วันจันทร์, กรกฎาคม 14, 2025
Home > Cover Story > ศักดา ศรีแสงนาม กับก้าวที่มั่นคง ของเจริญอุตสาหกรรม

ศักดา ศรีแสงนาม กับก้าวที่มั่นคง ของเจริญอุตสาหกรรม

ตลอดเส้นทางการเดินทางของธุรกิจที่มีอายุนับร้อยปี ที่ยังคงความแข็งแกร่งในเชิงของธุรกิจ แม้ว่าการเติบโตและกำไรจะเป็นเป้าหมายหลัก แต่ปัจจัยที่เป็นตัวขับเคลื่อนไม่ใช่แค่เป้าหมายด้านตัวเลขที่ประกาศต่อสาธารณชนเท่านั้น ทว่า กลับเป็นวัฒนธรรมองค์กร ครอบครัว สิ่งสำคัญที่ผู้บริหารยึดเหนี่ยวและปฏิบัติตาม

ศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ระยะเวลา 1 ศตวรรษของเจริญอุตสาหกรรมสามารถยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งมายาวนานคือ วัฒนธรรมครอบครัว

“หนึ่ง คือการเคารพซึ่งกันและกัน สอง คือวิถีชีวิตการทำงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด ที่บรรพบุรุษแฝงไว้ในคำว่า ‘จิ้นฮ่วย’ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเจริญอุตสาหกรรมในปัจจุบัน สาม คือการดำเนินชีวิตที่ต้องมุ่งเน้น ‘คึ้ง-เขียม’ ขยัน ประหยัด และ สี่ คือทำงานแบบต้นไม้ที่ให้ความร่มเย็นแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเรายังถ่ายทอดประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมาในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารที่หลากหลายจากรุ่นสู่รุ่น”

ความมั่นคงของเจริญอุตสาหกรรมมีจุดเริ่มต้นจากธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลคือการผลิตซีอิ๊ว ก่อนจะขยับขยายธุรกิจไปสู่ผู้ผลิตอาหารแปรรูปกระป๋อง เช่น ปลากระป๋อง ซึ่งนับเป็นรายแรกๆ ของไทย พร้อมกันนี้ยังตั้งโรงงานผลิตกระป๋อง ก่อนจะเพิ่มไลน์สินค้าให้ธุรกิจด้วยการผลิตผลไม้กระป๋อง และมองเห็นโอกาสในการเพิ่มรายได้ ด้วยการทำผลไม้อบแห้ง และนับเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัท

แม้ว่าเจริญอุตสาหกรรมจะเป็นผู้ผลิตสินค้าอาหารแปรรูปป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารของไทยและทั่วโลก แต่สัดส่วนรายได้ของบริษัทกลับมาจากการรับจ้างผลิต (OEM) สูง 80-90% และที่เหลือเป็นสินค้า House Brand

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ สถานการณ์บางอย่างที่อาจอยู่เหนือการควบคุมได้ของเจริญอุตสาหกรรม นี่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ จิ้นฮ่วย เริ่มมองถึงแผนการในอนาคต ที่จะส่งผลให้เกิดความมั่นคงที่ควบคุมได้ นั่นคือ การเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ให้มากขึ้น

“ที่ผ่านมาสินค้าหลักของเราคือผลไม้อบแห้ง ซึ่งอยู่ในรูปแบบ OEM 80-90% และลูกค้าหลักคือกลุ่มลูกค้าต่างชาติ นักท่องเที่ยว แน่นอนว่าปัจจุบันที่การท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ลดจำนวนลงส่งผลต่อยอดขายอยู่บ้าง นี่ทำให้เราต้องเริ่มปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจ โดยพยายามเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศมากขึ้น ด้วยการออกสินค้าใหม่ ซึ่งก็คือ มะม่วงและบ๊วย ที่เราวางขายร้านสะดวกซื้อ 7-11 และยังมีการพัฒนาสินค้า Premium Thai Food Snack ที่ออกแบบเน้นความเป็นไทย”

ขณะที่ธุรกิจทั่วโลกกำลังกังวลเรื่องกำแพงภาษีจากทรัมป์ 2.0 เจริญอุตสาหกรรมก็คงไม่ต่างกัน เนื่องจากมีการส่งสินค้าออกไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีสัดส่วนดังนี้ โซนอเมริกา 54% โซนเอเชีย 21% และโซนยุโรป 13%

“เราได้รับผลกระทบอยู่แล้ว แต่เรามีแผนการรับมือ โดยในระยะสั้นเรามีการเจรจากับคู่ค้า หาแนวทางการชดเชย ผ่อนผัน เพื่อให้ธุรกิจยังไปต่อได้ เพราะลูกค้าในอเมริกาส่วนใหญ่จะระงับการสั่งตอนที่มีการปรับขึ้นภาษี ขณะที่แผนระยะกลางที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้คือ เราต้องเปิดตลาดใหม่ ซึ่งตลาดที่น่าสนใจได้แก่ ยุโรป นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ เพราะเราเก่งด้าน R&D สินค้าใหม่ๆ ที่ออกมาป้อนเข้าสู่ตลาดจะเป็นที่ต้องการของลูกค้าอย่างแน่นอน ขณะที่แผนระยะยาวคือ การมองหาประเทศที่ไม่โดนกำแพงภาษี หากมีโอกาสในการลงทุน เราจะเข้าไป”

ดูเหมือนว่าปัจจุบันความท้าทายที่ผู้บริหารเจริญอุตสาหกรรมต้องเจอ และเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องหาทางรับมือคือเรื่องนโยบายภาษี “คงต้องรอดูว่าหลัง 90 วัน ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาจะยกเลิกสินค้ามากน้อยแค่ไหน เราต้องเตรียมแผนการรับมือให้รอบคอบ” ศักดาอธิบาย

นอกจากนี้ เจริญอุตสาหกรรมยังประกาศเป้าหมายสำคัญเพื่อก้าวสู่ศตวรรษใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ “Expand Control and Be Known” ที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านอาหารสุขภาพ “Innovative Healthy Food” เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจระยะยาวเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน โดยชู 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. Operate Globally ขยายฐานการผลิตและสำนักงานทั่วโลก

2. Control the strategic supplyควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานบริหารจัดการต้นทุนและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. Build a world-class brand มุ่งเน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักทั่วโลก เดินหน้าสร้างโอกาสขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพรูปแบบใหม่ๆ โดยจะลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์อาหารแห่งอนาคตวางแผนการลงทุนที่ครอบคลุม ทั้งในมิติ แนวดิ่งและแนวราบ ได้แก่ การลงทุนในเครื่องจักรและเทคโนโลยีใหม่ การขยายกำลังการผลิต การพัฒนาแหล่งวัตถุดิบต้นน้ำ และการลงทุนในช่องทางการจัดจำหน่ายปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นทางถึงผู้บริโภค พร้อมรองรับดีมานด์ในอนาคต และสร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืนในเวทีโลก

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า แผนการจะปรับเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ของเจริญอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนสินค้า OEM ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัท ที่อาจจะพบกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ การค้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ดูแล้วคงไม่ง่ายแม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 1 ศตวรรษ.