วันจันทร์, กรกฎาคม 14, 2025
Home > Cover Story > AWC River Journey Project แผนเชื่อมโยงแลนด์มาร์กริมเจ้าพระยา

AWC River Journey Project แผนเชื่อมโยงแลนด์มาร์กริมเจ้าพระยา

นับจากนี้อีก 3 ปี เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น ตามแผน AWC River Journey Project ที่จะรวมความหรูหราของการบริการระดับโลกผสานเข้ากับการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะเผยโฉมเต็มรูปแบบตามแผนยุทธศาสตร์การสร้างจุดหมายปลายทางด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม “The Integrated Wellness Destination” ซึ่งบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC ยืนยันที่นี่จะมีความ Unique ขั้นสูงสุด

ล่าสุด วัลลภา ไตรโสรัส ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  AWC ถือฤกษ์ วันจันทร์ที่ 9 เดือน 6 ปี 2568 ทำพิธีลงเสาเอกเริ่มต้นการก่อสร้าง “โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์” (The Ritz-Carlton Bangkok, The Riverside)  พร้อมพิธีสักการบูชาตามประเพณีเพื่อถวายแด่องค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว อันเป็นการเริ่มต้นที่เป็นสิริมงคลแก่ชุมชนและแสดงความเคารพต่อมรดกทางจิตวิญญาณของสถานที่

ซีอีโอสาว ทายาทตระกูล “สิริวัฒนภักดี” กล่าวว่า บริษัทกำหนดแนวคิดตั้งแต่วันแรก ต้องการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของ “ฮวยจุ่งล้ง” สถาปัตยกรรมรูปแบบท่าเรือกลไฟประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นตัวแทนของความรุ่งโรจน์ด้านนาวีพาณิชย์ของสยามในศตวรรษที่ 19-20

การบูรณะและเติมเต็มโปรเจกต์ต่างๆ จึงอยู่ภายใต้การให้คำปรึกษาของ รองศาสตราจารย์ ดร. พีรยา บุญประสงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับกรมศิลปากร และพันธมิตรด้านการออกแบบ ได้แก่ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) และ อะแดปทีฟ ดีไซน์ แอนด์ ดอค จำกัด โดยใช้เทคนิคการก่อสร้างที่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน เพื่อปกป้องโครงสร้างอาคารและชุมชนใกล้เคียง  รวมถึงเทคนิคการก่อสร้างแบบดั้งเดิมและการเลือกใช้วัสดุที่ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด เพราะต้องการให้แน่ใจว่าความงามและมรดกทางวัฒนธรรมของ “ฮวยจุ่งล้ง” จะได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี

สำหรับโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ใช้งบลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท แยกอาคารห้องพักสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบจากปรัชญาหยินหยาง ระหว่าง “พลังหยิน” เน้นการสร้างความสงบ การดึงจิตวิญญาณลึกๆ สร้างความรื่นรมย์ ธาตุของน้ำและดิน กับ “พลังหยาง” เน้นแนวคิดการสร้างพลัง โจทย์ของลูกค้าที่ต้องการศูนย์สุขภาพที่เข้าถึงจิตวิญญาณอย่างแท้จริง การสร้างความสมดุลข้ามสายน้ำ เชื่อมต่อ 2 ฝั่งแม่น้ำ

เนื่องจาก “หยิน” ทางแพทย์แผนจีนเปรียบเป็นธาตุเย็นในร่างกาย เมื่อธาตุเย็นสูงขึ้นมากไปจะทำให้ร่างกายขาดสมดุล ในทางกลับกัน “หยาง” เป็นเสมือนธาตุร้อน ถ้ามากเกินไปจะป่วยไข้ จึงจำเป็นต้องรักษาสมดุล “หยิน-หยาง” ของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง

