ธุรกิจ Food Delivery โดนพิษน้ำมันแพงเล่นงานอย่างหนักและมีแนวโน้มพุ่งสูงต่อเนื่องยาวถึงสิ้นปีบวกกับวิกฤตกำลังซื้อถดถอยและต้นทุนวัตถุดิบอาหารแพงทั่วประเทศกลายเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ทำให้กลุ่มแอปพลิเคชันต่างอัดโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นตลาดและเร่งแตกไลน์บริการชดเชยรายได้ที่หายไป
ขณะเดียวกันบรรดากูรูจับตากระแสข่าวที่เกิดขึ้นกับ 2 ยักษ์ใหญ่ ทั้งกรณีกลุ่มเซ็นทรัลเตรียมถอนหุ้นจาก “เจดี ดอทคอม” บิ๊กอีคอมเมิร์ซในจีนและเบอร์ 3 ของโลก และกรณีกลุ่มช้อปปี้ (Shopee) สั่งปลดพนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย โดยในประเทศไทยเป็นการปลดพนักงานในส่วน ShopeePay และ ShopeeFood ประมาณ 300 คน มีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
แม้หลายฝ่ายยืนยันว่า ทั้งสองกรณีไม่ใช่ผลกระทบจากตลาดหดตัว แต่เป็นเรื่องความไม่ถนัดและแนวคิดที่ไม่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะ ShopeeFood ยังไม่สามารถเจาะตลาดได้ตามเป้าหมาย ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจสุ่มเสี่ยง เกิดวิกฤตพลังงานและวิกฤตอาหารรุนแรงขึ้น
ล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยผลสำรวจและประเมินธุรกิจจัดส่งอาหารไปยังที่พัก (Food Delivery) กำลังเผชิญความท้าทายจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง ผู้คนส่วนใหญ่กลับไปใช้ชีวิตเกือบปกติอีกครั้ง ทั้งกลุ่มพนักงานและกลุ่มนักเรียนนักศึกษา
ขณะเดียวกันผู้บริโภคต่างเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ซึ่งมีผลต่อปริมาณการสั่งอาหารมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทั้งผู้ประกอบการร้านอาหาร ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์จัดส่งอาหารไปยังที่พัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการจัดส่งอาหารไปยังที่พัก หรือไรเดอร์ (Rider)
Food DeliveryShopeeFoodน้ำมันแพงพิษน้ำมันแพง Read More