Home > Cover Story (Page 2)

เจาะแนวรบร้านสะดวกซัก เม็ดเงินพุ่งพรวดหมื่นล้าน

Convenient laundry shop หรือร้านสะดวกซักเติบโตก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากปี 2563 มีมูลค่าตลาดราว 3,000 ล้านบาท พุ่งพรวดสูงถึง 13,500 ล้านบาทในปี 2567 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคปัจจุบัน  ธุรกิจร้านซักผ้าในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญทั่วไป (Coin-Operated Laundry Machines) เป็นเครื่องซักผ้าแบบครัวเรือนที่ติดตั้งระบบหยอดเหรียญ ใช้เงินลงทุนไม่สูงแต่ความทนทานน้อยกว่า ทำให้มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงและเปลี่ยนเครื่องซักผ้าในระยะยาว จำนวนผ้าซักต่อรอบการเดินเครื่องมีจำกัด กลุ่มร้านซักรีดทั่วไป (Traditional Laundry Services) มีพนักงานให้บริการครบวงจร ตั้งแต่ซัก อบ รีด โดยลูกค้านำผ้ามาฝากไว้ที่ร้าน บางร้านมีบริการเสริม เช่น รับ-ส่งผ้าถึงบ้าน สามารถซักผ้าที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เสื้อสูท ชุดแต่งงาน หรือผ้าที่มีความบอบบาง สุดท้ายที่กำลังได้ความรับความนิยม คือ ร้านสะดวกซัก (Laundromat) ให้บริการเครื่องซักอบผ้าแบบบริการตนเอง มาตรฐานอุตสาหกรรม มีความทนทานสูง

Read More

พี่วัว WashXpress ได้ฤกษ์ยื่นไฟลิ่งรุกแผนการใหญ่

7 ปีก่อน ชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล อยู่ในแวดวงธุรกิจอพาร์ตเมนต์ เห็นผู้เช่าส่วนใหญ่ไม่มีเครื่องซักอบผ้า ยิ่งช่วงหน้าฝนเฉอะแฉะ การซักผ้าที่แสนธรรมดากลายเป็นเรื่องใหญ่ทันที เขาเกิดปิ๊งไอเดียลงทุนกิจการเครื่องซักอบผ้าอัตโนมัติแบบหยอดเหรียญและนั่นกลายเป็นสารตั้งต้นของ WashXpress ที่วันนี้กำลังเดินหน้าแผนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) แต่กว่าจะมาถึงวันที่ WashXpress ขยายเครือข่ายสาขาไปมากกว่า 500 จุด ชิษณุพันธ์ต้องฝ่ามรสุมหลายลูก เพราะแม้กิจการเริ่มแรกมีลูกค้าแห่มาใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญชนิดหนาแน่น แต่ต้องเจอปัญหาสำคัญ คือ ประสิทธิภาพและความทนทานของเครื่องซักอบผ้ามาตรฐานครัวเรือน ไม่เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์ เสียหายบ่อยครั้ง และใช้เวลาซ่อมแซมนาน นอกจากนั้น เครื่องซักผ้าทั่วไปยังขาดประสิทธิภาพในการซักผ้าจำนวนมาก ส่งผลให้ลูกค้าไม่ได้รับความสะดวกสบายในการใช้บริการ จนเสียโอกาสในการสร้างรายได้ ชิษณุพันธ์ และเพื่อนอีกคน คือ พรสิริ ธัญญานุรักษา จึงริเริ่มแนวคิดการซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักจากต่างประเทศ ซึ่งใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้ามาตรฐานอุตสาหกรรมเข้ามาลงทุนในประเทศไทย แต่การดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซักในรูปแบบแฟรนไชส์ยังมีข้อจำกัด เช่น ความคล่องตัวในการบริหารคุณภาพและมาตรฐานการบริการ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ้าของแฟรนไชส์ และต้องเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์ ซึ่งบางครั้งไม่เหมาะกับเมืองไทย 4 ผู้ร่วมก่อตั้ง ชิษณุพันธ์ พรสิริ อุไรวรรณ และกวิน ในที่สุด  ชิษณุพันธ์และพรสิริตัดสินใจจับมือเพื่อนอีก 2 คน

