วันเสาร์, มีนาคม 22, 2025
Home > Cover Story > พอลล์ กาญจนพาสน์ เปิดแผน IMPACT สู่ Tourism Destination 

พอลล์ กาญจนพาสน์ เปิดแผน IMPACT สู่ Tourism Destination 

อุตสาหกรรมไมซ์ เป็นหนึ่งในเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยภูมิรัฐศาสตร์ของไทยบนภูมิภาคนี้ ส่งผลให้ไทยคือจุดหมายปลายทางสำคัญของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ โดยปี 2568 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ (TCEB) ตั้งเป้าจำนวนนักเดินทางไมซ์ที่ 34 ล้านคน คาดว่าจะสร้างรายได้ 2 แสนล้านบาท

โดยภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์ในปีงบประมาณ 2567 พบว่ามีจำนวนนักเดินทางไมซ์ประมาณ 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 43.37% แบ่งเป็นนักเดินทางไมซ์ภายในประเทศประมาณ 24 ล้านคน และนักเดินทางจากต่างประเทศประมาณ 1 ล้านคน สร้างรายได้รวมประมาณ 1.4 แสนล้านบาท

ด้วยตัวเลขมูลค่าของอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการศูนย์จัดการประชุมงัดกลยุทธ์เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งจากมูลค่าดังกล่าว รวมถึงการสร้างข้อได้เปรียบให้ตัวเองสำหรับตลาดนี้

สอดรับกับแผนการดำเนินงานของ IMPACT ที่จะเสริมทัพธุรกิจเพิ่มจุดแข็งรอบด้าน ความพร้อมในการรองรับการจัดงานนิทรรศการ คอนเสิร์ต ด้วยการลงทุนสร้างโรงแรมเพิ่ม หนุนการเติบโตของธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต แม่ทัพใหญ่อย่าง พอลล์ กาญจนพาสน์ ให้ข้อมูลกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่า

“การปั้นเมืองทองธานี ให้เป็นTourism Destination คือแผนสำคัญสำหรับปี 2568 และเป้าหมายสำคัญคือการสร้าง Smart City ที่จะต้องมีความพร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะการที่มีระบบขนส่งสาธารณะจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยดึงดูดและทำให้คนตัดสินใจเดินทางมายังเมืองทองธานีง่ายขึ้น นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะเพิ่มระบบ CCTV ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องฮาร์ดแวร์เท่านั้น แต่รวมถึงเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย และการลงทุนหลักของเรานอกจากร่วมลงทุนในรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย 2 สถานีมายังเมืองทองธานีแล้ว เรายังวางแผนลงทุนพัฒนาโรงแรมแห่งใหม่ระดับ 4-5 ดาว ขนาด 1,000 ห้อง ใช้งบประมาณลงทุนกับโรงแรมประมาณ 5,000 ล้านบาท”

ดูเหมือนว่า IMPACT จะรับรู้ปัญหาของตัวเอง ทั้งเรื่องเส้นทางการจราจรที่จะประสบปัญหารถติด เมื่อมีการจัดงานขนาดใหญ่พร้อมกันหลายงาน รวมถึงที่พักสำหรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ หรือนักท่องเที่ยวกลุ่มงานคอนเสิร์ต ที่อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนโรงแรมน่าจะนำไปสู่การเตรียมพร้อมสำหรับแผนธุรกิจอื่นในอนาคต

“ปัจจุบันเมื่อมีการจัดงานสเกลใหญ่ใน IMPACT พร้อมๆ กัน เราไม่สามารถรองรับผู้ต้องการเข้าพักโรงแรมได้ทั้งหมด แต่การลงทุนด้านโรงแรมจะเพิ่มศักยภาพในการเป็นพื้นที่จัดงานขนาดใหญ่ ทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ นี่คือโอกาสด้านรายได้สำคัญ ทำให้ IMPACT ก้าวสู่สเต็ปของการเป็น Destination Tourism แต่ถ้าโรงแรม ร้านอาหารไม่เพียงพอ จะทำให้เราสูญเสียโอกาส เรามั่นใจมากว่าแผนการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการหนุนให้ดีมานด์เพิ่มขึ้น”

นอกจากนี้ IMPACT ยังวางเป้าหมายขยายการลงทุนสร้างโรงแรมเพิ่มเติมเป็น 3,000 ห้อง ภายในปี 2573 และ 5,000 ห้องภายในปี 2578

ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสีชมพูส่วนต่อขยาย นายใหญ่ของ IMPACT มองว่าการลงทุนสูงถึง 1,200 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แทรฟฟิกจำนวนคนที่จะเดินทางเข้ามาชมงานน่าจะเพิ่มขึ้น

“เราเห็นปัญหาเรื่องการจราจรมายังภายในศูนย์ประชุมของเราตลอด โดยเฉพาะช่วงที่มีการจัดงาน THAIFEX เราได้รับรู้ฟีกแบ็กจากผู้เข้ามาชมงานตลอด ซึ่งนี่จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก เมื่อเราร่วมลงทุนกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย 1,200 ล้านบาท สำหรับ 2 สถานี คือ อิมแพ็คเมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทอง โดยเฉพาะสถานีอิมแพ็คเมืองทองธานี ที่สามารถเดินเข้ามายังภายในอาคารจัดงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ที่บอกว่าคุ้มค่า ไม่ใช่แค่เรื่องการขนส่งคนเข้ามาที่งานใน IMPACT เท่านั้น แต่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบของเมืองทองยังได้รับประโยชน์จากการลงทุนนี้ด้วย” พอลล์ ขยายความ ก่อนจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า

