“ไข่มุก” เป็นหนึ่งในเครื่องประดับสุดคลาสสิกที่ยังได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องทุกยุคทุกสมัย และนับวันจะมีราคาสูงมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะโลกร้อนที่กระทบต่อกระบวนการเกิดของไข่มุกตามธรรมชาติ จึงทำให้ไข่มุกหายาก สวนทางกับความต้องการของตลาดที่ยังคงไม่แผ่ว
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ระบุว่า ปี 2566 ตลาดเครื่องประดับไข่มุกมีมูลค่า 11.84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 12.9% และคาดว่าปี 2573 ตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ได้แก่ ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, จีน และสหรัฐอเมริกา
ซึ่งปัจจัยที่จุดกระแสความนิยมให้กระพือมากขึ้นและขับเคลื่อนตลาดเครื่องประดับไข่มุกให้เติบโตเป็นผลมาจากการที่ดารา นักร้อง และผู้มีชื่อเสียงหันมาสวมใส่เครื่องประดับไข่มุกมากขึ้น, กระแส Y2K และ Nostalgia ทำให้เครื่องประดับไข่มุกกลับมาได้รับความนิยม, ไข่มุกมีเฉดสีที่หลากหลายสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ รวมถึงแบรนด์เครื่องประดับก็หันมาใช้ไข่มุกรวมกับอัญมณีชนิดอื่นมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้กระแสความนิยมไข่มุกในตลาดเพิ่มมากขึ้นทั้งในระดับสากลและในเมืองไทย
แต่ถึงกระนั้นตลาดไข่มุกยังต้องพบกับความท้าทายใหญ่ๆ 2 ประการ คือ การผลิตที่ลดลงไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความขาดแคลนของไข่มุกในแหล่งกำเนิด
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นคือ จากกระแสความนิยมดังกล่าว ทำให้ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการซื้อขายไข่มุกในรูปแบบใหม่เกิดขึ้น และกำลังแพร่หลายเป็นอย่างมากในสังคมออนไลน์ โดยเป็นการขายไข่มุกที่เรียกว่า
Akoya Pearlpearlตลาดเครื่องประดับไข่มุกบริษัท เทรซ จิวเวลรี่ จำกัดหอยมุกอะโกย่าเยือนจันทร์ ชัยวัฒน์ไข่มุก Read More