ทั้งนี้ ตัวโรงแรมฝั่งที่ดินแปลงใหญ่ตรง เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น จะมีอาคารหลักสูง 20 ชั้น ประกอบไปด้วยห้องพักระดับลักชัวรี ห้องอาหารรูฟท็อปพร้อมวิวแบบพาโนรามา ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ และห้องอาหารอีกหลากหลายแห่ง ขณะที่มีอาคารเก่าแก่สองหลังจะเป็นห้องพักเพิ่มเติม พร้อมห้องอาหาร และศูนย์สุขภาพขนาดใหญ่ รวมห้องพักทั้งหมด 167 ห้อง

ด้านอีกฟากฝั่งของแม่น้ำอยู่ย่านทรงวาด เป็นอาคาร Shophouse  ฝั่งทรงวาด จะเป็นห้องพักในบรรยากาศวัฒนธรรมไทย-จีน ริมฝั่งเจ้าพระยา จำนวน 191 ห้อง โดยทั้งสองพื้นที่จะเชื่อมต่อถึงกันด้วยบริการเรือไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมชาติ

แน่นอนว่า วัลลภาวาดโปรเจกต์ชิ้นใหญ่มาอย่างยาวนานและตัดสินใจขอเช่าที่ดินริมน้ำประวัติศาสตร์ “ล้ง 1919” เมื่อปี 2564 เพื่อสร้าง The Integrated Wellness Destination ภายใต้แนวคิด The River Journey ซึ่งจริงๆเป็นมาสเตอร์แพลนที่เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี วางไว้ตั้งแต่ปักหมุดโครงการเอเชียทีคเมื่อปี 2555 นั่นคือ การสร้างโครงข่าย River Front Connection เชื่อมโยงบิ๊กโปรเจกต์ตลอดสายน้ำเจ้าพระยายาวตั้งแต่กรุงเทพฯ ถึงพระนครศรีอยุธยา

AWC จึงเร่งปลุกปั้น เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ จนกลายเป็น Destination ระดับโลก รองรับกลุ่มเป้าหมายระดับนานาชาติ มีแม็กเน็ตที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเอเชียทีค สกาย ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความสูง 60 เมตร เมื่อขึ้นไปแล้วจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพมหานครในมุมสูงได้รอบตัวและ “สิริมหรรณพ” เรือใบสามเสาขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจำลองแบบมาจากเรือทูลกระหม่อม ภายในประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์และร้านอาหาร

นอกจากนั้น ยังเตรียมโปรเจกต์เอเชียทีค 2 บริเวณถนนเจริญนคร ฝั่งตรงกันข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา เนื้อที่ 29 ไร่ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 150,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและคนฝั่งธนบุรี ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก

ที่สำคัญ การวางหมุดเชื่อมโครงข่ายธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเดินหน้าต่อ เนื่องจากเจ้าสัวเจริญมีที่ดินขนาดใหญ่อยู่ในมืออีกหลายแปลง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่อเนื่องไปถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เช่น บริเวณอาคารอี๊สต์เอเชียติ๊ก ติดโรงแรมโอเรียนเต็ล อาคารเก่าสไตล์โคโลเนียล ที่ดินริมน้ำเจ้าพระยาเกือบ 20 ไร่ อยู่บนถนนพระราม 3 ถัดจากเอเชียทีคไม่ไกลนัก ที่ดินบริเวณบางโคล่ ฝั่งธนบุรี ที่ดินริมน้ำในเขตบางกระเจ้า และถนนสรรพาวุธ บางนา รวมถึงที่ดินริมน้ำย่านบางไทร ใกล้ศูนย์ศิลปาชีพ อีกกว่า 3,000 ไร่

ดังนั้น เมื่อ เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นหมุดหมายชิ้นสำคัญตามโครงการ AWC River Journey เชื่อมโยงแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมริมสายน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ถนนทรงวาด เอเชียทีค ปากคลองตลาด และโครงการในอนาคตอย่างเวิ้งนครเกษม เยาวราช ด้วย.

