพื่อทำให้กรุงเทพฯ น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ทั้งงานตัดต้นไม้ กวาดถนน ล้างท่อ เก็บขยะ ใช้แรงงานหนักและมีความเสี่ยง ทั้งอุบัติภัย ความปลอดภัย เป็นกลุ่มที่ไม่มีหลักประกัน กทม. มีลูกจ้างอยู่ประมาณ 5-5.2 หมื่น ปีนี้เราขยายไปกลุ่มยังลูกจ้างชั่วคราวของโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อยแต่งานที่เขาทำมีประโยชน์ต่อสังคมมาก พรูเด็นเชียลจึงมอบกรมธรรม์ให้เขาฟรีจากทุกหนึ่งกรมธรรม์ที่เราขายได้ ซึ่งทั้งลูกค้าที่ซื้อประกันของเราและพาร์ตเนอร์เขาภูมิใจกับโครงการนี้มาก”
ด้านการลงทุนอย่างรับผิดชอบต่อสังคม ปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะสามารถลดความเข้มข้นของคาร์บอนฯ ในพอร์ตการลงทุนลงถึง 51% จากปีฐาน 2019 ซึ่งเข้าใกล้เป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนฯ ลง 55% ภายในปี 2030 และเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 สอดคล้องพันธกิจของกลุ่มพรูเด็นเชียลทั่วโลก
นอกจากนี้ปีที่ผ่านมา พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังได้จัดกิจกรรม “PRU Shark” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Shark Tank” เพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานเสนอชื่อองค์กรเพื่อสังคมที่ต้องการสนับสนุน
“ผมเชื่อว่าความยั่งยืนต้องเริ่มจากในองค์กรก่อนจะส่งผลออกไปสู่ภายนอก เราจึงต้องการสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาคือส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ในปีนี้จึงได้มีการจัดกิจกรรม “PRU Shark” ที่เปิดโอกาสให้พนักงานเสนอชื่อองค์กรเพื่อสังคมที่ต้องการสนับสนุน โดยมีองค์กรเข้าร่วมกว่า 30 แห่ง และมี 4 องค์กรที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ได้รับเงินสนับสนุนรวมกว่า 265,000 บาท ทั้ง เทใจดอทคอม, Trash Lucky, SOS และ ESF ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง”
ไม่เพียงเท่านั้น พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังให้การช่วยเหลือสังคมเป็นจำนวนกว่า 2.45 ล้านบาท ที่นำไปบริจาคที่ต่างๆ อย่างการช่วยเรื่องน้ำท่วม และกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ โดยในแต่ละปี Prudential Foundation จะพยายามหากลุ่มด้อยโอกาส หรือกลุ่มเปราะบาง และเข้าไปช่วยเหลือพัฒนาสังคม ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาได้เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านในจังหวัดสุโขทัยที่ถูกน้ำท่วม โดยเราระดมเจ้าหน้าที่ของพรูเด็นเชียลมาจากทั่วโลกทั้งเอเชีย และแอฟริกา ช่วยสร้างบ้านให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
“ชุมชนที่เราเลือกค่อนข้างไม่มีความสามารถที่จะสร้างบ้านใหม่ มีแต่คุณตาคุณยาย และพื้นที่ที่เลือกก็เป็นพื้นที่สุโขทัยที่โดนน้ำท่วมซ้ำซากมาหลายปี ความตั้งใจคือสร้างบ้านใหม่ให้สูงขึ้นและอยู่ได้นานๆ”
เดินหน้าสานต่อ 3 เสาหลัก
สำหรับแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของปี 2025 พรูเด็นเขียล ประเทศไทย ยังคงดำเนินตามม 3 เสาหลัก อย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการขยายโครงการชะ-ชิ้ง สู่กลุ่มนักศึกษาและสู่กลุ่ม First Jobber มากขึ้น
“ชะ-ชิ้ง เราทำต่อแน่ๆ แต่เดิมที ชะ-ชิ้ง เราเน้นเด็กประถมวัย โดยให้ความรู้คุณครูเพื่อไปสอนเด็ก ซึ่งมันช้าเหลือเกิน กว่าเด็กๆ จะโต ไม่รู้ว่าเขาจะลืมเรื่องที่เราสอนไปหรือเปล่า ทีนี้จะทำอย่างไรให้สร้าง impact ต่อสังคมได้มากกว่านี้ จึงขยับมาสู่กลุ่มนักศึกษาและกลุ่ม First Jobber ที่เขากำลังเข้าสู่ตลาดงาน ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาหลักสูตรและโปรแกรม อาจจะได้เห็นในปีหน้า”
อีกสิ่งหนึ่งที่พรูเด็นเชียล ประเทศไทย หันมาโฟกัสเพิ่มเติมคือ ผลกระทบด้านสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการสร้างการวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสุขภาพของประชาชน ทั้ง PM2.5 และ ภาวะโลกร้อน เป็นต้น เพื่อนำสิ่งที่ได้จากการวิจัยส่งต่อไปยังภาครัฐที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหา และสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน
“climate change เป็นเรื่องสำคัญมาก จะทำอย่างไรให้ภาครัฐและเอกชนเล็งเห็นความสำคัญมากยิ่งขึ้น ช่วงนี้เห็นข่าวคนเป็นมะเร็งปอดกันมากขึ้น ซึ่งปัจจัยหนึ่งมาจาก PM2.5 เราอาจจะต้องทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในการทำวิจัย และนำงานวิจัยนั้นเสนอให้กับภาครัฐได้เล็งเห็นความสำคัญ อยากให้หน่วยงานที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายและทิศทางในการดูแลคุณภาพชีวิตของคนไทย รวมถึงประชาชนได้ตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีผลต่อสุขภาพของคนจริงๆ จะได้มาช่วยกันผลักดันให้สังคมเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น”
นอกจากนี้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังวางกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อตอบรับกับเมกะเทรนด์ของโลกและสังคมไทย ทั้งภาวะโลกร้อน ความผันผวนทางเศรษฐกิจ หรือ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย อาทิ บริษัทฯ ได้เตรียมผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแผนประกันที่ตอบโจทย์การวางแผนเกษียณ, บริการกู้ยืมตามกรมธรรม์เพื่อรองรับความจำเป็นในยามฉุกเฉิน, การออมระยะยาว หรือ การลงทุนที่มีความยืดหยุ่นซึ่งลูกค้าสามารถเลือกลงทุนในกองทุนได้มากกว่า 73 กองทุน ตอกย้ำบทบาทขององค์กรที่พร้อมอยู่เคียงข้างลูกค้าในทุกสถานการณ์