Read More

Bolt ฮอตรับคนตกงาน เร่งเผยโฉมฟีเจอร์ใหม่

8 พฤษภาคมนี้ ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการทั่วไปประจำโบลท์ (Bolt) ประเทศไทย จะเปิดตัวพบปะสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมเผยโฉมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยใหม่ล่าสุด หลังจากที่ Bolt เข้ามาลุยตลาด Ride Hailing ในประเทศไทยกว่า 5 ปี จนกลายเป็นแพลตฟอร์มเรียกรถที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ อาชีพ Driver กลายเป็นช่องทางเสริมรายได้ของผู้คนจำนวนมาก หากเปรียบเทียบแพลตฟอร์มหรือผู้ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมายจากกรมการขนส่งทางบกหน้าใหม่ ซึ่งรองรับการใช้ “รถยนต์ส่วนบุคคล” ที่วันนี้มีมากถึง 11 ราย ได้แก่ Grab, Bolt, Hello Phuket Service, Bonku, Asia Cab, AirAsia Super App, inDrive, Maxim, LINE MAN, TADA และ Lalamove ครอบคลุม 60 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่ง

Read More

จาก “โรบินฮู้ด” ถึง “ฟู้ดแพนด้า” จับตาเกมกินรวบตลาด 8 หมื่นล้าน

วงการฟู้ดดีลิเวอรีกำลังจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลัง Foodpanda Thailand ประกาศจะปิดบริการในประเทศไทยในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เหตุผลข้อสำคัญ คือ สภาพตลาดไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทและเป็นการปรับกลยุทธ์เชิงภูมิศาสตร์ของกลุ่ม Delivery Hero ซึ่งดำเนินการมาแล้วในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก กานา สโลวะเกีย และสโลวีเนีย เพื่อเปลี่ยนทิศทางพุ่งเป้าตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีศักยภาพและผลตอบแทนสูงกว่า จริงๆ แล้ว บริษัท Rocket Internet สตาร์ทอัปด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศเยอรมนี เป็นผู้ก่อตั้ง foodpanda เมื่อปี 2555 โดยตั้งเป้าหมายขยายแพลตฟอร์ม Food Delivery ไปทั่วโลก และในปีนั้น foodpanda เริ่มขยายธุรกิจเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศไทย โดยถือเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรีออนไลน์เจ้าแรกของประเทศไทย ต่อมา ในปี 2559 บริษัท Delivery Hero ในเยอรมนี เข้าซื้อกิจการจาก Rocket Internet และเปลี่ยนโลโก้จากเจ้าแพนด้าสีส้มเป็นสีชมพู เวลานั้น แอปพลิเคชัน foodpanda

Read More

เสียงสะท้อนจาก “แสงแรก” โลกมืดที่ต้องใช้หัวใจดู

แม้ว่าทุกวันนี้โลกจะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เศรษฐกิจซบเซา สงครามการค้า ภัยพิบัติต่างๆ กระนั้น วิกฤตเหล่านี้ยังมีแง่มุมที่สวยงามให้เห็น แต่โลกของคนอีกกลุ่มหนึ่ง กลับมืดสนิทและไม่สามารถมองเห็นได้ นอกจากใช้จินตนาการจากการฟัง ประเทศไทยมีผู้พิการทางการมองเห็นนับแสนคน โดยจำนวนหนึ่งจะได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในด้านฝึกอาชีพ พัฒนาศักยภาพ ความรู้ความสามารถ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต “เราเป็นมูลนิธิช่วยคนพิการแห่งแรกในไทย นอกจากการฝึกอาชีพแล้ว เรายังเสริมสร้างความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันให้สามารถอยู่ร่วมในสังคมได้อย่างมีความสุขเฉกเช่นคนปกติทั่วไป ตลอดระยะเวลาของการดำเนินการของมูลนิธิฯ กว่า 86 ปี เราต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการบริจาคของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งความช่วยเหลือที่ได้รับมีหลายทาง รวมถึงโอกาสในการสร้างอาชีพเพื่อหารายได้ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิตของคนตาบอดมากที่สุด” เสาวณี สุวรรณชีพ ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้พิการในไทยยังคงต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า โดยเฉพาะเรื่องการเดินทาง ที่แม้ภาครัฐจะมีแผ่นปูทางเดินสำหรับผู้พิการทางการมองเห็น แต่บางจุดลักษณะการปูแผ่นทางเดินไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งาน “เราต้องการสร้างการรับรู้ให้แก่สังคม สร้างความตระหนักเกี่ยวกับความสำคัญในการสนับสนุนผู้พิการทางการมองเห็น โดยมุ่งเน้นในการสร้างการมีส่วนร่วมจากบุคคลทั่วไป ภาคธุรกิจ องค์กร ภาครัฐ พร้อมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สนับสนุนและสังคมได้รับทราบถึงการขับเคลื่อนพันธกิจหลักของมูลนิธิฯ เราจึงจัดโครงการ ปิดตา เปิดใจ Open Mind Together ซึ่งมีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการทางการมองเห็นได้แสดงออกด้านทักษะ และความสามารถ” แสงแรก