ปีที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรม MICE ในไทยประสบความสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 จำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ IMPACT เกือบ 10 ล้านคน หลังการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายคาดว่าจะเพิ่มจำนวนผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้น 10%

ขณะที่ พอลล์ กาญจนพาสน์ มองภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์ว่า ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนของภาครัฐ และแผนธุรกิจของ IMPACT ที่จะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาจัดงานแสดงสินค้า การประชุมในไทยเพิ่มขึ้น

“สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งไทยและโลก อาจมีผลกระทบต่อการจัดงานบ้าง เพราะงบประมาณส่วนนี้อยู่ในงบการตลาด ฉะนั้นเราต้องโฟกัสจากกลุ่มที่น่าจะมีโอกาส นั่นคือ จีน อินเดีย 2 ประเทศนี้มีปัจจัยหลายด้านที่ทำให้เราต้องโฟกัส ทั้งการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี โดยเฉพาะจีนที่เราต้องสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ไม่ใช่การพูดคุยแค่กลุ่ม Exhibitor เท่านั้น แต่เราต้องเชื่อมสัมพันธ์ไปถึง Exhibition Hall ให้เกิดความสัมพันธ์แบบไปกลับ หรือการหา Exhibitor ให้กันและกัน จีนเป็นประเทศใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดงานเมืองเดียวแล้วสามารถดึงดูดคนให้มารวมที่เดียวกัน เราต้องขยายโอกาสออกไปยังเมืองต่างๆ ด้วย และอาจมีแผนที่จะตั้งศูนย์ธุรกิจที่จีนในอนาคต”

เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ โครงการมูลค่าแสนล้านบาทของรัฐบาล ที่ผ่านร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ… ไปเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือรอผ่านด่านสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะเปิดไฟเขียวให้หรือไม่ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 7-9 เดือน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่จะถูกบรรจุอยู่ในเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ร้านอาหาร, ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับหรือบาร์, สนามกีฬา, ยอชต์และครูซซิ่งคลับ, สถานที่เล่นเกม, สระว่ายน้ำและสวนน้ำ, สวนสนุก, พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอทอป และกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด

สำหรับพื้นที่เป้าหมาย รัฐบาลเปิดเผยว่า จะเน้นพื้นที่เมืองท่องเที่ยวเป็นหลัก 5 จุด คือ กรุงเทพฯ 2 แห่ง พัทยา 1 แห่ง ภูเก็ต 1 แห่ง เชียงใหม่ 1 แห่ง ขณะที่คุณสมบัติของนักลงทุนจะต้องเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในประเทศไทยและมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท

ซึ่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เป็นหนึ่งในโครงการที่ IMPACT ให้ความสนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของผู้ลงทุน

“อิมแพ็คให้ความสนใจโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์เช่นกัน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล เมื่อพิจารณาแล้วเรามีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนาเกือบ 1,000 ไร่ ซึ่งในจำนวนนี้มี 200-300 ไร่ เป็นที่ดินติดทะเลสาบ แต่ต้องบอกว่าโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะโฟกัสเป็นอันดับแรก  เพราะการตัดสินใจของรัฐบาลเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา และยังต้องรอความชัดเจนว่า โครงการนี้จะเกิดขึ้นได้ภายในกรอบเวลาหรือไม่  ซึ่งถ้าเรารอให้เมกะโปรเจกต์นี้เป็นรูปเป็นร่าง หรือรอการตัดสินใจของรัฐบาล ธุรกิจเราก็คงไม่ได้เริ่มพัฒนา  เดิมที การเข้าร่วมกับเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ เคยเป็นแผนแรกของเรา แต่เมื่อพิเคราะห์แล้วมันเป็นการรอคอยโดยที่ไม่มีอะไรการันตี ดังนั้น เราจึงปรับแผนมาสู่การพัฒนาให้อิมแพ็คเป็น Tourism Destination เพราะอย่างไรก็ตาม ธุรกิจหลักของเราคือ ศูนย์การประชุมแสดงสินค้า นิทรรศการและการจัดคอนเสิร์ต” พอลล์ กาญจนพาสน์ เผย

นอกจากมืออาชีพทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจในโครงการนี้ เช่น Las Vegas Sands Corporation, Wynn Resorts, Caesars Entertainment, MGM China Holdings Limited, Hard Rock International และ กลุ่ม Melco Resorts & Entertainment ยังมีนักลงทุนในไทยอีกหลายราย เช่น บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA), กลุ่มเดอะมอลล์, บริษัท พราว กรุ๊ป จำกัด, กลุ่มซีพี, บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน), บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

แผนการปั้น IMPACT โดยมีเป้าหมายไปสู่การเป็น Tourism Destination พร้อมแผนการพัฒนาที่จะเสริมศักยภาพอย่างรอบด้าน เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยว่า พอลล์ กาญจนพาสน์ จะสามารถนำพา IMPACT ไปสู่จุดหมายได้หรือไม่ รวมถึงการเปิดเผยความต้องการที่จะลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เป็นเรื่องที่น่าจับตา.