 

175 ฮวยจุ่งล้ง สักการะศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว

ล้ง 1919 (Lhong 1919) เป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้านฝั่งธนบุรี ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เดิมบริเวณนี้เป็นท่าเรือของพระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร สร้างขึ้นเมื่อปี 2393 โดยมีชื่อว่า “ฮวยจุ่งล้ง” แปลว่า ท่าเรือกลไฟ โดยเป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้ารองรับเรือสินค้าจากหัวเมืองประเทศต่างๆ เช่น มลายู สิงคโปร์ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ต่อมา ขายให้แก่นายตันลิบบ๊วย แห่งตระกูลหวั่งหลี ในปี 2462 จนกระทั่งในภายหลัง บริษัท หวั่งหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารดูแล

เดือนตุลาคม 2559 ตระกูลหวั่งหลีมีโครงการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวและจุดหมายตาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเริ่มเข้ามาพัฒนาพื้นที่และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ภายใต้โครงการ ล้ง 1919 (Lhong 1919) เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ โดยบูรณะอาคารเก่าทั้งหมด ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจีน ก่ออิฐถือปูนและการใช้โครงสร้างไม้ที่ยังคงเก็บรูปแบบอย่างเดิมไว้ ภายในประกอบด้วย โกดังเก่าของตระกูลหวั่งหลี ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว ศาลเจ้าจีนเก่าแก่ในเขตคลองสาน ท่าเรือหวั่งหลี ลานกิจกรรมกลางแจ้ง และ Co-Working Space

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) (AWC) ในเครือกลุ่มทีซีซี โดยวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินที่ตั้งของล้ง 1919 จากตระกูลหวั่งหลีจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม  2628 รวมระยะเวลา 64 ปี เพื่อพัฒนาอภิมหาโครงการคอนเซ็ปต์ The Integrated Wellness Destination

ปัจจุบันศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วเปิดให้ประชาชนได้สักการะทุกวัน ก่อนที่โปรเจกต์ต่างๆ จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2571 โดยศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วที่นี่มีทั้งหมด 3 ปาง ได้แก่ ปางจุ้ยบ๋วยเนี้ย หรือ ปางเด็กสาว “องค์โม่เหนียง” (หลงหนี่ว์) ตำนานเล่าว่าองค์ท่านชอบปฏิบัติธรรม ในตอนเช้าจะไปเก็บน้ำค้างมารักษาผู้คน ผู้มาสักการะจะขอพรเรื่องการเดินทางให้ราบรื่น ไร้อุปสรรค และ มีความรักที่สดชื่น

ปางให่ตั้งหม่า หรือ ปางผู้ใหญ่ ในอดีตคือช่วงที่เป็นเซียนแล้วชื่อ “องค์เจ้าแม่หม่าโจ้ว” จุดสังเกตคือ จะมีองค์ขนาดใหญ่ นิยมขอพรเรื่องการค้าขาย เงินทอง ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง

ปางเทียนโหวเซี่ยบ้อ หรือ ปางเทพ “องค์เทียนโหวเซี่ยบ้อ” จุดสังเกตคือ สวมชุดจักรพรรดิ ลักษณะชุดสำหรับผู้ชาย โดยมีหมวกแบบฮ่องเต้ มีม่านมุกปิดบังครึ่งหน้าและจะต้องมีตราแผ่นป้ายที่บอกถึงตำแหน่งขององค์ท่านเรียกว่า ตาตั้ง ก๊กอิ่น หรือตราประทับแว่นแคว้นและบ่งบอกว่าคือจักรพรรดิ เขียนว่า เทียนโหวเซี่ยบ้อ และประทับอยู่ตรงกลาง เชื่อว่าท่านประทับอยู่บนสวรรค์ มีเมตตาจิตสูง ผู้คนนิยมขอพรเรื่องสุขภาพแข็งแรง รักษาทรัพย์ที่มีไว้ให้ลูกหลาน การมีครอบครัวที่อบอุ่น มั่นคง ร่มเย็น.