Read More

ความเสี่ยงอุตสาหกรรมอาหาร กับกำแพงภาษีสงครามการค้า 2.0

ทั่วโลกกำลังจับตามองสถานการณ์สงครามการค้า 2.0 ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เปิดฉากอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนว่าแนวทางการเปิดฉากสงครามจะดุเดือดมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ต้นเหตุน่าจะมาจากความง่อนแง่นทางเสถียรภาพทางการเงินการคลังของสหรัฐฯ ที่เข้าใกล้คำว่า “ถังแตก” เต็มที จากหนี้ที่ต้องแบกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ คือ ญี่ปุ่น มูลค่าหนี้ 1,125.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจีน มูลค่าหนี้ 784.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เหตุผลดังกล่าว น่าจะส่งผลต่อเสถียรภาพความมั่นคงในฐานะผู้นำเศรษฐกิจโลก ทว่าสงครามการค้าในครั้งนี้ สหรัฐฯ ไม่ได้เป็นต่อเช่นที่ผ่านมา เหมือนการขว้างบูมเมอแรงออกไปยิ่งแรงเท่าไร ยิ่งสะท้อนกลับมาแรงและหนักเป็นเท่าตัว เมื่อสหรัฐฯ เริ่มเกมด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% การตอบโต้อย่างสาสมจากผู้นำแดนมังกร ที่ดูจะไม่สะทกสะท้าน และยังคงท้าทายอำนาจมืดจากซีกโลกตะวันตกชนิดที่เรียกได้ว่า ไม่หวั่นเกรง พร้อมแลกแบบหมัดต่อหมัด ด้วยการตอบโต้กลับโดยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากสหรัฐฯ 10-15%  ในยกแรก และหลังจากนั้นเรายังได้เห็นการตอบโต้กันด้วยการเพิ่มอัตราภาษีอย่างต่อเนื่องจากทั้งสองประเทศ ในขณะที่ไทย แม้จะยังไม่ได้เลือกข้างอย่างชัดเจน แต่กลับต้องโดนกำแพงภาษีที่สหรัฐฯ ตั้งใส่เช่นกัน รัฐบาลไทยวางแผนการเจรจาหลังสิ้นสุดเทศกาลสาดน้ำดับร้อน โดยหวังว่าผลของการเจรจาระหว่างรัฐต่อรัฐจะช่วยดับไฟสงครามไม่ให้ลุกลามมายังดินแดนด้ามขวาน อุตสาหกรรมของไทยที่น่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ คือ อุตสาหกรรมอาหารที่พบว่ายังมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในสาขาการผลิตที่ทำให้ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูง ข้อมูลล่าสุดปี

Read More

สำรวจความซ่าของเป๊ปซี่ 7 ปี ภายใต้ปีก “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค”

“เป๊ปซี่” (Pepsi) เข้ามาในเมืองไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ด้วยการจับมือกับ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ในรูปแบบของพาร์ตเนอร์ที่ได้รับสิทธิ์ในการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มโคล่า ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เป๊ปซี่” ในประเทศไทย จากเป๊ปซี่โค อินค์. (PepsiCo) บริษัทแม่ของแบรนด์เป๊ปซี่จากสหรัฐอเมริกา โดยทางกลุ่มเป๊ปซี่โคจะขายหัวเชื้อเป๊ปซี่ให้ ส่วนการผลิตและจัดจำหน่ายในไทยเป็นของเสริมสุข หลังจากนั้นเครื่องดื่มเป๊ปซี่ก็เป็นที่รู้จักและครองใจคนไทยมาได้อย่างยาวนาน โดยตีคู่กับอีกหนึ่งแบรนด์ดังอย่าง “โคคา-โคล่า” หรือ โค้ก (Coke) ปี 2555 หลังจากร่วมเดินทางกันมากว่า 59 ปี สุดท้ายกลุ่มเป๊ปซี่โคและเสริมสุขตัดสินใจยุติสัญญากัน โดยบริษัท เป๊ปซี่โค อินค์. ได้จัดตั้งบริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในประเทศไทยด้วยตัวเอง ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา ในขณะที่เสริมสุขก็หันมาผลิตน้ำดำแบรนด์ใหม่เข้ามาท้าชิง ในชื่อ “Est Cola”

Read More

“แมริออท” ยักษ์ใหญ่ธุรกิจโรงแรม เดินเกมรุก เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ขยายตลาดในไทย

การท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมกำลังกลับมาฟื้นตัวและคึกคักขึ้นอีกครั้ง หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เห็นได้จากการเปิดตัวโรงแรมและที่พักหลายระดับที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากทั้งผู้เล่นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงยักษ์ใหญ่จากอเมริกาในธุรกิจโรงแรมอย่าง Marriott International ที่เดินหน้ารุกตลาดเมืองไทยแบบไม่แผ่วเช่นกัน ในธุรกิจโรงแรม Marriott International (แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล) ครองตำแหน่งเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพอร์ตโฟลิโอที่เรียกได้ว่าทรงพลัง ด้วยแบรนด์ชั้นนำในเครือมากกว่า 30 แบรนด์ มีโรงแรมทั่วโลก 9,300 แห่ง ใน 142 ประเทศและเขตแดน รวมจำนวนห้องพักมากถึง 1.7 ล้านห้อง ปี 2567 ที่ผ่านมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นจีน) หรือ APEC มีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยมีการลงนามข้อตกลงใหม่จำนวน 109 ฉบับ ใน 11 ตลาด คิดเป็นจำนวนห้องพักที่เพิ่มเข้าไปในแผนพัฒนารวม 21,439 ห้อง และปิดจบปีด้วยจำนวนห้องพักในแผนพัฒนาของภูมิภาครวม 77,532 ห้อง สำหรับในปี 2568 แมริออท มีแผนบุกตลาดที่เข้มข้นไม่แพ้กัน

Read More

เดอะมอลล์เร่งเครื่อง “คัดไทย” สนาม Young Smart Farmer

เดอะมอลล์กรุ๊ปเริ่มโปรเจกต์ “คัดไทย” เมื่อ 5 ปีก่อน ต่อยอดจากงาน Bangkok Fruit Fest ที่จัดต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี โดยกำหนดเวลาช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ซึ่งผลผลิตผลไม้จะออกสู่ตลาดมากที่สุด หลากหลายที่สุด จนถือเป็นเทศกาลใหญ่ประจำปีของกูร์เมต์ มาร์เก็ต และ โฮม เฟรช มาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต ปี 2563 บริษัททุ่มจัดงาน “คัดไทย ผลไม้ไทย 2020” โดยเดินสายเปิดเทศกาลในห้างเดอะมอลล์สาขาใหญ่ๆ  เน้นการคัดสินค้าส่งตรงจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดหลังจากนั้นเดินหน้าทุกปีและขยายผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้นตามกระแสสินค้าโอทอปไปจนถึงยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล ช่วงปี 2565 แม่งานใหญ่อย่าง พลอยชมพู อัมพุช ผู้อำนวยการใหญ่บริหารสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ตัดสินใจปลุกปั้นแบรนด์ “คัดไทย มาร์เก็ต” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ตลาดนัดแห่งแรงบันดาลใจ” การสร้างสรรค์สินค้าที่ดีของกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ต้องการส่งผลผลิตที่มีคุณภาพดีที่สุดให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะการดึงเกษตรกรรุ่นใหม่ออกมาให้ผู้คนได้รู้จัก คัดผลผลิตจากกลุ่ม Young Smart Farmer

Read More

เส้นทาง “เลย์-เทสโต” 30 ปี สงครามมันฝรั่ง

ตลาดสแน็กไทย เม็ดเงินรวมกว่า 47,000 ล้านบาท อัตราเติบโต 9% โดยกลุ่มมันฝรั่งทอดกรอบ (Potato Chip) มีมูลค่ามากกว่า 15,000 ล้านบาท เป็นผลจากการออกรสชาติใหม่ๆ นับร้อย และการต่อสู้ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ คือ เลย์ (Lays)-เทสโต (Testo) มาตลอด 30 กว่าปี อย่างไรก็ตาม หากย้อนไทม์ไลน์สารตั้งต้นแล้ว เส้นทางของเลย์ยาวนานมากกว่า เริ่มจาก Herman W. Lay ชายชาวอเมริกัน ที่เมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ราว 80 กว่าปีก่อน เล่ากันว่า ช่วงปี ค.ศ. 1920 เลย์เป็นนักศึกษาทุนมหาวิทยาลัย Furman University แต่เรียนในรั้วมหาวิทยาลัยได้เพียง 2 ปี ตัดสินใจลาออกมาทำงานหารายได้เป็นเซลส์แมนขายบิสกิต ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นเซลส์แมนขายมันฝรั่งทอดให้บริษัท Barrett

Read More